บทความที่ได้รับความนิยม


Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

เส้นทางเถ้าแก่ในรอบปี 2553 สิบอาชีพแม่แบบทำได้-ขายดี


1."ไต้หวัน"กว้านซื้อปลิงแห้งทำยาใน รอบปี 53 ที่ผ่านมา ′เส้นทางเถ้าแก่′ นำเสนออาชีพหลากหลาย ส่วนใหญ่จะเป็นอาชีพที่ต้นทุนไม่สูงมาก ท่านใดต้องการนำไปเป็นแบบอย่างเพื่อเป็นแนวทางประกอบอาชีพ ทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเองและครอบครัว

1-′ไต้หวัน′กว้านซื้อปลิงแห้งทำยา

เริ่ม จากอาชีพของหนุ่มใหญ่จ.นครพนม นายยงยุทธ ปาทาน ชาว อ.นาหว้า รับซื้อ ′ปลิง′ สัตว์น้ำจืดเกาะแข้งเกาะขาดูดเลือด ช่วงฤดูฝนประมาณกลางเดือน ก.ค.-ก.ย.หลังปักดำเสร็จ ของทุกปี ถนนสายนาหว้า-บ้านเชือม อ.นาหว้า จะเห็นเพิงร้านจุดรับซื้อปลิงสด

เหตุที่มาผันจากขายเนื้อวัวสด ลาบ ก้อย มารับซื้อปลิง เนื่องจากผู้รับซื้อคนเก่าที่อยู่เพิงติดกันเสียชีวิต ที่ผ่านมารู้เห็นมาตลอดติดต่อกับชาวไต้หวันที่รับซื้อเอง จากนั้นก็เลิกขายเนื้อ มารับซื้อ-ขายปลิง

"ไต้หวันรับซื้อไปผสมตัว ยาจะต้องอบแห้งก่อน ช่วง 3 เดือนนี้ชาวบ้านที่จับมาขายผมมีรายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 600-700 บาท รับซื้อกิโลกรัมละ 160 บาท"

ท่านใดที่อยากทำอาชีพนี้ทั้งเป็นผู้รับและเป็นผู้ขายปลิงสอบถามได้ที่โทร. 08-9832-2996

2-เมียตร.สภ.ปากเกร็ด-ให้สูตรหมูปิ้ง

อาชีพ หมูปิ้งของกลุ่มแม่บ้านตำรวจปากเกร็ด จ.นนทบุรี ไปไกลถึง จ.กระบี่ นางอั้ว อักษร แกนนำทำหมูปิ้ง เผยว่า หลังจากที่กลุ่มแม่บ้านตำรวจปากเกร็ดถูกนำเผยแพร่ทำให้มีลูกค้าขยายกลุ่มมาก ขึ้น ลูกค้าส่วนมากมาจากกทม.และที่ใกล้สุดคือจ.กระบี่ลูกค้าทางกระบี่ จะซื้อหมูหมักไปดัดแปลงแบบของไม้เสียบหมูเพราะจะไปขายนักท่องเที่ยว

"บาง รายโทร.ขอสูตรหมักหมู บางรายก็เล่าว่ากำลังตกงานอยากยึดอาชีพหมูปิ้งขายก็บอกเขาไป ถือว่าเป็นการให้อาชีพ มีหน่วยงานทหารขอให้ไปสอนกลุ่มแม่บ้านทหาร เราก็ยินดีขอเพียงแต่ให้รักษาคุณภาพ เนื่องจากทุกขั้นตอนมีสูตร ทุกวันพยายามเน้นย้ำกับทุกกลุ่มที่ร่วมกันทำอาชีพนี้ว่าต้องทำให้ดีมี มาตรฐาน"

อยากชิมหมูปิ้งกับข้าวเหนียวร้อนๆ หรืออยากได้วิชาก็มาที่ สภ.ปากเกร็ด

3-ปลาสลิดบางพลีถึงเวลาโกอินเตอร์

สวน แม่ค้าปลาสลิดอย่าง นางวัชรา นิกะดานนท์ อดีตแม่ค้าขนมหวาน น้ำปั่น อาหารตามสั่ง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ผันตัวเองมาเป็นเถ้าแก่ส่งปลาสลิดให้กับแม่ค้ารายย่อยทั่วไป ถือว่ามาถูกทาง หันมาขายปลาสลิดด้วยทุนติดตัวมาน้อยนิดเท่านั้นปัจจุบันตั้งตัวได้สบายมาก ที่สำคัญต้องขยันและรู้จักการพัฒนา ตอนนี้ปลาสลิดส่งขายไปต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะการบรรจุผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะในเรื่องของกลิ่นต้องเก็บกลิ่นได้ดี นอกจากจะรับสั่งจองทางโทรศัพท์แล้ว ยังขายตามตลาดนัดด้วย







สำหรับท่านใดที่ต้องการเทคนิคค้าขายปลาสลิด อย่างรู้วิธีหมักหรือทอดอย่างไร สามารถโทร. สอบถามได้ 08-4426-5806

-ชีวิตไม่ท้อ-เพียงแค่ขอโอกาสเท่านั้น

มา ที่จ.เชียงใหม่ พบกับ นายพงษ์ศักดิ์ บุญมหา บ้านศักยภาพ เลขที่ 33 ถ.มูลเมือง ซอย 6 ต.ศรีภูมิ อ.เมือง เป็นหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบต้นๆ พิการเนื่องจากกล้ามเนื้ออ่อนแรงตั้งแต่ 8 ขวบ แต่ไม่ใช่อุปสรรค ทั้งเรื่องการเรียนและอาชีพ

"เริ่มอาชีพขายของที่ระลึกช่วงการแข่ง ขันกีฬาซีเกมส์ที่เชียงใหม่เมื่อหลายปีก่อนตอนนั้นรับมาขายเมื่อเห็นลู่ทาง พื้นฐานชอบการประดิษฐ์อยู่แล้วเลยทำเองขายเอง เข้าประกวดสินค้าโอท็อปก็คว้า 3 ดาวมาโดยตลอดมีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้พิการร่วมกลุ่มผลิตสินค้า"

หลัง จากที่ ′เส้นทางเถ้าแก่′ นำเสนอผลรับที่กลับมา มีลูก ค้าเพิ่มโอกาสได้มีรายได้เช่น บริษัทไมโครซอฟท์ สั่งทำของที่ระลึกของขวัญปีใหม่ และสหกรณ์เลม่อน ฟาร์ม นำสินค้าไปจำหน่าย สมาชิกก็เริ่มขยายตัวมากขึ้น ทางกลุ่มก็มีผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มมากขึ้น เช่นน้ำยาล้างจานที่ทำจากชาจีน สบู่ที่ทำจากพืช ส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรม ชาติ และที่สำคัญหน่วยงานภาคต่างๆ เริ่มหันมาสนับสนุนกันมากขึ้น

สำหรับท่านใดสนใจจะสั่งสินค้าหรือ ท่านใดที่รู้สึกท้อแท้ต่อชีวิต คิดว่าตัวเองไร้ค่ารู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถประกอบอาชีพ โทร.สอบถามได้ที่ 08-9700-1039

5-′ผ้าด้นมือ′บ้านพันเชิง-เล็กใหญ่พร้อมทำตามสั่ง

งาน ฝีมือที่คิดเป็นงานของสตรีนี้แหละ สร้างรายได้ให้ครอบครัวและชุมชนมามากต่อมากแล้ว อย่างเช่นที่ จ.แพร่ นางจิตประไพ ทิพย์ลุ้ย ประธานกลุ่มแม่บ้านพันเชิง ที่ร่วมตัวกลุ่มแม่บ้านทำผ้าด้นมือ หยิบเอาเทคนิคพื้นบ้านผสานวิธีการของมิชชันนารีที่เข้ามาสอนศาสนา สร้างสรรค์เป็นรายได้ให้กับ 5 หมู่บ้านรอบๆวัดพระธาตุช่อแฮ กันถ้วนหน้า

ด้าน นางพัชนี เมืองธรรม เผยว่าหลังจาก ′ข่าวสด′ ในคอลัมน์ "เส้นทางเถ้าแก่" เผยแพร่มีคนโทรศัพท์เข้ามาสอบถามข้อมูลและสั่งจองผ้าเพิ่มขึ้น หลายคนสนใจ บางคนสอบถามวิธีทำบ้าง สงสัยเคล็ดลับในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทางกลุ่มมิได้หวงวิชา มีคนติดต่อเข้ามา สอบถามก็ได้ให้ข้อมูลไปอย่างเปิดเผยตลาดก็ดีขึ้น ขณะนี้อยากเห็นนักท่องเที่ยวที่มาภาคเหนือแวะมามากขึ้น แวะซื้อผ้าด้นมือ มีทั้งกระเป๋าใส่สตางค์ ผ้าห่ม ผ้าคลุมเตียง หมวก ได้ที่กลุ่มแม่บ้านพันเชิง หมู่ที่ 3 ต.ช่อแฮ นอกจากบ้านพันเชิงแล้ว ปัจจุบันขยายออกไปอีก 4 หมู่บ้านคือบ้านต้นไคร้ บ้านป่าแดง บ้านธรรมเมือง บ้านปง มีผู้ผลิตอยู่ถึง 60 ครอบครัว พร้อมที่จะทำงานใหญ่ๆ ได้ถ้ามีการสั่งจองเข้ามา



ผู้ ที่สนใจเรียนรู้ก็ติดต่อเข้ามาได้เพื่อนำความรู้ไปสู่การประกอบอาชีพเสริม สามารถติดต่อมาได้ที่ โทรศัพท์ 08-4949-4205 หรือ 054-633040



6-ร้านขายวัสดุก่อสร้างอยู่ได้-ต้องมีเทคนิค

ยัง คงอยู่ที่จ.เชียงใหม่ นักธุรกิจสาวอย่าง น.ส.มาลี ปันทอย เจ้าของกิจการ "ร้านพร้าววงกบ" อยู่บ้านเลขที่ 348/1-2 ม.4 ถนนเขื่อนเพชร ต.เวียง อ.พร้าว กล่าวถึงธุรกิจด้านอุปกรณ์ก่อสร้างว่าแม้วันนี้เศรษฐกิจไทยไม่ดีขึ้นเท่าที่ ควร แต่การจำหน่ายวัสดุก่อสร้างถือว่าเป็นปัจจัย 4 ยังมีความจำเป็นต้องนำไปก่อสร้างที่อยู่อาศัยในชีวิตประจำวันอยู่ เท่าที่ถามเพื่อนๆ ที่ทำธุรกิจอื่น เช่น จำหน่ายสินค้าฟุ่มเฟื่อยที่ไม่ใช่ธุรกิจปัจจัย 4 เช่น ร้านจิวเวอรี่ เครื่องประดับ ถือ ว่าไม่จำเป็น ไม่ต้องแต่งตัวก็อยู่ได้ เพื่อนนักธุรกิจบางรายต้องปิดกิจการของตัวเองไปเพราะลูกค้าไม่ซื้อเลย เพื่อนๆ เจ้าจองร้านจิว เวลรี่บางรายที่ขยายสาขาต้องปิดสาขาย่อยเหลือไว้เพียงร้านหลักๆ เท่านั้น

"เทคนิค การค้าในยามนี้คือนำสินค้าตัวใหม่ๆ เช่น ลวดลายกระเบื้องปูพื้น-ปูผนังก็ต้องเช็กราคาและเช็กตลาดถึงความต้องการของ ลูกค้าให้มีลวดลายที่ทันสมัย เช่นเดียวกันกับกลุ่ม วงกบ และบานประตู บานหน้าต่างเอง ต้องให้มีคุณภาพและเน้นงานสั่งทำตามความต้องการของลูกค้า ถือว่าเป็นการบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงตามวัตถุประสงค์ ส่วนสีทาบ้านเองก็เช่นกัน ต้องเน้นสีที่ดีมีคุณภาพราคาไม่เอาเปรียบผู้บริโภค จึงครองใจลูกค้าได้มาถึงทุกวันนี้



7-′เรือปราณรีสอร์ท′ความฝันที่ต้องกู้แบงก์

มา ที่จ.ประจวบฯ คุณลุงไพโรจน์ ต้นโต ผู้ตามหาฝันของตนเองเจอ จากที่เคยเป็นชาวเลหาปูหาปลามาขายเจ้าของ รีสอร์ต แอบฝันเล็กๆ กว่า 20 ปีว่าอยากทำรีสอร์ตบาง กระทั่งรับที่ดินมรดกกว่า 7 ไร่ พกโฉนดไปขอกู้แบงก์ทหารไทย ฝันจึงเป็นจริง

"ที่ดินเป็นของเรา 7 ไร่แบ่งมาสร้างรีสอร์ต 2 ไร่ ปลูกสร้างผสมผสานกับสวนมะม่วง ขนุน ตะแบก ฯลฯ เปิดบริการมาตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.50 ชื่อบ้านเรือปราณรีสอร์ท"

เป็น อาชีพที่ต้องลงทุนมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ที่สำคัญอย่าไปกู้นอกระบบ ธนาคารหลายแห่งพร้อมปล่อยกู้ ท่านใดผู้สนใจ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 08-3108-0260 หรือโทร. 0-3263-0613



