บทความที่ได้รับความนิยม


Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

พรมแฟนซี มีดีที่ความนิ่มลวดลายโดนใจ


      จากแม่ค้าขายรองเท้าแบบซื้อ มาขายไป เมื่อธุรกิจไม่ตรงตามที่หวัง ก็เป็นธรรมดาที่ต้องปรับเปลี่ยน แต่การเปลี่ยนบางครั้งก็เปิดโอกาสให้สิ่งใหม่เข้ามาในชีวิตโดยไม่คาดคิดมา ก่อนว่าจะประสบความสำเร็จ จากไอเดียนำเศษผ้าตุ๊กตามาทำเป็นพรมเช็ดเท้าลายการ์ตูนน่ารักถูกใจลูกค้าจน เย็บขายแทบไม่ทันกับ “พรมเช็ดเท้าแฟนซี” ธุรกิจสองแม่ลูกช่วยกันลงแรงหวังเพิ่มรายได้

       ผู้เป็นแม่ที่ต้องหารายได้เลี้ยงครอบครัวสู้ทำทุกอย่างเพื่อให้มีราย ได้ ด้วยการรับรองเท้ามาจำหน่ายต่อ แต่เมื่อธุรกิจประสบภาวะขาดทุนจำเป็นต้องเลิกกิจการ คิดหาอาชีพอื่นมาทดแทน ซึ่งผู้เป็นลูกชาย “วิทวัส ภูบาลเพ็ชร” หรือ เบส เห็นความขยันขันแข็งของผู้เป็นมารดา “เรณู จีนชัย” มาตลอด

       จนกระทั่งเรณู เลือกหยิบจับเศษผ้าที่เหลือจากทำตุ๊กตามมาเพิ่มมูลค่าด้วยการนำมาทำเป็นพรม เช็ดเท้า ออกแบบลวดลายที่ถูกจำกัดด้วยลายผ้าที่ไม่รู้ว่าในแต่ละวันจะได้ผ้าลายอะไรมา บ้าง ส่งผลให้ในช่วงแรกที่ทำพรมเช็ดเท้ายังไม่ถูกใจลูกค้ามากนัก รวมถึงไม่มีความแตกต่างจากพรมเช็ดเท้าทั่วไป มีเพียงความนิ่ม และคุณสมบัติการซับน้ำได้ดีของผ้าสำหรับทำตุ๊กตาเท่านั้น

       “ด้วยความที่คุณแม่มี ความรู้เรื่องการเย็บผ้าอยู่บ้าง เมื่อเห็นเศษที่เหลือจากการทำตุ๊กตาก็รับซื้อมาและทำเศษผ้าเหล่านั้นมาปะ โน่นแต่งนี่ กลายเป็นพรมเช็ดเท้าหลากสีสันไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละผืน แต่ด้วยข้อจำกัดของลายผ้าที่เราไม่สามารถกำหนดหรือเลือกลวดลายได้ทำบางครั้ง พรมเช็ดเท้าที่ทำออกไม่สวยตามที่เราต้องการ หลังจากนั้น 1 ปี ผมกับแม่ก็ตัดสินใจเลือกซื้อผ้าเอง แต่ยังเน้นไปที่ผ้าสำหรับทำตุ๊กตาเช่นเดิมด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวคือความนิ่ม และซึมซับน้ำได้ดีผู้เป็นลูกชายย้อนที่มาธุรกิจพรมเช็ดเท้าแฟนซี

      เมื่อมีโอกาสได้เลือกซื้อผ้าเอง นั่นคือก้าวแรกของการนำไปสู่ธุรกิจ “พรมเช็ดเท้าแฟนซี” ของ สองแม่ลูก ที่มีการตัดเย็บเป็นตัวการ์ตูนน่ารัก โดยช่วงแรกเป็นพรมเช็ดเท้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ต่อมาพัฒนาเป็นรูปทรงหน้าตัวสัตว์ต่างๆ เช่น หมู ไดโนเสาร์ ลิง และหมี เป็นต้น โดยได้รับการอุดหนุนสินค้าเป็นอย่างดีจนผลิตขายแทบไม่ทัน

      “การที่เราเลือกซื้อผ้าเองทำให้สามารถเลือกสีสัน และลวดลายที่จะนำมาทำเป็นพรมเช็ดเท้าได้โดยสามารถกำหนดลวดลายตามที่ต้องการ ได้ ซึ่งลูกชาย (เบส) จะช่วยดูในเรื่องแบบต่างๆ บางครั้งได้ไอเดียจากรูปต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ต ก็นำมาปรับเปลี่ยนต่อยอดให้ออกมาเป็นลายน่ารักที่คิดว่าตรงกับกลุ่มลูกค้า เป้าหมายที่ส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงาน”

       ปัจจุบันพรมเช็ดเท้าแฟนซีที่ เบส บอกว่า ไม่ได้จำกัดการนำไปใช้ประโยชน์เป็นพรมเช็ดเท้าได้เท่านั้น แต่กลายเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ ที่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปและกลับมาบอกกล่าวว่าตนเองนำไปใช้ประโยชน์ในด้าน อื่นๆ ด้วย เช่น นำไปทำเป็นเบาะรองนั่ง, ที่รองคีร์บอร์ด หรือเป็นผ้าปูสำหรับให้น้องหมา หรือแมวนอน เนื่องจากคุณสมบัติของผ้าสำหรับทำตุ๊กตาที่มีความนิ่มมาก ซักแล้วสีไม่ตก แห้งไว ไม่เป็นฝุ่นง่าย และไม่มีขนจากผ้าที่จะทำให้เกิดภูมิแพ้ได้ ประกอบกับการออกแบบลวดลายการ์ตูนน่ารัก ที่ลูกค้าหลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า 'เสียดายหากต้องนำไปทำเป็นพรมเช็ดเท้า ขอนำไปใช้งานอย่างอื่นก่อน เมื่อเก่าก็ยังสามารถนำไปทำเป็นพรมเช็ดเท้าได้'

       สำหรับขั้นตอนการทำนั้นส่วนใหญ่เป็นงานแฮนด์เมดที่ผู้เป็นแม่ทำแพ ทเทิร์น และตัดเองกับมือแทบทุกชิ้น โดยเฉพาะพรมขนาด XL ที่ต้องใช้ความชำนาญในการตัดขึ้นรูป ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียหายมากที่สุด ส่วนขนาดรองลงมาเบส ลูกชายจะช่วยตัดให้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ เพราะกำลังศึกษาในระดับอุดมศึกษา ทางที่จะช่วยมารดาแบ่งเบาธุรกิจนี้ได้ คือ การช่วยขายสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ที่ทำขึ้นเองเท่านั้น

      ขณะนี้พรมเช็ดเท้าแฟนซี มีให้เลือก 4 ขนาด ได้แก่ ขนาด XL (ขายดีที่สุด) ราคา 259 บาท, ขนาด L ราคา 159 บาท, ขนาด M ราคา 69 บาท และขนาด S เพียง 10 บาทเท่านั้น เหมาะ สำหรับนำไปทำที่รองแก้ว หรือรองแจกันขนาดเล็กได้ ซึ่งที่ผ่านมามีทั้งลูกค้าที่ซื้อปลีกและส่งในสัดส่วนไม่ต่างกันมากนัก โดยผู้ที่ซื้อไปจำหน่ายต่อมีทั้งแม่ค้าทั่วไป และนักศึกษาที่ต้องการหารายได้เสริม ทางร้านก็จะคิดในราคาขายส่งให้แต่ต้องสั่งจำนวนขั้นต่ำ 100 ผืนขึ้นไป

       ส่วนแผนธุรกิจในอนาคตสองแม่ลูก บอกว่า จะหาตัวแทนจำหน่ายตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว และเมื่อตลาดในประเทศแข็งแกร่งจะส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ที่คาดว่าน่าจะตรงตามความต้องการของตลาด เพราะเป็นสินค้าที่ต้องใช้ทุกบ้าน ประกอบกับลวดลายการ์ตูนน่ารักสดใส จึงน่าจะเข้าถึงลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้านได้ไม่ยาก
      
       ***สนใจติดต่อ08-0082-1280 หรือที่ www.พรมเช็ดเท้า.com***

credit : โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


สร้างป้ายไฟ LED (แอลอีดี) อย่างมีความคิดสร้างสรรค์

ป้ายไฟ LEDป้ายไฟ LED อาชีพทำเงินที่เราทุกคนควรรู้จักกัน การทำป้ายไฟนั้นทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด หากรู้หลักการ มีจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ หลอด LED เป็นหลอดไฟที่มีอายุการใช้งานนานมาก ๆ ประหยัดพลังงานสูงให้แสงสว่างได้ดี สำหรับใครที่ไม่มีทุนมากแล้วผมมองว่าธุรกิจการทำ ป้ายไฟแอลอีดีนี้ท่านก็สามารถทำได้ ขนาดของป้ายส่วนมากติดตามร้านค้าทั่วไปขนาด เท่ากับ A3 กำลังสวยราคาต่อป้าย ก็คิด 999 – 1500 บาท แล้วเป็นขนาดที่ไม่ใหญ่โตมากนัก ท่านสามารถทำคนเดียวได้ซึ่งตรงนี้ เราก็รับไปเลยคนเดียวเติม ๆ แต่ถ้าหากได้รับงานใหญ่ ๆ เราก็ควรจ้างลูกมือคนสองคนเท่านั้นก็เป็นพอ นอกจากจะทำเป็นป้ายติดตามร้านค้าต่าง ๆ ได้แล้ว เราเคยเห็นกันบ้างมั้ยเวลามีคอนเสิร์ต มีการประกวดร้องเพลง หรือมีนักร้องขวัญใจทั้งไทยและเทศจะมีกลุ่มคนที่เข้ามาให้กำลังใจ ชูป้ายไฟแอลอีดีอย่างน่าสนใจและโดดเด่นในงาน