8-′ปลาร้า′รสนัวขายได้ทุกวัน

′ ปลาร้า′ที่ตลาดสดเมืองสกลนคร มีอยู่เจ้าหนึ่งที่รสชาตินัว แม่ค้าส้มตำหรือตำบักหุ่ง เป็นขาประจำ นางสุนันทา เหง้าน้อย หรือชาวบ้านเรียก "คุณลำยอง" บ้านพะเนาว์ หมู่ที่ 2 ต.ห้วยยาง อ.เมืองสกลนคร เจ้าของสูตรปลาร้าใส่ส้มตำสูตรแซ่บ ตำรับ "คุณลำยอง" เผยว่า มียอดจำหน่ายวันละไม่ต่ำว่า 4,000-5,000 บาท

นางสุนันทา เล่าว่ายิ่งช่วงเทศกาลปีใหม่จะมีลูกค้าในกรุงเทพฯ สั่งเข้ามาเพิ่ม แม้จะขายดีอย่างไรก็คงราคาเดิมถุงละ 10 บาท ปริมาณ 700-800 กรัมแม้ว่าปลาร้าดิบที่นำมาปรุงเป็นปลาร้าสุกตอนนี้สูงขึ้นกว่าเดิมประมาณ 5-8 บาท

ถุงละ 10 บาท หลายถุงก็หลายพันบาท เป็นหนึ่งอาชีพอย่ามองข้ามเด็ดขาด



9-สาวพะเยาแปรกาบกล้วยเป็นเส้นใย

สาว พะเยา อย่าง น.ส.เอื้องคำ สิงห์แก้ว มองเห็นเส้นกาบกล้วยคือกองเงินกองทอง สามารถเนรมิตได้ดั่งใจนึกเริ่มเมื่อปี ཪ ที่ผ่านมาทำสวนกล้วยน้ำว้า ส่วนหยวกกล้วยเอาไปผสมเป็นอาหารหมู จากที่เคยทำอะไรซ้ำๆเดิมๆ เริ่มมองเห็น ประโยชน์กาบกล้วย ตั้งแต่นั้นมานำกาบกล้วยไปตากแดด จนทอหรือทำเป็นเส้นใยถักให้เป็นรูปเป็นร่างๆตามที่ต้องการ เมื่อเป็นรูปเป็นร่าง ชักชวนแม่บ้านร่วมกลุ่ม มาถักทอทั้งกระเป๋าหรือหมวก มีรายได้เฉลี่ยแล้วประมาณ 2,000-3,000 บาทต่อเดือน

"ภาวะเศรษฐ กิจไม่มีผลมากนัก ต้นทุนการผลิตต่ำ ต้นกล้วยน้ำว้ามีอยู่ทั่วไปหาได้ง่าย และเป็นหัตถกรรมในครัวเรือน"

สำหรับผู้สนใจติดต่อได้ที่หมายเลข 08-1771-7017

10-เชือกร่มผสมไอเดีย

นี่ ก็เป็นงานฝีมือเหมือนกัน นางวงษ์จันทร์ ทองสังข์ สาวเมืองระยอง ผละจากรับจ้างเย็บผ้ามาเปิดบ้านสอนถักกระเป๋าแฟชั่น ใช้เชือกร่ม อยู่ที่เลขที่ 219/3 ม.3 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง หลังจากที่นำเสนอใน ′เส้นทาง เถ้าแก่′ มีผู้สน ใจมาเรียนมากขึ้น ไปเปิดร้านเอง บางรายมีอาชีพหลักอยู่แล้วก็เป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ แต่ก็อยู่ที่งานฝีมือ

สำหรับตนแล้ว ให้ความรู้ฟรีกับผู้ที่สนใจ เพื่อที่ไปประกอบอาชีพต่อไป ซึ่งทำให้มีผู้คนสนใจงานฝีมือมากขึ้น มีกระเป๋าเชือกร่มเริ่มมีมากในท้องตลาด แต่ลูกค้าประจำที่ร้านก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด

"ไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าร้านก็ได้ แค่มีอุปกรณ์กับไอเดียสร้างสรรค์ผลงานแต่ละชิ้นก็สามารถขายได้แล้วเพราะเป็นงานแฮนด์เมดแล้ว"

อาชีพถักกระเป๋า เชือกร่ม




Read More...


อาชีพขายกางเกงยีนส์ อีกหนึ่งอาชีพที่รายได้ดี


เงินลงทุน :   เริ่มต้นประมาณ 15,000 – 30,000 บาท (ทุนค่าอุปกรณ์ 500 – 2,000 บาท) ทุนหมุนเวียนขึ้นอยู่กับจำนวนสินค้าที่สั่งมาขาย
รายได้ :   เฉลี่ย 2,000 – 3,000 บาท/วัน
วัสดุ/อุปกรณ์ :   ราวแขวนผ้า 3 – 4 อัน ไม้หนีบผ้า หลอดไฟสปอตไลต์ ผ้าใบพลาสติกสำหรับคลุมร้าน กระจกยาว (ขนาดของร้านประมาณ 2 x 2 เมตร)
แหล่งจำหน่ายวัสดุ/อุปกรณ์ :   สำเพ็ง ตลาดทั่วไป ย่านประตูน้ำ หรือติดต่อโดยตรงจากโรงงาน

yean01

วิธีดำเนินการ :
1. หาแบบกางเกงยีนส์หลาย ๆ แบบ เนื่องจากกางเกงที่ขายจะต้องมีโชว์ให้ลูกค้าดูและต้องมีแบบให้เลือกมากแบบ
2. แบบที่เป็นที่นิยมมี 2 แบบ คือ แบบที่ฟอกและแบบยีนส์ขัดหรืออาจเพิ่มแบบอื่นๆ อีก
3. ทรงกางเกง กำลังนิยมได้แก่ขาม้า ซึ่งเป็นที่นิยมทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งทรงนี้เรียกว่า “ม้าชาย ม้าหญิง” ทรงมาตรฐาน ขากระบอก เอวต่ำ และแบบริมแดง

yean02

4. การให้บริการถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ และการเอาใจใส่ลูกค้าเป็นเรื่องใหญ่ที่ผู้ขายต้องระลึกอยู่เสมอว่า “ลูกค้าคือนาย” ซึ่งลูกค้าบางคนชอบให้แนะนำ บางคนก็มีแบบอยู่ในใจแล้ว ผู้ขายต้องคอยสังเกต
5. สังเกตพฤติกรรมของลูกค้าว่าต้องการให้ความช่วยเหลือหรือไม่ ลูกค้าบางคนไม่ชอบการเซ้าซี้ ผู้ขายควรจะทักทายและเชื้อเชิญก็พอ
6. ถ้าลูกค้าขอลองใส่สินค้าก็ต้องให้ลองใส่ เนื่องจากลูกค้าอาจไม่แน่ใจว่าจะเข้ากับตัวไหม และควรมีบริการรับเปลี่ยนคืนเมื่อใส่ไม่ได้ โดยต้องบอกลูกค้าถึงเงื่อนไขของร้านด้วยว่า สามารถเปลี่ยนคืนได้ภายในกี่วัน และมีข้อแม้ว่าห้ามแกะป้ายออกและห้ามซักผ้าเด็ดขาด

yean03

ตลาด/แหล่งจำหน่าย :   พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการขายซึ่งเป็นย่านชุมชน เช่น ตะวันนา สวนจตุจักร หน้าห้างสรรพสินค้า แถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นต้น

ข้อเสนอแนะ :
1. อาชีพค้าขายต้องมีความอดทนและเอาใจใส่ลูกค้า การบริการของผู้ขายจะเป็นตัวประเมินว่าลูกค้าจะติดหรือไม่ติดใจร้าน
2. ไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกเครียด ซึ่งถือเป็นเคล็ดลับของ การขาย ซึ่งลูกค้าแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เช่น ลูกค้าสนใจแบบเอวต่ำแต่หุ่นไม่เหมาะอาจถามความคิดเห็นจากผู้ขาย ผู้ขายอาจเสนอแนะว่าลองดูแบบนี้ก่อนไหม ซึ่งทางร้านอาจต้องให้ทดลองใส่ ถึง 2 แบบ เพื่อให้ลูกค้าเห็นถึงแบบที่เหมาะสม แต่การตัดสินใจซื้อต้องให้ลูกค้าเป็นผู้ตัดสินใจเอง ทางร้านเป็นเพียงผู้แนะนำให้เท่านั้น

Read More...


เปิดร้านขายหนังสือ อีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจ



งินลงทุน :   ประมาณ 10,000–30,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนหนังสือ (ไม่รวมอุปกรณ์และเงินมัดจำ)
รายได้ :   เป็นรายได้จากการขายหนังสือ โดยตัวแทนจำหน่าย (เอเย่นต์) ที่ส่งหนังสือมีส่วนลดให้
วัสดุ/อุปกรณ์ :   แผงวางหนังสือ ชั้นวางของ โต๊ะ เก้าอี้
ทำเล :   หน้าร้านมินิมาร์ท หรือร้านสะดวกซื้อ ป้ายรถเมล์ จุดต่อรถ จุดต่อเรือ อันดับรองลงไป ได้แก่ ในหน่วยงานราชการ เอกชน หน้าร้านขายของชำ หน้าร้านเสริมสวย ฯลฯ

book-shop01

วิธีดำเนินการ :
1. เลือกทำเลที่จะเปิดร้านขายหนังสือ
2. ติดต่อเอเย่นต์ (ถ้าไม่มีเอเย่นต์ในเขตที่จะเปิดร้านอาจจะไปรับเองที่เอเย่นต์ในเขต ใกล้เคียงก็ได้)
3. เอเย่นต์จะช่วยวิเคราะห์ว่า ทำเลไหนขายอะไร ขายเท่าไร ทั้งนี้เอเย่นต์จะเป็นผู้กำหนดว่าทำเลไหนควรขายหนังสือประเภทใด ควรวางขายอะไรบ้าง ครบทุกตัวทุกประเภท หรือเฉพาะหนังสือที่ดัง ๆ
4. เมื่อรับหนังสือจากเอเย่นต์ เอเย่นต์จะให้ส่วนลดประมาณ 15% จากราคาขาย ซึ่งขึ้นอยู่กับทำเลและสภาพการค้าขายในเขตนั้นๆ และเอเย่นต์แต่ละรายจะมีเงื่อนไขไม่เหมือนกัน)

book-shop02

5. การขายหนังสือส่วนใหญ่เป็นการขายฝาก ดังนั้นเอเย่นต์ส่วนใหญ่ (ไม่ทั้งหมด) จะเรียกเงินค่ามัดจำหนังสือประมาณ 5,000 บาท – 10,000 บาท (เอเย่นต์แต่ละรายมีเงื่อนไขไม่เหมือนกัน) และเมื่อดำเนินกิจการไปได้ดี ก็จะคืนเงินค่ามัดจำนี้ให้ ยกเว้น กรณีซื้อเงินสดไม่ต้องเสียเงินค่ามัดจำ
6. เอเย่นต์จะให้เครดิตการขาย ประมาณ 10-15 วัน หนังสือส่วนมากขายไม่หมดคืนได้ ยกเว้น กรณีซื้อจากที่อื่นจะไม่รับคืน

book-shop03

ข้อแนะนำ :
1. ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ ต้องมีความขยัน อดทน เพราะงานขายหนังสือจะต้องตื่นแต่เช้า คือ เริ่ม 6 โมงเช้า และบางครั้งอาจต้องขายถึง 2–3 ทุ่ม
2. ควรกระจายการขายหนังสือทุกประเภทให้ดี และพยายามเหลือคืนน้อยที่สุด แม้ว่าหนังสือที่ขายไม่หมดจะสามารถคืนได้ก็ตาม แต่ถ้าเหลือมากเกินไป ก็อาจจะถูกตัดยอดจากโรงพิมพ์ได้
3. การติดต่อเอเย่นต์เพื่อรับหนังสือมาขาย อาจติดต่อผ่านสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ ทั้งรายวันและนิตยสาร ซึ่งสำนักพิมพ์จะแนะนำเอเย่นต์ที่อยู่ในเขตพื้นที่ที่จะขายให้

Read More...