การทำป้ายไฟ LED จะเริ่มทำกันอย่างไร

ป้ายไฟ LED แอลอีดี

ต้องบอก ตรง ๆ เลยนะครับว่าผมเองก็ทำไม่เป็น แต่ก็พอรู้พื้นฐานมาบ้างแล้ว สำหรับท่านใดที่สนใจจริง ๆ วันนี้เองผมได้ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งที่กำลังจะออกว่างจำหน่าย เป็นหนังสือสอนการทำ ป้ายไฟ LED รวมเทคนิคการทำ การสร้างป้ายไฟแบบแอลอีดีหลากหลายรูปแบบ มีพร้อมวีดีโอตัวอย่างรูปแบบป้ายไฟ LED 500 ตัวอย่าง เพื่อเป็นไอเดียและจินนาการของคุณ

เนื้อหาในหนังสือ ป้ายไฟ LED มีดังนี้

1) การต่อ LED การคำนวนกระแส ด้วยโปรแกรมสำเร็จ ไม่ต้องใช้กฎของโอห์ม (แต่ใช้กฎของผม ง่ายๆ อิอิ) ทั้งแบบซี่รี่ และแบบขนาน และทุกขนาดโวลท์ที่ใช้ รวมทั้งการคำนวนกระแส ในการเลือกซัพพลายที่จะใช้
2) ตัวอย่างการสร้างป้ายไฟวิ่งแบบต่างๆ (สร้างจริง ลงทุนจริง) มีภาพประกอบทุกขั้นตอน มีทั้งแบบใช้ถ่าน และใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีทั้งแบบไม่ใช้หม้อแปลง และแบบอื่นๆ รวมถึงแบบซัพพลายแบบสวิตชิ่ง
3) โครงงานไฟวิ่ง 10 โครงงาน มีทั้งแบบง่ายๆจนถึงแบบไฮเทค (ใช้ไมโครคอนโทรเลอร์ 16F84-16F628)ที่เปลี่ยนรูปแบบการวิ่งอัตโนมัติ หลายรูปแบบ ซึ่งจะทำให้ป้ายไฟ น่าสนใจชวนมอง ที่สำคัญในแผ่นให้ซ้อสโค้ด หรือ Hexfile ให้คุณโปรแกรมใช้ ทำใช้ ทำขายได้ตลอดชาติ ไม่มีการหมกเม็ดขายไอซี ขายบอร์ดวงจรอีกที แถมมีลายปริ้นท์คมชัด ให้คุณไปกัดเอง หรือจ้างกัดได้ไม่จำกัดจำนวนชุด
4) แถมเครื่องโปรแกรมไอซี 16F84-16F628 ให้ด้วย พร้อมซอฟแวร์ และสอนใช้ในเล่ม ไม่ต้องไปหาซื้อเครื่องโปรแกรม ให้เสียเงินอีกแต่อย่างใด
5) 10 โครงงานในเล่ม เราแถมแผ่นปร้นท์แบบพิมพ์เขียวมาตรฐานให้ ทั้ง 10 ชุด เพื่อให้คุณได้ทดลอง และ อ่านหนังสือจบ คันมืออยากสร้างใช้ สร้างขาย ก็ทำได้เดี๋ยวนั้นเลย
6) เห็นป้ายไฟแบบไหนสวย อยากก็อปปี้แบบนั้น (ตามใจลูกค้า) หรือก็อปปี้มาดัดแปลงใช้งานบางส่วน เรามีสอนการก็อปปี้ให้ด้วย ด้วยโปรแกรม CorelDRAW เป็นเร็วแบบรวดเร็ว สายฟ้าแลป รับรองได้ตามแบบ
เป๊ะๆ แถมขยายให้ใหญ่เท่าฝาบ้าน โปรแกรมก็ทำได้
7) ผมบรรจุฟ้อนต์แบบจุด (แบบฟรีแวร์) จำนวนมากในแผ่น กว่าจะหามาให้ได้แบบลากเลือด ให้คุณพิมพ์แล้วเจาะรูใช้งานได้เลยมีมากมายหลายแบบ มีทั้งตัวบาง(สำหรับป้ายง่ายๆ) และตัวหนา(สำหรับป้ายขนาดใหญ่ที่ต้องการความโดดเด่น มองเห็นไกล)
8 ) วงจรขับ LED จำนวนมากๆ และเกิดอยากเปลี่ยนเป็นใช้หลอดไฟ(ตามใจลูกค้า) ทำไง? ไม่ต้องห่วง ผมได้ออกแบบวงจรอินเตอร์เฟซ เตรียมไว้ให้ พร้อมลายปริ้นท์ เป็นอ็อพชั่นให้เลือกใช้งาน (อะไรจะใจดีขนาดนั้น)
9) มีตัวอย่างการทำกรอปป้ายให้ด้วย ทั้งแบบสร้างเองจากไม้ และแบบใช้กรอปสำเร็จรูปจากร้านรับตัดกรอปรูปเพื่อให้คุณ(มือใหม่) ได้เห็นรูปแบบ และเห็นเป็นตัวอย่าง
10) ทำเลย์เอ้าท์การวาง LED ให้ดูด้วย ไม่งั้นเดินหลอดLED เป็นร้อยๆหลอด แต่ทำไมมันไม่วิ่งหว่า? รวมทั้งการจัดรูปแบบ LED ตามรูปแบบในวิดีโอ