พ่วง ‘ฮอนด้า’ พ่วงพา ‘รวย’ โดย Honda AP

มอเตอร์ไซด์พ่วงข้างฮอนด้า
มอเตอร์ไซด์พ่วงข้างฮอนด้า

นับถอยหลังอีกเพียงไม่ถึงเดือน ก็จะถึงงาน “SMEs ไทยสู่ตลาดโลก” ด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เครือมติชน นิตยสารเส้นทางเศรษฐี และผู้ประกอบการเอกชนหลายแห่ง ที่พร้อมใจกันมานำเสนอสาระดีๆ ในรูปแบบเสวนา-นิทรรศการ รวมถึงกิจกรรมน่าสนใจซึ่งจะเป็นประโยชน์ยิ่งต่อชาว SMEs

เริ่มเปิดคอลัมน์ฉบับแรกนี้ด้วยการบอกเล่าถึงกิจกรรมดีๆ ฮอนด้า โมบาย SMEs พ่วง ‘ฮอนด้า’ พ่วงพา ‘รวย’ ของ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ซึ่งเป็นทั้งเวทีอวดไอเดียของเยาวชนคนรุ่นใหม่ เพื่อให้นำไปต่อยอดสร้างเป็นอุปกรณ์รถพ่วงสำหรับค้าขาย และยังเปิดโอกาสให้พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยได้ร่วมสนุกเพื่อรับทุนนำไปขยาย กิจการหรือประกอบอาชีพเบื้องต้น

กิจกรรมนี้แบ่งออกเป็น “ประเภทประชาชนทั่วไป” กติกาง่ายๆ เพียงพ่อค้าแม่ค้าส่งภาพถ่ายจักรยานยนต์สามล้อหรือมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างฮอนด้าของ ตนเองรุ่นใด ก็ได้ ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยค้าขายหรือบริการ เขียนเล่ารายละเอียดภาพประกอบอาชีพส่งมาร่วมสนุกเพื่อลุ้นรับเงินไปเป็นทุน ประกอบอาชีพหรือขยายกิจการ รวม 50,000 บาท

และ “ประเภทนักศึกษาตามสถาบันอาชีวะทั่วประเทศ” ที่จักรยานยนต์ฮอนด้าร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จัดขึ้นเพื่อให้นักศึกษาอาชีวะทั่วประเทศ ส่งผลงานภาพสเก็ต “รถพ่วงข้าง” ภายใต้แนวคิด “รถพ่วงฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ขวัญใจอาชีพยอดฮิตประจำภาค” เช่น รถขายส้มตำ รถขายดอกไม้ ฯลฯ เน้นการออกแบบให้สวยงาม มีประโยชน์ใช้สอยครบถ้วน ส่งเข้ามาให้คณะกรรมการคัดเลือก 5 ผลงานในรอบแรกเพื่อรับจักรยานยนต์พร้อมทุนนำไปสร้างเป็นของจริง

มอเตอร์ไซด์พ่วงข้างฮอนด้ามอบให้กับเจ้าของผลงาน

จากนั้น รถทั้ง 5 คันจะนำมาโชว์พร้อมกับตัดสินหาเจ้าของผลงานที่ออกแบบได้โดดเด่นที่สุดโดยคณะ กรรมการบวกกับคะแนนโหวตจากผู้ที่เข้าชมงาน “SMEs ไทย สู่ตลาดโลก” นอกจากเงินทุนการศึกษารวมกว่าแสนบาทที่จะมอบให้แก่ 5 เจ้าของผลงานแล้ว ยังมีรางวัลของที่ระลึกติดไม้ติดมือให้แก่คนร่วมโหวตอีกด้วย

และถ้าอยากมีส่วนร่วมในกิจกรรม “ฮอนด้า โมบาย SMEs พ่วง ‘ฮอนด้า’ พ่วงพา ‘รวย’ “ ก็ยังพอมีเวลา ทั้งกติกา-รายละเอียด แวะไปดูเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ
ที่มา : มติชน ออนไลส์

Read More...


Blue Laguna” ตู้ปลาฝาผนัง ของแต่งบ้านอินเทรนด์ไอเดียล้ำ

ตู้ปลาฝาผนัง Blue Laguna
ศิริประภา กุลมาเจ้าของร้านตู้ปลาฝาผนัง Blue Laguna
ตู้ปลาที่เคยพบเห็นทั่วไปก็จะเป็นตู้กระจกใสไว้ตั้งโชว์บนโต๊ะสวยๆ ในบ้าน แต่สำหรับร้าน “Blue Laguna” สร้างความแตกต่างจากตู้ปลาแบบเดิมๆ ด้วยการดีไซน์รูปแบบใหม่ให้กลายเป็นตู้ปลาฝาผนัง ที่สามารถเป็นทั้งตู้ปลาสวยงามและเฟอร์นิเจอร์ไปในตัว

จากแนวคิดของเจ้าของธุรกิจ “นางสาวศิริประภา กุลมา “หรือ “หนิง” เจ้าของร้าน Blue Laguna ต้องการปฏิวัติตู้ปลาแบบเดิมๆ ให้กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถนำไปตกแต่งบ้านได้อย่างกลมกลืน โดยเป็นการต่อยอดธุรกิจเดิมของครอบครัวด้านการผลิตเฟอร์นิเจอร์มานนานกว่า 2 ปี เน้นสินค้าประเภท โคมไฟ รูปวาด เชิงเทียน รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งบ้านทั่วไป รวมถึงมีโอกาสนำสินค้าที่ออกแบบโดยคนไทยไปจัดแสดงในต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง

ตู้ปลาฝาผนัง Blue Laguna
ตู้ปลาฝาผนัง Blue Laguna แบบต่างๆ
จนกระทั่งน้าสาวทำงานอยู่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่แปลกและแตกต่าง รวมถึงสามารถให้ความสุขกับคนในบ้านได้ จึงมองไปที่ตู้ปลาแบบเดิม ที่บางครั้งเมื่อนำไปตั้งไว้ในบ้านทำให้ดูขัดเขิน และกลายเป็นของตกแต่งบ้านที่ไม่เข้ากับบ้านเอาซะเลย จึงแนะนำให้ลองออกแบบตู้ปลาที่สามารถเข้ากับเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งบ้าน แบบทั่วไปได้ โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปไหน เสมือนกรอบรูปที่ใช้ในการตกแต่งบ้านไปในตัว

และแล้วการไอเดียการออกแบบตู้ปลาติดผนังก็เป็นผลสำเร็จ ตลาดแรกที่ตู้ปลาของหนิงได้ไปอวดโฉม คือประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นแห่งแรกโดยมีน้าสาวเป็นผู้ทำตลาด โดยผลตอบรับดีเกินคาด ดังนั้นจึงลองมาเปิดตลาดขายคนไทยดูบ้าง ที่จตุจักรพลาซา เมื่อ ประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายตู้ปลาฝาผนัง Blue Laguna ก็ไม่แพ้ การจำหน่ายในต่างประเทศ โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็น เจ้าของธุรกิจสปา รีสอร์ท โรงแรม สำนักงาน และกลุ่มคนที่รักการตกแต่งบ้าน หรือชื่นชอบเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์แปลกใหม่

สำหรับการดูแลรักษาทำความสะอาดตู้ปลาตู้ปลาฝาผนัง Blue Laguna ถือว่าไม่ยุ่งยากมากนัก โดยทำความสะอาด 1เดือน/ครั้ง เนื่อง จากตู้ปลาที่ออกแบบมานี้เพื่อเลี้ยงปลาตัวเล็ก และเป็นปลาน้ำจืดของไทย ซึ่งก็มีความสวยงามไม่แพ้ปลาทะเล อีกทั้งยังไม่ทำให้ตู้สกปรกง่าย ซึ่งการดูแลก็จะง่ายตามไปด้วย เมื่อซื้อสินค้าไปทางร้านจะนำไปติดตั้งให้เองถึงที่บ้าน พร้อมตัวกรองน้ำให้สองตัว หากตกแต่งตู้ไม่เป็นทางร้านก็ยินดีที่จะตกแต่งให้

“ในช่วงแรกที่ทำตลาดในเมืองไทย ยังมีรูปแบบไม่มากนัก คือมีเพียง 4 แบบ เท่านั้น คือ วงกลม, สี่เหลี่ยมหน้ากว้าง สี่เหลี่ยมหน้าแคบ, และแบบเว้าโค้ง ส่วนขนาดมีทั้ง ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ โดยเริ่มที่ขนาด 90 x 75 เซนติเมตร ไปจนถึง 175 x 75 เซนติเมตร แต่ปัจจุบันมีรูปแบบที่เพิ่มมากขึ้นตามความต้องการของลูกค้า และการประยุกต์ตามสถานที่ที่นำไปตกแต่ง โดยวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตส่วนใหญ่จะเป็นอลูมิเนียม ซึ่งมีความคงทน ส่วนขอบก็จะเป็นกระจกเงา เพื่อความสวยงามน่ามองและเข้ากับผนังบ้านได้ทุกสไตล์ โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 6,900-30,500 บาท แล้ว ขึ้นอยู่กับขนาดของสินค้า”

ตู้ปลาฝาผนัง Blue Laguna
ตู้ปลาฝาผนัง Blue Laguna ฉีกแนวเดิมๆ

ตู้ปลาติดผนังของ Blue Laguna สามารถนำไปติด ตั้งไปทุกห้องในบ้าน ไม่เว้นแม้แต่ในห้องน้ำ เนื่องจากอุปกรณ์ในการติดตั้งง่าย สามารถติดตั้งได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งการเคลื่อนย้ายก็ง่ายเช่นกัน หากลูกค้าเบื่อตู้ปลาในสถานที่เดิมๆ ก็ถอดแล้วย้ายไปในพื้นที่อื่นในบ้านได้อย่างคล่องตัว

ความนิยมของตู้ปลาฝาผนัง Blue Laguna

ส่วนตลาดในต่างประเทศขณะนี้ เรียกได้ว่าได้ตู้ปลาติดผนังเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากพฤติกรรมของชาวต่างชาติ มักจะใช้เวลาอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นเมื่อมีเวลาว่างก็จะสรรหาสิ่งของมาตกแต่งบ้าน เช่น เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน อังกฤษ ออสเตรเลีย และซาอุดิอาระเบีย ประเทศเหล่านี้จะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงตลาดในประเทศไทยก็มีอัตราเติบโตมากขึ้นเช่นเดียวกัน เพราะคนไทยเริ่มให้ความสนใจกับตัวสินค้าตัวนี้มากขึ้น โดยอนาคตเตรียมเพิ่มช่องทางจำหน่าย และพัฒนารูปแบบสินค้าให้แปลกตาและทันสมัยโดนใจลูกค้าทุกเพศทุกวัย

ถือเป็นอีกหนึ่งไอเดียธุรกิจที่ประยุกต์สินค้าเดิมๆ ในตลาด มาสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยไอเดีย เพิ่มฟังก์ชั่นประโยชน์ใช้สอยด้วยสินค้าตกแต่งบ้านที่กลมกลืนได้ทุกพื้นที่ ในบ้าน
สนใจติดต่อ 08-1459-6626 หรือที่ http://www.bluelagunaa.com
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


ชัย โรงเกลือ ร้านเสื้อแบรนด์เนมมือสอง เปิดกลยุทธ์โตคู่ตลาดโรงเกลือ

ชัย โรงเกลือ
สินค้าของร้าน “ชัย โรงเกลือ”

ร้าน “ชัย โรงเกลือ” ที่ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ถือเป็นร้านเก่าแก่ที่ขายเฉพาะเสื้อผ้าแบรนด์เนมมือสอง ช่วยให้ร้านมีจุดเด่นในด้านเพิ่มมูลค่าสินค้า และสร้างฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่ม กำลังซื้อสูง หนุนให้กิจการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่กับกระแสบูมของตลาดการค้าชายแดนแหล่งนี้
ชูชัย ดำรงสันติสุข วัย 48 ปี เจ้าของร้าน “ชัย โรงเกลือ เผย ว่า พื้นเพเป็นชาว จ.สุรินทร์ ก่อนหน้านี้เคยทำมาหลายอาชีพ เช่น รับเหมาก่อสร้าง ผู้สื่อข่าวท้องถิ่น เป็นต้น แต่ยังไม่สามารถตั้งตัวได้ จึงพยายามเสาะหาช่องทางทำมาหากินใหม่ๆ จนเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ย้ายมาอยู่ จ.สระแก้ว เปิดร้านขายเสื้อผ้ามือสองที่ตลาดโรงเกลือ เพราะเห็นว่าเป็นสินค้าที่มีตลาดกว้าง และมีสินค้าใหม่ๆ เข้ามาหมุนเวียนป้อนให้ลูกค้าได้สม่ำเสมอ

“เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ตลาดโรงเกลือยัง ไม่บูมเหมือนปัจจุบัน ผมใช้เงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 5 หมื่นบาท เช่า บ้านของคนแถวตลาด เปิดเป็นหน้าร้าน และรับซื้อเสื้อผ้ามือสองจากฝั่งกัมพูชามาขายต่อ แต่ตอนนั้น ผมเห็นว่า ถ้าขายเสื้อมือสองเหมือนร้านอื่นๆ กำไรมันน้อยมาก เฉลี่ยตัวละ 5-10 บาท เลยคิดว่าเราน่าจะลองขายเฉพาะเสื้อแบรนด์เนม เกรดเอ ซึ่งทำกำไรต่อตัวได้สูงกว่ามาก” ชูชัย เผยแนวคิดที่หันมาจับสินค้าแบรนด์เนมมือสอง

ชัย โรงเกลือ
ชูชัย ดำรงสันติสุข เจ้องของ ชัยโรงเกลือ

ร้าน “ชัย โรงเกลือ” ถือเป็นเจ้าแรกๆ ในย่านตลาดโรงเกลือ ที่บุกเบิกขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมมือสอง โดยเน้นยี่ห้อและรุ่นหายาก จนทำให้ประสบความสำเร็จ และเป็นที่รู้จักในหมู่นักสะสม แต่ กว่าจะมีวันนี้ เขายอมรับว่า ส่วนตัวไม่เคยสนใจสินค้าแบรนด์ดังมาก่อนเลย ช่วงเริ่มต้นจึงเต็มไปด้วยอุปสรรค จำเป็นต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ใหม่เรื่องสินค้าแบรนด์เนม ทั้งจากนิตยสาร อินเตอร์เน็ต ดูของจริง และที่สำคัญ รับฟังคำแนะนำจากลูกค้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ

อย่างไรก็ตาม แม้จะพยายามอย่างสูงแล้ว ระยะแรกมักถูกหลอกเอาของปลอมมาขายให้เสมอ แต่ด้วยข้อดีที่กำไรต่อหน่วยค่อนข้างสูงมาก เช่น กางเกงยีนส์บางตัวซื้อมาหลักร้อย อาจขายต่อได้หลักหมื่น เมื่อ เฉลี่ยกับเงินที่ซื้อสินค้าพลาดแล้ว ยังเหลือกำไรอีกค่อนข้างมาก ประกอบกับเมื่อมีประสบการณ์คัดเลือกสินค้าสูงขึ้น ช่วยให้ลดต้นทุนผิดพลาดลง ขณะเดียวกันมีลูกค้าขาประจำเพิ่มขึ้น ธุรกิจจึงเติบโตมาได้ถึงปัจจุบัน

วิธีการหาสินค้าของชัยโรงเกลือ

สำหรับวิธีการหาสินค้านั้น ชูชัยเล่าให้ฟังว่า จะว่าจ้างชาวกัมพูชาทำหน้าที่คล้ายตัวแทนไปเสาะหาเสื้อผ้ามือสองตามยี่ห้อ และรุ่นที่ต้องการ ซึ่งมีการประมูลขายกันในกรุงพนมเปญ ส่วนอีกด้านจะมีชาวกัมพูชาหิ้วสินค้าข้ามแดนมาขายที่ร้านเลย ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญเลือกซื้อ เพื่อให้ได้ของแท้

“ผมจะพยายามติดตามเทรนด์แฟชั่นอยู่ตลอดเวลาว่า ตอนนี้นักสะสมกำลังต้องการแบรนด์อะไร หรือรุ่นอะไร เพื่อหามาขายให้ได้ แม้บางครั้งจะต้องซื้อราคาแพงก็ยอม เพราะกลุ่มนักสะสมมีกำลังซื้อสูงมาก อีกทั้ง ผมจะใช้วิธีเจาะจงซื้อสินค้าเป็นชิ้น เฉพาะที่เราต้องการเท่านั้น ไม่เหมาซื้อยกกระสอบ เสี่ยงดวงเผื่อเปิดมาเจอของดีราคาถูก เพราะผมคิดว่า มันไม่คุ้ม ถ้าทั้งกระสอบไม่มีของที่เราต้องการเลย ก็จะกลายเป็นต้นทุนจมทันที และเราไม่มีความชำนาญหรือตลาดที่จะไปปล่อยสินค้าเหล่านั้น แต่ยอมรับว่า ทุกวันนี้ โอกาสได้สินค้าเกรดเอราคาถูกเหมือนอดีตค่อนข้างยากมาก เพราะชาวกัมพูชา ดูสินค้าออกแล้วว่า ชิ้นไหนเป็นของแท้ของหายาก ราคาที่เขามาขายให้เราจึงสูงตามไปด้วย” เจ้าของธุรกิจ อธิบาย

ชัย โรงเกลือ
ร้าน “ชัย โรงเกลือ” ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามทางเข้าตลาด GOLDEN GATE PLAZA

ร้าน “ชัย โรงเกลือ” ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามทางเข้าตลาด GOLDEN GATE PLAZA โดย เจ้าของธุรกิจ บอกจุดเด่นของร้านอยู่ที่มีสินค้าแบรนด์เนมของแท้ รุ่นหายากอยู่ปริมาณมาก ทั้งเสื้อยืด เสื้อเชิ้ต แจ๊คเกต กางเกงยีนส์ ฯลฯ จากทั้งอิตาลี ฝรั่งเศส อเมริกา และญี่ปุ่น เป็นต้น ราคาขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น และสภาพ เริ่มต้นที่หลักร้อยถึงหลักแสนบาท กลุ่มลูกค้าสำคัญ คือ ขาประจำชาวต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ยุโรป เป็นต้น ที่ซื้อหาไปสวมใส่ เก็บสะสม และนำไปขายต่อ เฉลี่ยต่อเดือนมียอดขายหลักแสนบาท
ชูชัย กล่าวว่า การทำธุรกิจในตลาดโรงเกลือทุกวันนี้ ต้องใช้ทุนสูงมาก เฉพาะค่าเซ๊งร้านอย่าง เดียวเริ่มต้นกันที่ 5 แสนบาท อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ายังมีโอกาสประสบความสำเร็จสำหรับหน้าใหม่ เพราะปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเพิ่มขึ้นทุกปี นอกจากนั้น ชาวกัมพูชา และชาวเวียดนามที่ข้ามแดนมาค้าขายในตลาดโรงเกลือจำนวนมาก ให้ความนิยมสินค้าอุปโภคบริโภค และแฟชั่นของประเทศไทยอย่างยิ่ง มักซื้อหาหอบหิ้วกลับไปขายยังประเทศของตนเอง จึงถือเป็นอีกกลุ่มลูกค้าใหม่ที่น่าสนใจมาก
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


Zip Zap มหัศจรรย์ซิปเส้นเดียว รูดเป็นกระเป๋าหลากสไตล์

กระเป๋าซิป Zip Zap

หทัยกานต์ และสรรเสริญ ยุวจรัสกุล สองพี่น้องช่วยกันคิดค้นกระเป๋าซิป Zip Zap
การเป็นทายาทธุรกิจในสไตล์คนรุ่นใหม่ ย่อมมีไอ เดียธุรกิจที่แตกต่างออกไปอย่างแน่นอน รวมถึงต้องการต่อยอดธุรกิจของพ่อแม่เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มรายได้ โดยอาศัยประสบการณ์จากรุ่นบุกเบิกหลอมรวมเข้ากับไอเดียการออกแบบสินค้าของคน รุ่นใหม่ เฉกเช่นบริษัท โทริ ไทยแลนด์ จำกัด โรงงานผลิตซิป และอุปกรณ์ในการตัดเย็บเสื้อผ้าครบวงจร ล่าสุด 2 พี่น้องทายาทธุรกิจ สร้างสรรค์ผลงานกระเป๋าซิป จากซิปเพียงเส้นเดียวโดยการรูดไปเรื่อยๆ กลายเป็นกระเป๋าสุดเก๋ ภายใต้แบรนด์กระเป๋าซิป Zip Zap

กระเป๋าซิป Zip Zap
กระเป๋าซิป Zip Zap สีหวาน

ความที่คลุกคลีอยู่ในโรงงานผลิตอุปกรณ์สำหรับตัดเย็บเสื้อผ้าตั้งแต่ เด็ก ทำให้ซึมซับกระบวนการผลิต และช่องว่างทางธุรกิจที่หลายคนอาจมองข้ามจากสิ่งของใกล้ตัวอย่าง “ซิป” แต่สำหรับสองพี่น้องทายาทธุรกิจบริษัท โทริ (ไทยแลนด์) จำกัด หทัยกานต์ และสรรเสริญ ยุวจรัสกุล กลับ คิดต่อยอดธุรกิจของครอบครัวที่ผลิตอุปกรณ์สำหรับตัดเย็บเสื้อผ้า เช่น ซิป กระดุม เส้นด้าย ให้กับโรงงานผู้ผลิตเสื้อผ้า เป็นการผลิตสินค้าเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง จากวัตถุดิบที่มีอยู่ในมือ และองค์ความรู้ที่พ่อแม่พร้อมที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ให้ตลอดเวลา

จากความได้เปรียบดังกล่าว ทำให้สองพี่น้องไม่รีรอที่จะคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่เกิดมาจากไอเดีย ด้วยการเลือกใช้ซิปมาต่อยอดความคิด เนื่องจากเป็นวัสดุเดียวที่ทางโรงงานของตนสามารถผลิตได้เองทุกขั้นตอน ทั้งการย้อมได้ทุกสี มีเทคนิคการย้อมที่ทำให้สีไม่ตก และสามารถผลิตซิปได้ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น ซิปพลาสติก ซิปไนลอน และซิปโลหะ รวมถึงบิดายังมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตซิปเป็นพิเศษ
เมื่อตัดสินใจจะใช้ซิปเป็นวัตถุดิบหลักในการเริ่มต้นธุรกิจ สรรเสริญผู้เป็นน้องชายผู้ดูแลด้านการผลิตเป็นหลัก จึงใช้เทคนิคการผลิตให้ซิปมีสองสี เพื่อลองนำมาเป็นกระเป๋าในรูปแบบต่างๆ ในขณะผู้เป็นพี่สาวลองหาวิธีการทำกระเป๋าซิป ที่ใช้เส้นซิปเพียงเส้นเดียวนำมารูดเรื่อยๆ ก็จะขึ้นรูปเป็นกระเป๋าตามรูปทรงที่ออกมาไว้

เริ่มต้นกับกระเป๋าซิป Zip Zap

“การลองทำกระเป๋าซิป Zip Zap ในครั้งแรก พวกเราก็ลองให้คนใกล้ตัวใช้ก่อน เพื่อนำคำติชมมาปรับแก้ไข ต่อมาก็นำสินค้าไปวางขายตามโรงเรียน และออกบูธในงานดีไซน์ ผลปรากฏว่าการตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ เราจึงเพิ่มรูปแบบให้มากขึ้น ทั้งกระเป๋าสำหรับใส่เครื่องสำอาง กระเป๋าใส่ปากกาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า และทรงกระบอก กระเป๋าสะพาย ซึ่งขณะนี้กระเป๋าซิป Zip Zap ของเรามีประมาณ 11 แบบ ส่งผลให้มีคนสนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด”

ข้อดีของกระเป๋าซิป Zip Zap คือการเก็บเมื่อไม่ใช้งาน เนื่องจากจะไม่เปลืองที่เก็บ สามารถรูดซิปออกเป็นเส้นซิปตามเดิม และม้วนให้เล็ก จัดเก็บใส่กล่องขนาดเล็กได้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการขายกระเป๋าที่ถูกบรรจุไว้ในกล่อง รวมถึงคุณภาพของซิปมีความคงทนสูง สีไม่ตก ดังนั้นลูกค้ามั่นใจในเรื่องคุณภาพได้ โดยกลุ่มลูกค้าหลักคือ วัยรุ่น ละคนวัยทำงาน เนื่องจากกระเป๋าซิป Zip Zap มีการเลือกใช้โทนสีฉูดฉาด และสีหวาน เพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้าที่มีความชอบต่างกัน

กระเป๋าซิป Zip Zap
กระเป๋าซิป Zip Zap ครั้งแรกในวงการขายกระเป๋าบรรจุในกล่อง

“การผลิตกระเป๋าซิป Zip Zap ของเราจะเน้นที่คุณภาพเป็นหลัก รับน้ำหนักการใช้งานที่หลากหลายได้ ซึ่งจากคุณภาพนี้เองทำให้มีผู้สนใจรับไปจำหน่ายต่อ หรือเป็นตัวแทนจำหน่ายตามจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว และหัวเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต เพชรบุรี เชียงใหม่ และอุดรธานี รวมถึงมีคนสั่งทำเป็นของชำร่วย และของพรีเมี่ยม โดยให้ติดโลโก้สัญลักษณ์ขององค์กรนั้น หรือ เลือกโทนสีให้ตรงตามองค์กรนั้นๆ ได้ด้วย เนื่องจากจากย้อมสีของซิปเองทำให้สามารถควบคุมโทรสีตามที่ลูกค้าต้องการได้ โดยสั่งขั้นต่ำ 100 ใบขึ้นไป และสั่งล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์ ราคาขายปลีกอยู่ที่ 50-380 บาท”

ซึ่งอนาคตจะมีการออกแบบกระเป๋าซิป Zip Zap รูปแบบอื่นๆ เพื่อตอบสนองการใช้งานเฉพาะด้านมากขึ้น เช่น กระเป๋าซิปสำหรับใส่ขวดน้ำ และใส่พวงกุญแจ เป็นต้น รวมถึงสองพี่น้องมีการวางแผนที่จะเปิดหน้าร้านเร็วๆ นี้ เพื่อรองรับจำนวนสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น หวังให้ลูกค้ารู้จักสินค้าและแบรนด์เพิ่มมากขึ้น
สนใจติดต่อ 08-1939-9954, 08-9678-9986 หรือที่ www.magiczipzap.com

ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


เพ้นท์กล่องไม้” โอกาสอาชีพ ฟ้าหลังฝนของผู้ต้องขัง

box_paint เพ้นท์กล่องไม้ 
ผู้ต้องขังกำลังเพ้นท์กล่องไม้อย่างขมักเขม้


box_paint เพ้นท์กล่องไม้
กล่องไม้เพนท์ลาย ฝีมือผู้ต้องขัง
มีคำกล่าวว่า “สอนให้คน จับปลาเป็น ดีกว่าเอาปลาไปให้ เพราะถ้าเราเอาปลาไปให้ เขาก็จะนั่งรอแต่คนที่จะเอาปลาไปให้ แต่ถ้าเราสอนให้คนจับปลาเป็นเขาก็จะหาปลากินเองได้” เพื่อช่วยเหลือกลุ่มบุคคลผู้ที่เคยพลาดพลั้งหลงผิด ให้กลับมายืนได้ด้วยตัวเอง สำนักศึกษาต่อเนื่อง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) หนึ่งในองค์กรที่ตระหนักและให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคม จัดอบรมหลักสูตร “ผนึกภาพบนพื้นวัสดุ” หรือ เพ้นท์กล่องไม้ ให้กับผู้ต้องขังหญิง ในทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ถือ เป็นอีกหนึ่งโครงการบริการวิชาการแก่สังคมที่สำนักศึกษาต่อเนื่องจัดขึ้น เพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านศิลปะการเพ้นท์กล่องไม้ให้กับผู้ต้องขังหญิงที่ใกล้ พ้นโทษ ซึ่งนอกจากสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ยังเป็นการคลายเครียดให้กับผู้ต้องขังได้อีกด้วย
อาจารย์เยาวลักษณ์ ศิริสุวรรณ หัวหน้าฝ่ายบริการ เผยแพร่ทางไกล สำนักการศึกษาต่อเนื่อง มสธ. กล่าวว่า มสธ.เลือกที่จะเข้าไปถ่ายทอดความรู้ในการประกอบอาชีพกับผู้ต้องขัง เนื่องจากผู้ต้องขังเป็นกลุ่มบุคคลที่มีความจำกัดในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากสังคมภายนอก หากนำความรู้ที่ใช้เป็นอาชีพได้ไปถ่ายทอดให้ ก็จะเป็นการสร้างโอกาสและเพิ่มทางเลือกในการประกอบอาชีพให้กับผู้ต้องขัง หลังพ้นโทษ

อาจารย์เยาวลักษณ์ ยังบอกอีกว่า ก่อนที่มสธ.จะนำหลักสูตรใดไปถ่ายทอดให้กับผู้ต้องขังได้มีการพิจารณาแล้วว่า จะต้องสามารถไปใช้ประกอบอาชีพได้จริง และเหตุผลที่เลือกเพ้นท์กล่องไม้ เนื่องจากงานศิลปะต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์และเป็นงานที่ต้องใช้ฝีมือใน การผลิต หากสามารถออกแบบได้ถูกใจลูกค้ามากก็จะมียอดจำหน่ายที่สูง อีกทั้ง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ใช้ประดับตกแต่งสร้างความสวยงามเท่านั้น ยังนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังเป็นที่ต้องการของตลาด

ทั้งนี้หลักสูตรการอบรมดังกล่าว มสธ. ได้รับการสนันสนุนจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (มทร.กรุงเทพ) ส่งผู้เชี่ยวชาญมาเป็นวิทยากรหลักในการถ่ายทอดความรู้ ซึ่งใช้เวลาอบรมเพียง 1 วัน ได้ความรู้ทั้งในส่วนของทฤษฎีและการปฏิบัติจนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้จริง และมีรายได้ดี โดย 1 กล่องจะมีต้นทุนการผลิต 100 บาท ขายได้ 2 00-300 บาท กำไร 2-3 เท่า ถือเป็นหนึ่งในอาชีพ ที่น่าสนใจ นอกจากนี้ ยังสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับการเพ้นท์ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้อีกด้วย

ขณะที่ นางสิริพร ชูติกุลัง ผู้อำนวยการ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ผู้ต้องขังที่เข้ารับการอบรมเราจะพิจารณาจากประวัติเดิม ความถนัด ความสนใจ และความสามารถเป็นหลัก ซึ่งจะมีทั้งหลักสูตรระยะยาวสำหรับผู้ต้องรับโทษนาน และหลักสูตรระยะสั้นสำหรับผู้ต้องรับโทษไม่นาน อาทิ เย็บผ้าหรือทำอาหาร เป็นต้น

การอบรมเพนท์กล่องไม้เป็นการช่วยเหลือผู้ต้องขังให้ผ่อนคลาย

“การที่มสธ.เข้ามาช่วย เหลือในการฝึกอบรมให้ผู้ต้องขังในส่วนของหลักสูตรเพ้นท์กล่องไม้ จะ ช่วยให้ผู้ต้องขังนำไปใช้ประโยชน์ในการเข้าสู่ตลาดแรงงานและสังคมทั่วไป เมื่อพ้นโทษ ที่สำคัญยังช่วยให้สภาพจิตใจของผู้ต้องขังดีขึ้น ไม่เครียด และผ่อนคลาย”นางสิริพรกล่าว

ด้าน น.ส.เหลือง (นามสมมติ) หนึ่งในผู้ต้องขังที่สนใจเรียนรู้การเพ้นท์กล่องไม้กล่าวว่า เหลือเวลาอีกไม่ถึงปีจะพ้นโทษ ยังกังวลว่าจะออกไปประกอบอาชีพอะไรดี เมื่อรู้ว่าจะมีหลักสูตรเพ้นท์กล่องไม้ จึงสนใจ เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบในงานศิลปะอยู่แล้ว เมื่อได้เรียนรู้วิธีการก็คิดว่าน่าจะนำไปใช้ทำเป็นอาชีพหารายได้โดยสุจริต ในอนาคต

ส่วน นางแดง (นามสมมติ) ผู้ต้องขัง กล่าวว่า แม้เรือนจำจะเปิดโอกาสในหลายเรื่องให้กับผู้ต้องขัง แต่การเป็นผู้ต้องขังที่ถูกจำกัดสิทธิเสรีบวกกับการไม่ได้อยู่ร่วมกับครอบ ครัว ทำให้เกิดความรู้สึกเครียด กังวลและไม่สบายใจอยู่เสมอ การได้ลงมือทำงานศิลปะ ช่วยให้จิตใจรู้สึกผ่อนคลาย ปลอดโปร่งไม่ต้องจับจดอยู่กับความทุกข์หรือความกังวล

box_paint เพ้นท์กล่องไม้

ผลงานการเพ้นท์กล่องไม้ของกลุ่มนักโทษที่ได้รับการฝึกอบรม

หลักสูตรเพ้นท์กล่องไม้ที่มสธ.ร่วมกับทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง จ.ปทุมธานี และมทร.กรุงเทพดำเนินการถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ต้องขัง ถือเป็นการชี้ช่องทางหนึ่งให้ผู้ต้องขัง ใช้เป็นทางเลือกในการประกอบอาชีพสุจริตเมื่อพ้นโทษ ซึ่งมสธ.ยังมีหลักสูตรการฝึกอบรมอีกหลากหลายโครงการที่เปิดให้บริการแก่ บุคคลทั่วไป สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักการศึกษาต่อเนื่อง โทร. 0-2504 – 7715 – 16
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


Fabric Art ต่อยอดศิลปะญี่ปุ่น เพิ่มมิติภาพนูนสื่อเอกลักษณ์ไทย

Fabric Art
ยุพิน ผูกพานิช เจ้าของร้าน Fabric Art

ผ้าไทยมีเสน่ห์ในตัวเอง ทำให้หลายคนต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์หลายรูปแบบ รวมถึงผนวกกับศิลปะ “โอชิเอะ” จากประเทศญี่ปุ่น ด้วยการนำฟองน้ำมาตัดเป็นรูปตามที่ต้องการ จากนั้นก็นำผ้าสีและลวดลายต่างๆ มาหุ้ม เพื่อให้เกิดมีมิตินูนขึ้นมา เริ่มจากผลงานชิ้นใหญ่ราคาแพง ขายยาก ปรับขนาดเล็กลง เป็นแม่เหล็กติดตู้เย็นรูปลักษณ์โดนใจขยายกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น

ศิลปะงานผ้าโอชิเอะ ถูกนำมาประยุกต์เป็นภาพศิลปะของไทย อย่าง กินรี พระอภัยมณี ซึ่งมีราคาหลักหมื่น ส่งผลให้ขายยาก ทำให้ “ยุพิน ผูกพานิช” เจ้าของธุรกิจ Fabric Art ปรับ เปลี่ยนผลงาน ให้มีขนาดเล็กลง ราคาไม่แพง เพื่อให้สินค้าขายเร็วขึ้น โดยผลงานศิลปะงานผ้าโอชิเอะ ตนได้รับถ่ายทอดความรู้มาจากคุณลุง เริ่มจากการผ้ามาตัดเป็นรูปทรงตามต้องการมาวางลงบนฟองน้ำที่ตัดเป็นรูปเดียว กัน แล้วใช้ความร้อนพร้อมกาวลาเท็กซ์ ติดขอบผ้ากับฟองน้ำให้ติดกัน เกิดเป็นภาพจากงานผ้าและฟองน้ำที่มีมิติ

Fabric Art
Fabric Art ช้าง ทำจากผ้าไหมของศูนย์ศิลปาชีพ ต่างชาติชอบ

ในช่วงแรกยุพินทำเป็นภาพศิลปะ Fabric Art ขนาดใหญ่เน้นความเป็นไทย แต่เมื่อทำไปด้ระยะหนึ่งก็คิดว่าหากยึดการทำขนาดลักษณะนี้จะขายยาก ทำให้ลองปรับรูปแบบและฝีมือของตนเอง ลองผิดลองถูก หันมาทำสินค้าให้มีขนาดเล็กลง เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นแม่เหล็กติดตู้เย็น ก็ทำให้งานศิลปะนี้เป็นที่รู้จัก และขยายได้ในจำนวนที่มากขึ้น

“เมื่อครั้งตอนทำชิ้นใหญ่ มีลูกค้าหลายคนชมว่าสวย งานละเอียด แต่ไม่มีใครซื้อ จึงกลับมามองสินค้าของเราว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหน หรือผลงานยังไม่ตรงกับความต้องการของตลาดในจุดใดบ้าง โดยเปรียบเทียบเป็นพีระมิด บนยอดแหลมคือสินค้าชิ้นใหญ่ที่มีกลุ่มน้อยที่สนใจจะซื้อส่วนฐานล่างเป็นส่วน ที่กว้างที่สุดซึ่งน่าจะออกแบบสินค้าให้กับกลุ่มคนในฐานล่างที่มีจำนวนมาก เริ่มจากทำรูปช้าง ขนาดเล็กเป็นแม่เหล็กติดตู้เย็น ทดลองตลาดด้วยการทำขายควบคู่ไปกับสินค้าชิ้นใหญ่ โดยราคาเริ่มต้นที่ 59-120 บาท”
หลังจากที่ยุพินปรับขนาดสินค้า Fabric Art ให้มีขนาดเล็กลง ยอดขายเพิ่มมากขึ้น จนปรับการผลิตเป็นขนาดเล็กทั้งหมด พร้อมกับทำเป็นตุ๊กตารูปสัตว์ตามปีนักษัตร แต่ยังไม่ครบทุกราศี ปัจจุบันมีกระต่าย และไก่ รวมถึงออกแบบเป็นหน้าคนตามอารมณ์ต่างๆ, ตัวตุ๊กตาหัวโตตัวเล็ก ถักเปีย ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับดี
  
เทคนิคการเลือกผ้าที่จะมาทำสินค้าของ Fabric Art

สำหรับการเลือกผ้าที่จะนำมาใช้ ยุพิน อาศัยความชอบในเรื่องผ้ามาตั้งแต่เด็ก ชอบทุกๆ ชิ้นงานที่ทำจากผ้า ทำให้เลือกเนื้อผ้าที่เหมาะสมในการนำมาทำศิลปะโอชิเอะได้ ซึ่ง ผลงานของ Fabric Art จะเลือกใช้ผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าทอมือของชาวบ้าน เพราะหากใช้ผ้าที่ทำจากเส้นใยสังเคราะห์ เมื่อโดนความร้อนจะทำให้ผ้าละลาย ปัจจุบันสินค้าของ Fabric Art มีประมาณกว่า 20 แบบ
“เราเริ่มลดขนาดงานของ Fabric Artให้มีขนาดเล็กลงมาได้ระยะหนึ่ง ทำให้รู้พฤติกรรมผู้ซื้อที่บางครั้งต้องการฟังก์ชั่นการใช้งานมากกว่าที่นำ ไปติดตู้เย็น เราจึงคิดออก แบบรูปลักษณ์สินค้าให้สามารถประยุกต์เข้ากับข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำ วันของผู้คนได้ เช่น กล่องไม้ใส่ของกระจุกกระจิก พวงกุญแจ กระดานเหล็ก พร้อมแม่เหล็กที่ทำจากงานศิลปะโอชิเอะ และตัวอักษรภาษาอังกฤษ เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาเราเน้นผลิตมากกว่าการขายปลีกหรือขายหน้าร้าน หลังจากคนเริ่มรู้จักและรับไปจำหน่ายต่อเป็นจำนวนมาก”

Fabric Art
บอร์ดเหล็ก Fabric Art พร้อมแม่เหล็กติดโน้ตเตือนความจำ

ธุรกิจนี้ถือว่าปัจจุบันคู่แข่งยังไม่มากนัก เพราะต้องอาศัยใจรัก และความอดทนสูงในการผลิตชิ้นงานดังกล่าว แต่ทางยุพิน ก็เปิดสอนการสร้างสรรค์งานโอชิเอะ แต่สอนทำชิ้นใหญ่ในราค 3,000-4,000 บาท แต่สำหรับชิ้นเล็กยังไม่เปิดสอน เนื่องจากไม่มีเวลา ต้องเร่งผลิตสินค้าตามออเดอร์ โดยในหนึ่งวันจะผลิตได้ 40-50 ตัว ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่รับไปจำหน่ายในต่างประเทศ

“สินค้าของ Fabric Art กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่รับไปจำหน่ายต่อจะเป็นจังหวัดตามแหล่งท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากเป็นงานแฮนด์เมด กลุ่มลูกค้าต่างชาติจะชื่นชอบงานในลักษณะนี้ เช่น วัดพระแก้ว, ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร และนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน เป็นต้น ส่วนหน้าร้าน Fabric Art อยู่ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ซอย 63/3 (โครงการ 7) โดยอนาคตทางร้านจะขยายกำลังการผลิต ให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วการดำเนินธุรกิจจะเน้นไปที่ความพอเพียง ทำตามกำลังที่เราไหว เพื่อมีเวลาให้กับตัวเองและครอบครัวบ้าง” ยุพินกล่าวทิ้งท้าย
ติดต่อ 08-6556-8877

ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์



Read More...