ข้อมูลเพื่มเติมของหนังสือ
สำหรับท่านใดที่อยากทราบข้อมูลเพื่มเติมของหนังสือเล่มนี้ ท่านสามารถเข้าไปติดต่อสอบถ่ามได้ที่ URL ด้านล่างที่ลงไว้ให้ได้เลย ขอขอบคุณ อาจารย์ สุวิทย์ (ms-kit) ด้วยนะครับที่ได้นำเสนอหนังสือแนวทางสร้างอาชีพในครั้งนี้
ที่มาของข้อมูล http://www.ms-kit.net/index.php?topic=827.msg1434#msg1434

credit : http://ohomakemoney.com/

Read More...


หุ้มแก้วกันน้ำ

อาชีพประดิษฐ์สินค้างานฝีมือนอกจากต้องมีความประณีต และรู้จักสร้างความสะดุดตาให้ชิ้นงานแล้ว การมองหาช่องทาง การช่างสังเกต ก็เป็นอีกเคล็ดลับที่ทำให้ผู้ผลิตชิ้นงานหลายรายประสบความสำเร็จ อย่างเช่นชิ้นงานของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ “ภัทรพล เรืองศรี-รัชนก พุมมา” ชิ้นงาน “ที่หุ้มแก้วกันน้ำ” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอในวันนี้...

ภัทร พลเล่าว่า สินค้าที่ผลิตขึ้นนั้นเกิดจากแนวความคิดของตนและหุ้นส่วนที่อยากจะผลิต สินค้าขึ้นมาเพื่อทำเป็นอาชีพเสริม โดยมองไปที่สินค้าประเภทของใช้ บวกกับความหลงใหลในงานผ้าและชื่นชอบลวดลายของผ้าเป็นอย่างมาก จึงทดลองประดิษฐ์และพัฒนาสินค้าของตนเองขึ้น ตั้งแต่งานหมอนตุ๊กตา, กระเป๋าใส่ของ, กระเป๋าใส่ไอแพด







ต่อมามองว่าตนเองมักมีปัญหาจากหยดน้ำจากแก้วน้ำเย็นบนโต๊ะทำงาน จึงคิดว่าหากแก้วน้ำที่วางบนโต๊ะมีที่หุ้มก็น่าจะช่วยลดปัญหาในเรื่องนี้ได้ จึงเกิดเป็นชิ้นงาน “ที่หุ้มแก้วกันน้ำ” นี้ขึ้นมา

  “เกิดจากความต้องการแก้ปัญหา เนื่องจากเป็นคนที่ซื้อกาแฟทานเป็นประจำ สังเกตว่าบนโต๊ะทำงานจะเปียกน้ำจากแก้วกาแฟเสมอ จึงเกิดไอเดียว่าถ้าทำที่หุ้มสำหรับสวมแก้วก็น่าจะลดปัญหาโต๊ะทำงานเปียกน้ำ ได้ จึงลองประดิษฐ์ชิ้นงานจนกลายเป็นที่หุ้มแก้วน้ำนี้ขึ้นมา ปรากฏว่าเมื่อลองนำออกจำหน่ายก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้า” ภัทรพลกล่าว

หลังจากผลิตสินค้าออกมา ก็พยายามปรับปรุงและพัฒนาเพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและการใช้งานมากยิ่ง ขึ้น โดยคุณสมบัติของที่หุ้มแก้วกันน้ำ คือสามารถซับน้ำได้เป็นอย่างดี ทำให้ลูกค้าไม่เปียกมือ และหยดน้ำจากแก้วน้ำหรือแก้วกาแฟก็ไม่เปียกหรือเปรอะเปื้อนโต๊ะทำงาน และไม่เป็นอันตรายกับอุปกรณ์ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานอีกด้วย นอกจากนี้ ที่หุ้มแก้วกันน้ำยังสามารถปรับระดับตามความสูงของแก้ว รวมถึงสามารถที่จะถอดออกมาซักล้างได้ด้วย

“ส่วนมูลค่าเพิ่มที่ลูกค้าให้ความเห็นมาคือ ที่หุ้มแก้วยังช่วยเก็บความเย็นจากแก้วได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย บางรายบอกว่าซื้อน้ำมาตั้งแต่ตอนเช้า ตอนบ่ายน้ำในแก้วก็ยังเย็นอยู่เลย” ภัทรพลกล่าว
สินค้าที่ผลิตขึ้นมาขายนั้น ไม่มีหน้าร้านขาย อาศัยการขายผ่านเว็บไซต์เป็นหลัก คือที่
www.mindmoody.com ซึ่งข้อดีของการจำหน่ายวิธีนี้คือ ลูกค้าสามารถเปิดชมตัวอย่างสินค้าได้โดยตรง อีกทั้งประหยัดต้นทุนในเรื่องของการลงทุนเปิดร้านไปได้มาก ซึ่งเหมาะกับผู้ทำธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นใหม่ ส่วนภัทรพลและหุ้นส่วนนอกจากจะผลิตที่หุ้มแก้วกันน้ำขายแล้ว ก็ยังมีรายได้เพิ่มจากการรับจ้างผลิตสินค้าตามที่ลูกค้าสั่ง อาทิ เพิ่มลายปักชื่อของลูกค้า หรือเพิ่มตัวการ์ตูน เป็นต้น

“ตอนนี้ที่หุ้มแก้วกันน้ำหลัก ๆ มีอยู่แบบเดียว คือขนาดความสูงเท่าแก้วกาแฟขนาดใหญ่ทั่วไป ความสูงประมาณ 6 นิ้ว แต่ก็ไม่มีปัญหาหากแก้วกาแฟจะเล็กลง เพราะสามารถที่พับลงมาให้มีขนาดเล็กลงตามแก้วได้ สำหรับลาย ส่วนใหญ่ลายที่ลูกค้านิยมจะเป็นลายจุด ลายตาราง ลายดอกไม้ และลายการ์ตูน นอกจากนี้ก็มีที่สั่งปักชื่อตัวเองหรือแฟน”

ทุนเบื้องต้นอาชีพนี้ ใช้ประมาณ 40,000 - 50,000 บาท เป็นค่าเครื่องมือ หลัก ๆ คือจักรเย็บผ้า และค่าสต็อกวัสดุ ส่วนทุนวัสดุอยู่ที่ประมาณ 60% ของราคาขาย ซึ่งอยู่ที่ชิ้นละ 99-199 บาท หรือขึ้นกับรายละเอียดที่ลูกค้าสั่งทำเพิ่ม

อุปกรณ์-วัสดุอุปกรณ์ในการทำชิ้นงาน นอกจากจักร ก็ประกอบด้วย กรรไกร, คัทเตอร์, เข็ม-ด้าย, ผ้าลวดลายต่าง ๆ, ผ้าสักหลาด และอุปกรณ์สำหรับตกแต่งชิ้นงาน อาทิ กระดุมผ้า, กระดุมไม้, กระดุมมุก, ลูกปัด หรืออื่น ๆ

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากออกแบบรูปทรงและขนาดของที่หุ้มแก้ว โดยเริ่มจากการวาดแบบลงบนกระดาษ จากนั้นทำสินค้าตัวต้นแบบโดยการนำผ้ามาทาบกับแก้วขนาดที่ต้องการจะทำ แล้วนำมาลอกลายลงบนกระดาษสำหรับใช้เป็นต้นแบบหรือแพทเทิร์นในการตัด นำกระดาษต้นแบบที่ได้มาทาบลงบนผ้าลาย และผ้าสักหลาด จากนั้นทำการตัดขึ้นรูปเป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ เตรียมไว้ ขั้นต่อไปก็ลงมือทำการเย็บโดยให้ผ้าสักหลาดอยู่ด้านใน ผ้าลายอยู่ด้านนอก ทำการเย็บด้วยมือหรือจักรเพื่อขึ้นทรง ทำการตกแต่งรายละเอียดด้านนอกตามต้องการ เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำ “ที่หุ้มแก้วกันน้ำ”