ปลอกหมอนทำมือ’อีกหนึ่งงานไอเดียเงินดี

ปลอกหมอนทำมือ
ปลอกหมอนทำมือ

สินค้าบางชนิด ผลิตภัณฑ์บางประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานฝีมือ-งานประดิษฐ์ ความชัดเจนในเรื่องของตลาดและลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนับว่าเป็นหัวใจสำคัญ ยิ่งผลิตชิ้นงานได้ตรงจุด-โดนใจมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะพบกับความสำเร็จก็มีเพิ่มขึ้น อย่างเช่นงาน ’ปลอกหมอนทำมือ” อีกกรณีศึกษา ’ช่องทางทำกิน”

“นิภาพรรณ อันสุวรรณชัย” กับ “มิเชล ธิ” เจ้าของงานไอเดีย “ปลอกหมอนทำมือ” เล่าว่า ธุรกิจปลอกหมอนทำมือนี้เริ่มจากความชอบและสนใจในเรื่องของงานประดิษฐ์ โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับการเย็บปักถักร้อย โดยทั้งสองคนมีงานประจำด้านกราฟิกดีไซน์ทำอยู่แล้ว แต่มาคิดว่าน่าจะนำความรู้ในด้านนี้มาพัฒนาและต่อยอดเป็นสินค้าเพื่อจำหน่าย ได้ จึงมาสรุปที่การทำ “ปลอกหมอน” โดยนำเรื่องของการออกแบบที่เชี่ยวชาญอยู่ มาผสานเข้ากับงานฝีมือด้านการเย็บปักถักร้อย

“ตรงนี้เริ่มจากที่ทำเป็นงานอดิเรกก่อน ต่อมามองว่าสามารถนำทักษะตรงนี้มาทำเป็นสินค้าขายได้ ก็เลยคุยกัน ก็มาสรุปที่การออกแบบปลอกหมอนทำมือ โดยเราเริ่มผลิตออกจำหน่ายในต่างประเทศมาก่อน โดยขายผ่านเว็บไซต์ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าต่างชาติมาก ตอนหลังก็จึงหันมามองตลาดในประเทศไทย” นิภาพรรณกล่าว

ปลอกหมอนทำมือ
ปลอกหมอนทำมือ

สาเหตุที่เริ่มทำตลาดกับลูกค้าต่างประเทศ เนื่องจากยอมรับว่าสินค้าที่ผลิตขึ้น ถ้าเทียบกับสินค้าที่มีในตลาดในประเทศ ราคาค่อนข้างจะสูง เพราะเป็นงานทำมือ จึงเลือกที่จะทดลองกับตลาดต่างประเทศก่อน แล้วจึงหันมาทำตลาดในเมืองไทยในภายหลัง โดยจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ 

http://2ptheory.tarad.com ซึ่ง ข้อดีของการขายปลอกหมอนทำมือ ผ่านเว็บไซต์คือ ไม่ต้องลงทุนมากในเรื่องของการเปิดหน้าร้าน อีกทั้งลูกค้ายังสามารถเห็นสินค้าได้ตลอดเวลา แต่จุดสำคัญคือ เรื่องของความน่าเชื่อถือ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นหลักสำคัญมากสำหรับคนที่คิดจะทำมาค้าขายบนโลกอิน เทอร์เน็ต

’ที่เลือกงานปลอกหมอน เพราะมองว่าเป็นสินค้าประเภทของใช้ที่ทุกคนใช้งานได้ อีกทั้งมองว่าปลอกหมอนนั้น ถ้าเราเติมไอเดีย ออกแบบให้มีความน่ารัก มีลูกเล่น ก็น่าจะสร้างความน่าสนใจให้ลูกค้าได้ นอกจากจะเป็นของใช้แล้ว ก็ยังมีลูกค้าหลายคนที่นิยมซื้อเพื่อนำไปเป็นของขวัญ ของที่ระลึก รวมถึงกลุ่มที่ซื้อเพื่อนำไปเป็นของตกแต่งบ้าน”

สำหรับการผลิตชิ้นงานปลอกหมอนทำมือนั้น มิเชล ธิ หุ้นส่วนอีกคนบอกว่า จะเน้นการผลิตด้วยการทำมือ โดยผสมผสานการพิมพ์ภาพเข้ากับศิลปะการปักผ้า ลวดลายจะเน้นขายความน่ารัก และจะผลิตในแต่ละแบบไม่มากนัก เพื่อทำให้มีมูลค่ามากกว่าชิ้นงานที่มีมาก ๆ โดยอาจมีการผลิตลายพิมพ์เดิมออกมา แต่การออกแบบลวดลาย การปักผ้า ก็จะแตกต่างไป นอกจากนี้ก็ยังรับผลิตตามคำสั่งซื้อหรือออร์เดอร์จากลูกค้าด้วย โดยในแต่ละวันจะสามารถผลิตชิ้นงานได้ประมาณ 10 ชิ้นเป็นอย่างต่ำ

สินค้าในปัจจุบันที่ทำขึ้น นอกจาก “ปลอกหมอนทำมือ” แล้ว ก็ยังมี เบาะรองนั่ง, หมอนอิง, กระเป๋าผ้า และ ตุ๊กตาถัก ด้วย โดยสำหรับปลอกหมอนทำมือ ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 28 ลาย และจะมีการผลิตและออกแบบเพิ่มตลอด เพื่อไม่ให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกจำเจ โดยปลอกหมอนทำมือนั้นจะขายดีเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลคริสต์มาส, ปีใหม่ รวมถึงวาเลนไทน์ 

ทุนเบื้องต้นธุรกิจปลอกหมอนทำมือนี้ ใช้ประมาณ 30,000 บาท ส่วนใหญ่จะเป็นค่าเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ ส่วนทุนวัตถุดิบอยู่ที่ประมาณ 50% จากราคาขาย โดยปลอกหมอนทำมือนี้จะขายที่ราคาชิ้นละ 320 บาท

วัสดุและขั้นตอนการทำปลอกหมอนทำมือ

วัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ ประกอบด้วย จักรโพ้งหรือจักรเย็บผ้าอุตสาหกรรม, จักรเย็บผ้าที่ขึ้นลายหรือทำควิลทิง (Quilting), ผ้าคอตตอน,
บล็อกสกรีน, อุปกรณ์งานเย็บผ้า อาทิ กรรไกร, เข็ม, ด้าย, สะดึง เป็นต้น

ขั้นตอนการทำปลอกหมอน เริ่มจากออกแบบลวดลายที่ต้องการจะสกรีนและปักลงบนกระดาษสเกตช์ภาพ หลังจากที่ได้ลายที่ต้องการแล้วก็มาทำบล็อกสกรีน สำหรับใช้งานในส่วนที่ต้องเป็นภาพสกรีนลงบนปลอกหมอน เมื่อทำบล็อกเสร็จแล้ว นำผ้าคอตตอนที่เตรียมไว้มาตัดขึ้นรูปเป็นปลอกหมอน จากนั้นนำมาสกรีนขึ้นลาย ทิ้งไว้ให้แห้ง นำปลอกหมอนมาเย็บด้วยจักรเย็บผ้าขึ้นรูปเป็นปลอกหมอน จากนั้นนำสะดึงมาขึงปลอกหมอนให้ตึง เพื่อเตรียมการปักลาย ทำการปักลวดลายตามที่ออกแบบไว้ ตกแต่งด้วยวัสดุตกแต่งตามต้องการ เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำ 

ปลอกหมอนทำมือ
ปลอกหมอนทำมือ

“ขั้นตอนการทำไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อน แต่ปลอกหมอนจะดูสวยงามขึ้นอยู่กับการวางตำแหน่งของภาพ และการให้สีของด้ายปัก ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับทักษะและความชำนาญพอสมควร” นิภาพรรณกล่าวทิ้งท้าย
ใครสนใจงานไอเดีย “ปลอกหมอนทำมือ” ต้องการติดต่อกับเจ้าของงาน ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 08-0552-2759 ซึ่งนี่ก็ถือเป็นอีกงานไอเดียที่น่าสนใจ ที่นำความชอบ นำงานอดิเรก มาพลิกแพลง จนกลายเป็นอาชีพได้ ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษา ’ช่องทางทำกิน” ที่น่าพิจารณาไม่น้อย.
ที่มา: เดลินิวส์


Read More...


เสื้อกล้าม “Tom Chic” ตอบโจทย์สาวหล่อ 365 วัน

Tom Chic เสื้อกล้ามสาวหล่อ
 
ศุภมาส ศิริมังคลวณิชย์ หรือ จีน เจ้าของร้าน Tom chic เสื้อกล้ามสาวหล่อ

ความเข้าใจในความต้อง การ และสรีระเฉพาะตัวของสาวหล่อ ที่ต้องการให้รูปลักษณ์ภาพนอกเป็นผู้ชาย ดังนั้นเสื้อผ้าจึงมีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้สาวหล่อดูดี และแมนอย่างมั่นใจ โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกต้องแบนราบ แต่ต้องสเตย์ที่ใช้ต้องไม่เสี่ยงให้เกิดมะเร็งเต้านมเต้านมด้วย ดังนั้นเสื้อกล้ามสาวหล่อ Tom Chic จึงถือกำเนิดขึ้นจากสาวหล่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของทอมได้ตรงจุด

Tom Chic เสื้อกล้ามสาวหล่อ

สาวหล่อนายแบบเสื้อกล้ามสาวหล่อ Tom Chic

ศุภมาส ศิริมังคลวณิชย์ หรือ จีน เจ้า ของร้านเสื้อกล้ามสาวหล่อ Tom chic เล่าว่า ทำธุรกิจนี้มา 3 ปี โดยยอมรับว่าตนเองมีลักษณะนิสัยเป็นใจชายกายหญิง จึงมักมีปัญหากับการใส่สเตย์อยู่เสมอ เดิมเคยเป็นพนักงานออฟฟิศด้านการตลาด ซึ่งงานประเภทนี้ต้องการความคล่องตัวสูงมาก ปกติก็จะใส่แต่ชุดชั้นในแบบสปอร์ต บ้างก็เสื้อชั้นในเด็ก หรือสเตย์รัดหน้าอก ซึ่งเมื่อใส่เป็นเวลานานและต่อเนื่องจะทำให้เกิดรอยไหม้ใต้รักแร้ โดยเฉพาะสาวหล่อเจ้าเนื้อ

จนกระทั่งไปเจอเสื้อกล้ามสำหรับสาวหล่อที่ประเทศฮ่องกง จึงลองซื้อมาใส่ แต่ด้วยคุณสมบัติหลายๆ ด้าน ทั้งเนื้อผ้า ความยืดหยุ่น และคุณภาพของสินค้า ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของสาวหล่อได้ จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำเสื้อกล้ามทอมขึ้นมาเอง เน้นความสำคัญในเรื่องการใช้งานได้จริง และตรงกับความต้องการของสาวหล่อที่เมื่อใส่แล้วจะต้องปกปิดหน้าอกให้แบนราบ ได้ รวมถึงยังเป็นการช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านมจากการใส่สเตย์เป็น เวลานาน

Tom Chic เสื้อกล้ามสาวหล่อ
 
บรรดานายแบบโชว์เสื้อผ้าแฟชั่นของร้าน Tom Chic ที่เจ้าของร้านออกแบบเอง

“ตอนแรกคุณแม่ก็ไม่เข้าใจว่าเรากำลังคิดที่จะทำอะไร แล้วมันจะขายได้จริงไหม แต่พอเราอธิบายสิ่งที่เราต้องการให้คุณแม่ฟังท่านก็ยินดีและพร้อมที่จะสนับ สนุนเราอย่างเต็มที่ ตอนแรกก็คิดอยู่ว่ามันจะคุ้มไหมกับการออกจากงานประจำ เงินเดือน 35,000 เพื่อมาลงทุนทำเสื้อกล้ามทอม โดยให้คุณ แม่เป็นที่ปรึกษา เนื่องจากท่านเคยเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้ามาก่อน โดยให้ดูแลเรื่องแพทเทิร์นและการเลือกเนื้อผ้าที่มีความยืดหยุ่นสูงเพื่อนำ มาตัดเย็บ”

เมื่อการออกแบบเสื้อกล้ามสาวหล่อ และเลือกเนื้อผ้าลงตัว จีนก็จ้างให้โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าผลิตให้ แต่ความล้มเหลวก็ถาโถมเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว หลังพบว่าสิน ค้าล็อตแรกไม่ตรงกับความต้องการจำเป็นต้องทิ้งทั้งล็อต ต้องรีบเปลี่ยนโรงงานผลิตทันที เมื่อให้ได้สินค้าส่งตามเวลาที่รับปากกับลูกค้าที่สั่งจองไว้เพื่อรักษาชื่อ เสียงของแบรนด์เสื้อกล้ามสาวหล่อ Tom Chic ซึ่งจีน ยอมรับว่าวันนั้นตนเองรู้สึกแย่มาก แต่ไม่ถอย สุดท้ายสินค้าก็ถูกส่งถึงมือลูกค้า และผลตอบรับดีเกินคาดเป็นแรงให้จีนมั่นใจที่จะพัฒนาสินค้าประเภทอื่นๆ ต่อไป

ช่องทางการจำหน่ายเสื้อกล้ามสาวหล่อ

สำหรับช่องทางการจำหน่ายเสื้อกล้ามสาวหล่อในช่วง 6 เดือนแรก เน้นการขายผ่านทางเว็บไซต์ hi 5 และโพสต์ตามเว็บไซต์ทอม ดี้ ทั่วไป หลังจากนั้นก็เพิ่มเป็นขายผ่าน E-commerce และมีหน้าร้านเป็นของตนเอง ที่ The One หน้าห้างเซ็ลทรัลลาดพร้าว จากการพูดถึงแบบปากต่อ ปาก กลายเป็นการสร้างแบรนด์ Tom chic ให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ด้วยเนื้อผ้าที่ผ่านการผลิตด้วยวัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ ต้นทุนยอมรับว่าสูง แต่เพื่อให้สินค้าเป็นที่ยอมรับ เรื่องกำไรก็ยังไม่ใช่เรื่องหลักของการขายเสื้อกล้ามทอม หวังแค่เพียงต้องการความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก ในขณะที่สินค้าลอกเลียนแบบ มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่หากวัด กันที่คุณภาพลูกค้าที่เคยซื้อไปใช้จะรู้ถึงคุณภาพเสื้อกล้ามแบรนด์ Tomchic เป็นอย่างดี เพราะเพียงสัมผัสเนื้อผ้าก็สามารถรู้ได้แล้วว่าไม่ใช่สินค้าของ Tom chic โดยเนื้อผ้าที่ใช้ในการผลิตเป็นเนื้อผ้าที่ทอเอง ไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้แน่นอน ตอนนี้มีโรงงานอยู่ 3 ที่ คือที่บ้านตนเอง บางบัวทอง และสมุทรปราการ

Tom Chic เสื้อกล้ามสาวหล่อ
 
หน้าร้านเสื้อกล้ามสาวหล่อ Tom Chic ในห้าง The One หน้าห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว

ปัจจุบันเสื้อกล้ามทอมหรือเสื้อกล้ามสาวหล่อใช้ใส่แทนชุดชั้นในเพื่อกระชับ ทั้งหน้าอก และหน้าท้องได้มีทั้งหมด 3 สี คือ ขาว ดำ เทา ขนาดS,M,L ราคาอยู่ที่ 250 บาท ส่วน XL ราคาอยู่ที่ 300บาท นอกจากเสื้อกล้ามทอมแล้วยังมีกางเกงชั้นในสำหรับ 365 วัน มีทั้งแบบเต็มตัวหรือ Boxer ราคาอยู่ที่ 200 บาท และแบบขาเว้าสำหรับวันนั้นของเดือนราคา 180 บาท คุณสมบัติคือช่วยเก็บก้นและต้นขาได้ดี คุณภาพสามารถใช้งานได้ 6 เดือนขึ้นไป แบบไม่ยืด ไม่ย้วยแน่นอน

อีกทั้งยังมีเสื้อผ้าสำหรับสาวหล่อให้ได้แต่หล่อกันแบบไม่ซ้ำใครด้วย การออกแบบเองผลิตเองจากเนื้อผ้าคุณภาพภายใต้แบรนด์ของตนเองอีกด้วย ราคาเสื้อแขนยาว อยู่ที่ 400 บาทและแบบแขนสั้น 300 บาทเท่านั้น โดยในอนาคตว่าจะเพิ่มตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หลังจากมีคนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และจะเพิ่มรูปแบบเสื้อกล้ามให้มากขึ้น อย่างทำเป็นรุ่น limited เพื่อให้กลายเป็นของสะสมไปในตัว ส่วนตลาดในแถบยุโรปและเอเชีย มีคู่ค้าที่พร้อมทำการค้าร่วมกันในอนาคตแล้ว

ติดต่อ 08-2457-5535 ,08-3300-6556 หรือที่ www.tomchic.com
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


‘Kanita’ พลิกโฉมขนมไทยให้เป็นเครื่องหนัง

เครื่องหนังขนมไทย
Kanita เครื่องหนังขนมไทย

เครื่องหนังกับขนมไทย สองสิ่งที่แตกต่างกันสุดขั้ว กลับกลายเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างลงตัว จากสมองและสองมือของสาวรุ่นใหม่อย่าง “คณิตา คนิยมเวคิน” ที่ นำรูปทรงขนมไทยห่อใบตองชนิดต่างๆ มาใช้เป็นต้นแบบดีไซน์เครื่องหนัง สร้างความโดดเด่นทั้งแปลกใหม่ พร้อมใช้สอยได้จริง และที่สำคัญเครื่องหนังขนมไทยสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยออกมาได้อย่างมี สไตล์

คณิตา เล่าว่า เรียนจบด้านออกแบบจากคณะสถาปัตยกรรม สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และส่วนตัว ชื่นชอบงานเครื่องหนังมาตั้งแต่เด็ก จึงมักหาความรู้ในการทำเครื่องหนังเพิ่มเติมด้วยตัวเอง โดยนำทักษะความรู้การออกแบบมาต่อยอดทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ จนที่สุดยึดเป็นอาชีพหลัก ทำและขายภายใต้แบรนด์ “Kanita

ด้วยไอเดียไม่หยุดนิ่ง ได้ต่อยอดสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในวงการ โดยเป็นเครื่องหนังที่มีรูปทรงคล้ายขนมไทยห่อใบตองหรือเรียกว่า “เครื่องหนังขนมไทย

เครื่องหนังขนมไทย

คณิตา คนิยมเวคิน เจ้าของไอเดียเครื่องหนังขนมไทย

“ฉัตร (ชื่อเล่นของคณิตา) มีความคิดอยากทดลองนำการพับใบตองเป็นห่อขนมไทยต่างๆ มาประยุกต์เป็นเครื่องหนัง เพราะมองว่าเป็นภูมิปัญญาไทยที่น่ายกย่อง และเด็กรุ่นใหม่หลายคนแทบไม่รู้จักแล้ว โดยการออกแบบเน้นจับจุดเด่นของห่อขนมแต่ละชนิด ทั้งรูปทรงภายนอก และสี ควบคู่กับคำนึงถึงข้อจำกัดเรื่องวัสดุหนัง และการผลิตจริงด้วย พยายามให้ทำออกแล้วใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุด” คณิตา เผย และเสริมต่อว่า

เบื้องต้นจะออกแบบเครื่องหนังขนมไทยในกระดาษ เสียก่อน แล้วค่อยทดลองทำด้วยวัสดุหนังจริง โดยทุกแบบออกแบบให้ง่ายต่อใช้งานของผู้บริโภค ค่อยๆ ปรับแต่งลองผิดลองถูก กว่าจะลงตัวใช้เวลาร่วมเดือน ขณะนี้มีด้วยกัน 5 แบบ ประโยชน์ใช้สอยแตกต่างกันไป ได้แก่ ขนม ใส่ไส้ กับขนมเทียนเป็นกระเป๋าใส่เศษสตางค์ ข้าวต้มมัดเป็นที่ใส่พวงกุญแจ กระทงใบตองสำหรับใส่ที่หนีบกระดาษ และขนมจากเป็นกระเป๋าใส่เครื่องเขียน

กลุ่มเป้าหมายสำหรับเครื่องหนังขนมไทย

สำหรับกลุ่มลูกค้าเครื่องหนังขนมไทยเป้าหมายวางไว้ที่ผู้รักงานเครื่องหนัง ชื่นชอบในงานดีไซน์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร รวมถึง ชาวต่างที่จะซื้อหากลับไปเป็นของที่ระลึก สามารถสื่อถึงความเป็นไทยได้อย่างดี ตั้งราคาขายปลีกอยู่ที่ชิ้นละ 300-500 บาท

นอกจากเครื่องหนังดีไซน์เครื่องหนังขนมไทยห่อใบตองแล้ว งานเครื่องหนังชิ้นอื่นๆ ของ“Kanita” ยังมากไปความคิดสร้างสรรค์เช่นกัน มีสินค้ากว่า 10 รายการ เช่น สมุดโน้ตปกหนัง กระเป๋าใส่นามบัตร พวงกุญแจหนัง ที่ห้อยโทรศัพท์มือถือหนัง สายคล้องคอ เป็น ต้น ราคาตั้งแต่หลักสิบถึงสูงสุดไม่เกิน 400 บาท ทุกชิ้นมีจุดเด่นเป็นงานแฮนด์เมด ทำจากหนังวัวแท้ เกรดเอ และที่สำคัญ ทุกชิ้นมีจุดเด่นสามารถระบุอักษรชื่อ หรือข้อความที่ลูกค้าต้องการลงไปได้ ช่วยเพิ่มคุณค่าสินค้า และสร้างความประทับใจแก่ผู้ได้รับมากยิ่งขึ้น

ในส่วนการผลิตเครื่องหนังขนมไทย คณิตา เผยว่า ใช้วิธีออกแบบ และทำสินค้าต้นแบบด้วยมือตัวเอง จากนั้น ไปว่าจ้างช่างหนังให้ตัดเย็บตามแบบและปริมาณที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ในส่วนขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนและสำคัญ อย่างการตอกสลักชื่อ ยังคงลงมือทำด้วยตัวเอง

ช่องทางตลาด ในส่วนสินค้าดีไซน์เครื่องหนังขนมไทยห่อใบตอง วางขายที่ร้าน TCDC ชั้น 6 ห้างดิเอ็มโพเรียม ส่วนสินค้าอื่นๆ จะออกบูทขายที่ตลาดนัดไอเดีย Crystal Design Center (CDC) ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ อีกทั้ง ขายผ่านออนไลน์ที่ www.facebook.com/bykanita และรับผลิตตามคำสั่งซื้อ
สำหรับเส้นทางอาชีพของสาวเก่งคนนี้ เป็นอีกตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่กล้าจะก้าวออกจากชีวิตมนุษย์เงินเดือนเพื่อ ตามความฝันของตัวเอง

เธอเล่าว่า หลังเรียนจบได้เข้าทำงานประจำ ฝ่ายออกแบบในบริษัทเอกชน แต่เพราะรักในงานเครื่องหนัง จึงพยายามหาความรู้การผลิตเครื่องหนังเสมอ และมักลองทำเครื่องหนังใช้เอง และมอบแด่คนใกล้ชิด ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่พบเห็นผลงาน ต่างชื่นชมในความสวยงาม และขอซื้อต่อ ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจเริ่มทำขายคนรอบตัว จากนั้น ขยายทำเป็นอาชีพเสริม จนในที่สุด ตัดสินใจจะออกมายึดเป็นอาชีพหลักในปัจจุบัน

“ทุกอย่าง ฉัตรจะเริ่มจากจุดเล็กๆ ไม่ได้ใช้เงินลงทุนมากนัก เบื้องต้นแค่ประมาณ 5พันบาท เริ่มจากทำเองทุกอย่างคนเดียว ตั้งแต่ไปหาซื้อวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ ตัดเย็บหนัง ตอกหมุด ตัดกระดาษ ฯลฯ ซึ่งข้อดีทำให้เราเรียนรู้ขั้นตอนต่างๆ อย่างละเอียด นอกจากนั้น ยังไปขายด้วยตัวเอง เพื่อรับฟังข้อติชมจากลูกค้า นำมาปรับปรุงแก้ไขตลอดเวลา” เจ้าของไอเดีย เผย

เครื่องหนังขนมไทย

 เครื่องหนังขนมไทย: ขนมใส่ไส้ทำเป็นกระเป๋าใส่เศษสตางค์

ทิ้งท้ายถึงก้าวต่อไป เธอบอกว่า จะไม่หยุดสร้างสรรค์ดีไซน์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพิ่มเติมสินค้าทั้งกระเป๋าหิ้ว กระเป๋าสะพาย รวมถึง ต่อยอดเครื่องหนังขนมไทยห่อใบตองให้หลากหลายยิ่งขึ้น นอกจากนั้น กำลังหาพื้นที่เปิดหน้าร้านเป็นจุดขายและแสดงสินค้าของตัวเอง

โทร.08-6797-7148 หรือ Kanita เครื่องหนังขนมไทย www.facebook.com/bykanita
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