“ที่หุ้มแก้วกันน้ำสามารถใช้งานได้ทั้งสองด้าน หรือหากเปียกเกินไปก็สามารถที่จะคลี่ด้านในออกมาผึ่งลมหรือตากแดดให้แห้งได้ หรือหากแก้วมีความเตี้ยกว่าก็สามารถพับทบด้านในออกมาให้มีขนาดที่เตี้ยหรือ สั้นลงตามขนาดความสูงของแก้วได้ตามต้องการ” เจ้าของชิ้นงานกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้กล่าว

ใครสนใจชิ้นงานลักษณะนี้ ลองเปิดเข้าไปดูตามเว็บไซต์ที่ระบุไว้ข้างต้น หรือต้องการติดต่อเจ้าของชิ้นงานก็ติดต่อได้ที่ โทร.08-6508-9088 หรืออีเมล์ mindmoody@gmail.com ซึ่ง “ที่หุ้มแก้วกันน้ำ” นี่ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นงานที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ ที่รู้จักมองความต้องการจากชีวิตประจำวัน จนกลายเป็นสินค้าเด่นที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย


คู่มือลงทุน...ที่หุ้มแก้วกันน้ำ
ทุนเบื้องต้น ประมาณ 40,000-50,000 บาท
ทุนวัสดุ  ประมาณ 60% จากราคาขาย
รายได้  ราคาขายชิ้นละ 99-199 บาท
แรงงาน  1 คนขึ้นไป
ตลาด  เน้นที่กลุ่มพนักงานออฟฟิศ
จุดน่าสนใจ นำความต้องการใช้มาทำเงิน


ศิริโรจน์  ศิริแพทย์ : เรื่อง-ภาพ

credit : http://www.dailynews.co.th/article/384/135761

Photobucket


อ่านแล้วชอบมาก เลยลอกเขามาและบันทึกบทความสะสมไว้ในBlogนี้ เพื่อเก็บไว้อ่านอีก ขอขอบคุณเจ้าของบทความนี้ และใครอ่านต่อ ลองนำไปใช้ดูก็ได้

Photobucket

Read More...


“พวงกุญแจ”เพิ่ม ไฟฉาย จุดขายเพิ่ม

 
 
พวงกุญแจถือเป็นอีกหนึ่งสินค้าใช้งานที่ขายได้เรื่อย ๆ บางคนก็ซื้อเป็นของขวัญของฝากด้วย โดยสินค้าชนิดนี้ก็มีอยู่หลากหลายแบบ แตกต่างกันไปตามแต่จะคิดประดิษฐ์กัน ซึ่งแม้ตลาดพวงกุญแจจะมีคู่แข่งอยู่แล้วไม่น้อย แต่หากคิดทำพวงกุญแจออกมาสู่ตลาดโดยสร้างสรรค์ให้มีเอกลักษณ์แตกต่างจากราย อื่นได้ ช่องทางทำเงินก็ย่อมจะมี อย่างเช่น “พวงกุญแจไฟฉาย” ที่ดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ที่ทีม ’ช่องทางทำกิน“ มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...
                               
โอ-ตติยะ จูฑะพุทธิ เจ้าของธุรกิจพวงกุญแจไฟฉาย ภายใต้แบรนด์ “AIKO” เล่าว่า ก่อนที่จะมาเริ่มจับธุรกิจทำพวงกุญแจไฟฉายอย่างจริงจังนั้น ทำงานประจำเป็นพนักงานกินเงินเดือนอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง จากนั้นก็มีโอกาสได้เข้าทำงานกับบริษัทอีกแห่งหนึ่งที่เป็นของชาวอเมริกัน เป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับการผลิตพวงกุญแจ ซึ่งจากการที่ได้ทำงานที่บริษัทนี้ก็มีโอกาสได้เรียนรู้งานด้านการผลิตพวง กุญแจ และได้บินไปประเทศจีนเพื่อไปดูตลาดสำหรับสั่งซื้อวัสดุ แต่หลังจากทำงานอยู่กับบริษัทนี้ได้ระยะหนึ่งบริษัทก็ปิดตัวลง ก็เลยมีความคิดที่จะทำธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ตอนนั้นก็ยังไม่กล้าลงทุน เพราะคิดว่าตนเองยังไม่มีประสบการณ์ จึงยังไม่ได้ทำ และก็ไปทำงานเป็นพนักงานขายในบริษัทอีกแห่งหนึ่ง