งานโบ-ริบบิ้น ทำขายสร้างรายได้ตลอดปี

ริบบิ้น’ทำขายสร้างรายได้ตลอดปี

โบและริบบิ้น
โบและริบบิ้นจาก www.missribbin.com

อาชีพเกี่ยวกับงานประดิษฐ์บางชนิดก็แยกไม่ออกจาก งานบริการ โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวกับของขวัญ-ของที่ระลึก ที่ผูกรวมไว้ด้วยไอเดียการคิดประดิษฐ์จนเกิดเป็นชิ้นงาน และนำเรื่องการบริการมาเป็นจุดขายรองรับกลุ่มลูกค้า อย่างเช่นอาชีพ “ประดิษฐ์โบและริบบิ้น” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอในวันนี้…

“กาญจนา ไพบูลย์ธนศาล” เจ้าของงานบริการรับผลิตออกแบบโบและริบบิ้น เล่าว่า เดิมทำเป็นงานอดิเรก โดยอาศัยเวลาว่างจากงานประจำรับงานผลิตโบและริบบิ้น ต่อมาคิดว่าน่าจะทำเป็นอาชีพหลักได้ เพราะสินค้าประเภทนี้สามารถทำขายได้ตลอดทั้งปี และตลาดมีความต้องการสินค้าอย่างสม่ำเสมอ จึงตัดสินใจลงมาจับธุรกิจดังกล่าวนี้อย่างเต็มตัว โดยนอกเหนือจากการวิ่งออกไปหาลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์ สำหรับจัดของขวัญแล้ว ก็ยังใช้ช่องทางการขายผ่านอินเทอร์เน็ต โดยจัดทำเว็บไซต์ของตัวเองขึ้นในชื่อ www.missribbin.com ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก เพราะลูกค้าจะสามารถเห็นสินค้า และเป็นการลงทุนที่ไม่มีค่าใช้จ่ายมากเท่ากับการเปิดร้าน-มีหน้าร้าน โดยที่ร้านจะทั้งขายโบและริบบิ้นปลีกและขายส่งรวมถึงรับผลิตตามคำสั่งซื้อ พิเศษของลูกค้า

“ตรงช่องทางการจำหน่ายโบและริบบิ้นผ่านเว็บไซต์ ก็จะมีทั้งลูกค้าที่เป็นบริษัท องค์กรห้างร้าน และยังมีลูกค้าทั่วไปที่สั่งทำในจำนวนไม่มากชิ้น ถือว่าเป็นช่องทางการขายที่ดีช่องทางหนึ่งในปัจจุบัน” เจ้าของงานระบุ

เจ้าของงานบอกอีกว่า อาชีพประดิษฐ์โบและริบบิ้นนี้ สามารถทำขายได้ตลอดทั้งปี แต่ลูกค้า ยอดสั่งทำ ความต้องการสินค้า จะเพิ่มมากเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันวาเลนไทน์ สำหรับรูปแบบสามารถพลิกแพลงต่อยอดได้เรื่อย ๆ แต่โดยส่วนใหญ่ลูกค้ามักจะนิยมแบบโบและริบบิ้นที่ดูเรียบแต่หรูหรา เป็นหลัก

แต่ทั้งนี้ ก็จำเป็นต้องติดตามความนิยมและความต้องการของตลาดด้วย เนื่องจากความต้องการของลูกค้าจะปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา โดยปัจจุบันงานที่ผลิตออกจำหน่ายก็มี อาทิ โบกระเช้า, โบกล่องของขวัญ, โบประดับหน้าอก, โบติดถ้วยรางวัล, โบกรรมการ, โบติดกรอบรูป, โบของตกแต่งอื่น ๆ, ริบบิ้นห่อเหรียญโปรยทาน, ริบบิ้นช่อดอกไม้ เป็นต้น

“ส่วนใหญ่รูปแบบของโบและริบบิ้นจะไม่หนีกันมากนัก ที่นิยมก็จะเป็นแบบโบกระเช้าและโบตะกร้อ จะแตกต่างก็ในเรื่องสีสัน ลวดลาย และของตกแต่งมากกว่า” กาญจนากล่าวถึงเทคนิคการทำตลาด
สดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานประเภทนี้ หลัก ๆ ประกอบด้วย ริบบิ้น, ไม้บรรทัด, กรรไกร, คัตเตอร์, กระดาษแข็งสำหรับทำแบบ, เข็มกับด้าย และวัสดุตกแต่งใช้ประดับชิ้นงาน อาทิ กระดิ่ง, ลูกบอลติดกากเพชร, ลูกไม้ที่ใช้ในงานประดิษฐ์ดอกไม้, ลวดสี, ดิ้นเงิน-ดิ้นทอง และอื่น ๆ ตามต้องการ โดยวัสดุอุปกรณ์เหล่านี้หาซื้อได้ตามร้านจำหน่ายอุปกรณ์ทำงานฝีมือทั่วไป

ต้นทุนงานโบและริบบิ้น

ทุนเบื้องต้นอาชีพนี้ ถือว่าใช้ไม่มาก ใช้เงินลงทุนประมาณ 500 บาทขึ้นไป ส่วนทุนวัตถุดิบ อยู่ที่ประมาณ 40% จากราคาขาย ที่เริ่มตั้งแต่ชิ้นละ 1 บาทไปจนถึง 120 บาท ขึ้นกับขนาด ความยากง่ายของงาน

ขั้นตอนการทำในที่นี้จะยกมา 2 ตัวอย่าง แบบแรก “การทำโบตะกร้อ” เริ่มจากนำกระดาษแข็ง หรืออาจใช้กระดาษกล่องแทนก็ได้ นำมาตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดความยาว 5 นิ้ว (ความยาวของกระดาษแบบขึ้นกับขนาดของโบตะกร้อ) จากนั้นนำริบบิ้นมาพันทบกันไปมาให้ครบจำนวน 9 รอบ ซึ่งจำนวนรอบที่พันนี้จะเป็นตัวกำหนดความหนาของโบที่ทำ โดยทำแบบนี้ให้ได้ 2 ชิ้น เมื่อพันครบแล้วดึงริบบิ้นออกมา แล้วใช้กรรไกรตัดปลายทั้ง 2 ด้านให้เป็นปลายแหลมทั้ง 2 ชิ้น จากนั้นนำมาผูกไขว้เข้าด้วยกัน ให้เป็นรูปกากบาท ใช้ด้ายหรือริบบิ้นเล็กพันตรงกลางให้แน่น เมื่อแน่นดีแล้วก็ทำการคลี่ริบบิ้นที่พับทบกันอยู่ออกมา จากนั้นจึงนำริบบิ้นอีกสีหรือสีเดียวกันมาผูกเพื่อให้เป็นหางของโบตะกร้อ ตกแต่งด้วยวัสดุตกแต่งตามชอบ เป็นอันเสร็จ

ส่วนอีกแบบ “การทำโบกระเช้า” เริ่มจากนำริบบิ้นผ้าต่วนขนาดความกว้าง 5 เซนติเมตร มาตัดออกให้ได้ความยาวประมาณ 130 เซนติเมตร จากนั้นนำริบบิ้นที่ตัดไว้มาทำการพันโดยให้หูโบมีขนาดเท่า ๆ กัน แล้วจึงทำการจับจีบและมัดด้วยด้าย เป็นอันเสร็จ ทั้งนี้ความสวยงามของการทำโบกระเช้าขึ้นอยู่กับการเลือกใช้สีริบบิ้น รวมถึงการเพิ่มจำนวนโบหรือที่เรียกว่าการทำเลเยอร์ (Layer) ยิ่งมีเลเยอร์มาก ก็จะยิ่งเพิ่มความสวยงามให้กับโบกระเช้า

“สำหรับคนที่สนใจอาชีพทำโบและริบบิ้นนี้ คุณสมบัติแรกคือต้องเป็นคนใจเย็น อดทน ค่อย ๆ ฝึกฝนจนชำนาญ ก็จะทำชิ้นงานดี ที่สำคัญอย่าลืมเรื่องการสต๊อกวัตถุดิบไว้ด้วย เพราะบางครั้งอาจจะมีงานสั่งทำพิเศษที่เป็นงานด่วนจากลูกค้าเข้ามา ซึ่งหากคิดจะทำเป็นธุรกิจก็ไม่ควรมองข้ามเรื่องนี้” เจ้าของงานกล่าวแนะนำ

สนใจติดต่อเจ้าของอาชีพ “ประดิษฐ์โบและริบบิ้น” รายนี้ ติดต่อได้ที่ เลขที่ 102/436 หมู่ 3 ต.กระแชง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี โทร. 0-2979-1226, 08-9414-9198 ใครที่สนใจอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม ก็สามารถสอบถามกันได้โดยตรง.
ที่มา: เดลินิวส์

Read More...


ทำกล่องไม้ขีดขาย เป็นรายได้เสริม

เดินดูของเพลิน ๆ ก็ไปเห็นกลักไม้ขีดหรือกล่องไม้ขีดนั้นเองครับ เป็นของเก่าสะสม สวยดี ก็เลยนึกปิ้งไอเดียร์

สวัสดีครับ เพื่อน ๆ ชาว Handmade ทุกคน
พอดีวันก่อน ผมได้ไปเดิน ถนนคนเดิน หรือ Walking Street ชายหาดบางแสนมา
ยอมรับครับว่า เค้าทำตลาด Walking Street ได้ดีมากทีเดียว
ตลาดที่นี่ก็จะเน้น สินค้า Handmade ซะส่วนใหญ่
จะไม่ค่อยมีสินค้าประเภทที่ขายตามตลาดนัดทั่ว ๆ ไปซักเท่าไรครับ ดีครับ ใครมีฝีมืออะไร
ก็ทำสิ่งนั้นออกมาขายกันไป ส่งเสริมนักเรียน นักศึกษา หรือประชาชน
ทั่วไปได้มีอาชีพเสริม จากการทำงาน หารายได้เสริมไปอีกทางครับ
ใครมีไอเดียร์ดี ๆ ก็นำออกมาเสนอ สู่ท้องตลาดกันต่อไป อันนีเราขอส่งเสริม
กิจกรรมดี ๆ แบบนี้ครับ ….และที่เด่นสุดก็ตรงที่ ถนนคนเดิน ที่นี้เค้าได้มี
กิจกรรมดี ๆ สนับสนุนให้วัยรุ่นได้แสดงออก ในความถนัดที่ตนเองมีครับ
เช่น รำไทย ฟ้อนเล็บ ร้องเพลง เต้น ฯลฯ อื่น ๆ อีกมากมายเลยครับ น่าตื่นตาตื่นใจมากเลยครับ
ส่วนตัว กระผมเอง ชอบไปยืนดูน้อง ๆ เค้าฟ้อนเล็บครับ ได้บรรยากาศทางเหนือดีครับ
อย่างน้อยก็ได้ความรู้สึกดี ๆ ไปอีกแบบครับ (คิดถึงใครบางคนที่โน้น…หรือเปล่า)



match-box-all
 
เดินดูของเพลิน ๆ ก็ไปเห็นกลักไม้ขีด หรือกล่องไม้ขีดนั้นเองครับ
เป็นของเก่าสะสม สวยดี ก็เลยนึกปิ้งไอเดียร์
(อาจจะเป็นไอเดียร์เก่าๆ ที่ลืม ๆ กันไปแล้วก็เป็นไปได้นะครับ)
ทำไมไม่ทำแบบที่ไม่ซ้ำกันดูบ้างละครับ เช่น กลักไม้ขีดรูปคู่
กล่องไม้ขีดรูปสุนัขตัวโปรด กล่องไม้ขีดรูปแฟน รูปเพื่อนสมัยเรียน
รวมเป็นคอเลคชั่นไปเลย ก็คงจะดีไม่น้อยเลยนะครับ ก็เลยไปหาวิธีทำมานำเสนอเพื่อน ๆ
เผื่อว่าใคร จะปิ้งไอเดียร์ นำไปทำต่อเพื่อขายหรือบริการ เป็นอาชิพเสริมและสร้างรายได้อีกทาง
ก็ทำได้นะครับ


page_1
 
วีธีทำกล่องไม้ขีด
หาซื้อกล่องไม้ขีด ได้ที่ สำเพ็ง หรือ เยาราชก็ได้ครับ
นำรูปที่เราต้องการ เช่นรูปแฟน หรือสุนัขตัวโปรด สุดแต่จะสรรค์หานะครับ
นำไป re size ให้ได้ขนาดเท่ากับกล่องไม้ขีดนะครับ
แล้วนำ File รูปภาพต่าง ๆ ของเราไปปริ้นครับ
จากนั้นก็นำมาตัดตามขนาด แล้วเอามาทากาวแล้วเอาไปติดกับกล่องไม้ขีด
แค่นนี้ก็เสร็จแล้วครับ กล่องไม้ขีดในแบบฉบับของเรา

“คิดได้ทำได้ ไม่มีจนครับ”
อ้ายแป้บ

Read More...


ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0










































 
Blogger Tips and TricksLatest Tips And TricksBlogger Tricks
Do it your self,handmade,HandiCraft,งานฝีมือ,อาชีพเสริม,ช่องทางทำเงิน บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.