การทำงานขายนั้น ก็ต้องมานั่งเครียดเรื่องยอดขาย ภายหลังจึงอยากจะลองเสี่ยงทำธุรกิจเป็นของตัวเองดู ก็คิดว่าพวงกุญแจเป็นสิ่งที่ตัวเองถนัด พอจะมีความรู้ มีประสบการณ์ และที่สำคัญก็รู้แหล่งที่จะจัดซื้อวัสดุอยู่แล้ว เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็เริ่มต้นธุรกิจ เริ่มแรกเป็นการนำเข้าพวงกุญแจสำเร็จรูป นำมาพิมพ์ชื่อลูกค้าลงบนพวงกุญแจ พอทำธุรกิจได้ระยะหนึ่งก็เห็นว่าพวงกุญแจนั้นส่วนหนึ่งมีการซื้อไปแจก ไปให้คนอื่นอีกทอด คนที่ได้ไปก็ไม่ค่อยได้นำไปใช้งานเป็นพวงกุญแจ จึงคิดว่าน่าจะทำให้พวงกุญแจดูมีคุณค่า และดูน่ารัก จึงคิดทำ “พวงกุญแจไฟฉาย” ขึ้นมา โดยเพิ่มฟังก์ชั่นให้พวงกุญแจ ด้วยการใส่ชุดหลอดไฟ LED เข้าไปในพวงกุญแจ และทำพวงกุญแจเป็นรูปตัวการ์ตูนต่าง ๆ ที่ดูน่ารัก

“แรก ๆ ที่ทำออกจำหน่ายก็ยังไม่ได้รับความนิยมจากลูกค้ามากนัก เนื่องจากตอนนั้นหลอด LED ยังไม่เป็นที่นิยมในบ้านเรามากนัก ทำให้ต้นทุนหลอดไฟสูง ราคาพวงกุญแจก็ต้องสูงตามไปด้วย แต่มาระยะหลัง ๆ ราคาหลอดไฟ LED ลดลง เราก็จำหน่ายพวงกุญแจไฟฉายในราคาที่ถูกลงได้ ทำให้ได้รับความสนใจจากลูกค้ามากขึ้นเป็นลำดับ”

ขั้นตอนการทำชิ้นงานนั้น โอบอกว่า เนื่องจากทำเป็นจำนวนมาก ก็จะใช้วิธีการออกแบบและทำการเย็บตัวอย่างเป็นแบบขึ้นมา 1 ชิ้น แล้วนำไปจ้างกลุ่มแม่บ้านทำ ซึ่งค่าแรงก็จะตกอยู่ที่ราว ๆ ชิ้นละ 10-15 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่าย และจำนวนของชิ้นงานที่สั่งทำ (สำหรับผู้ที่คิดจะทำขายในจำนวนที่ไม่มาก ก็สามารถจะเย็บเองขายเองได้)”

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำ “พวงกุญแจไฟฉาย” นั้น หลัก ๆ ก็มี ชุดไฟฉาย, ผ้าสักหลาด, อุปกรณ์ในการตัดเย็บ จำพวก เข็ม ด้าย กรรไกร, ห่วงพวงกุญแจ, ใยสังเคราะห์

“ชุดไฟฉายนั้นเรานำเข้าจากจีน ประกอบด้วยหลอดไฟ LED ขนาด 0.5 มิลลิเมตร และถ่านขนาด 4.5 โวลต์ ราคาก็ตกอยู่ที่ชุดละ 12-15 บาท แต่ถ้าไม่มีแหล่งที่จะนำเข้า ถ้าพอจะมีความรู้ด้านช่าง ก็สามารถไปซื้ออุปกรณ์พวกหลอดไฟ LED และถ่านไฟฉาย ได้ที่ย่านตลาดคลองถม แล้วนำมาประกอบทำเองก็ได้” โอกล่าวแนะนำ

สำหรับขั้นตอนการทำ “พวงกุญแจไฟฉาย” เริ่มจากทำการออกแบบรูปการ์ตูนที่ต้องการจะทำเป็นพวงกุญแจก่อน ซึ่งการออกแบบจะออกแบบบนคอมพิวเตอร์ หรือจะวาดแบบลงบนกระดาษก็ได้

“การออกแบบนั้นเราจะใช้วิธีการออกแบบลงบนคอมพิวเตอร์ เพราะว่าจะได้เห็นสีสันและสามารถเปลี่ยนแปลงเปรียบเทียบสีของชิ้นงานที่เรา จะทำออกมาได้ง่ายขึ้น” โอกล่าวถึงวิธีการออกแบบในส่วนของเขา

หลังจากที่ออกแบบแล้ว ก็ตัดแพตเทิร์นตามแบบ แล้วนำแพตเทิร์นไปวางทาบบนผ้าสักหลาดเพื่อร่างแบบ เลือกสีผ้าตามที่ออกแบบไว้ จากนั้นก็ทำการตัดผ้าตามแบบที่ร่างไว้
ตัดผ้าตามแบบ 2 ชิ้น จากนั้นนำแบบผ้าทั้ง 2 ชิ้นมาเย็บประกบกัน เย็บให้เกือบรอบ แต่ให้เหลือช่องไว้พอประมาณเพื่อจะทำการยัดใยสังเคราะห์เข้าไปในช่องที่เว้น ไว้ ยัดใย
สังเคราะห์ให้แน่นพอประมาณ แต่ไม่ให้พองหนาจนเกินไปนัก เมื่อยัดใยสังเคราะห์เรียบร้อยแล้ว ก็นำชุดไฟฉายใส่เข้าไปโดยให้ส่วนหัวของหลอดไฟ LED โผล่พ้นออกมาด้านนอกเล็กน้อย แล้วก็เย็บปิดช่องที่เว้นไว้ให้เรียบร้อย จากนั้นจึงทำการตกแต่งใส่รายละเอียดต่าง ๆ ลงบนตัวการ์ตูนตุ๊กตา แล้วก็ใส่ห่วงพวงกุญแจเข้าไป ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำ
 
ขนาดของพวงกุญแจที่โอทำนั้น จะประมาณไม่เกิน 5x7 ซม. เพื่อให้พวงกุญแจไม่ใหญ่และไม่เล็กเกินไป ง่ายในการพกพา โดยราคาขายนั้น ราคาขายส่ง 300 ชิ้นขึ้นไปอยู่ที่ตัวละประมาณ 70-80 บาท และนอกจากพวงกุญแจไฟฉายที่เป็นตัวการ์ตูน-ตุ๊กตาผ้าสักหลาดแล้ว โอก็ยังมีสินค้าอีกหลากหลาย อาทิ พวงกุญแจที่เป็นแบบเคลือบเรซิ่น แม็กเน็ตรูปการ์ตูน แฟลชไดร์ฟรูปการ์ตูน ฯลฯ
                                  

’พวงกุญแจไฟฉาย“ นี้ โอ-ตติยะทั้งทำขายส่ง รับทำตามออร์เดอร์ลูกค้า รับสั่งทำไปใช้เป็นของชำร่วย โดยมีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อสอบถามคือ โทร.08-9109-1471 หรือเข้าไปดูสินค้าได้ที่เว็บไซต์ www.i-style-product.com ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษา ’ช่องทางทำกิน“ จาก “พวงกุญแจ” ที่มีการสร้างจุดต่าง จนสร้างรายได้อย่างน่าพอใจ.
บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ รายงาน
credit :  http://www.dailynews.co.th/article/384/134498

Photobucket



อ่านแล้วชอบมาก เลยลอกเขามาและบันทึกบทความสะสมไว้ในBlogนี้ เพื่อเก็บไว้อ่านอีก ขอขอบคุณเจ้าของบทความนี้ และใครอ่านต่อ ลองนำไปใช้ดูก็ได้


Photobucket

Read More...


“เสื้อผ้าบิ๊กไซซ์” ขายออนไลน์ น่าสน!!

.
 
ปัจจุบันธุรกิจ ’ร้านค้าออนไลน์“  อีคอมเมิร์ซโซไซตี้ การขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ มีคนทำมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสามารถทำตลาดกว้างทั้งในและต่างประเทศ โดยจะมีหรือไม่มีหน้าร้านก็ได้ และยิ่งเทคโนโลยีมีความทันสมัยมากขึ้นก็ยิ่งสร้างโอกาสในการทำธุรกิจ แบบออนไลน์ได้ง่ายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การจะทำให้ประสบความสำเร็จ ก็จำเป็นต้องมีการดำเนินการที่ดี และที่สำคัญคือ “สินค้า” ที่โดดเด่นน่าสนใจก็เป็นปัจจัยสำคัญ โดยวันนี้ทีม ’ช่องทางทำกิน“ มีข้อมูลกรณีศึกษามานำเสนอ ซึ่งน่าสนใจ ทั้งการดำเนินการ ทั้งคนที่ทำ-ที่คิดจะทำ และลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ’เสื้อผ้าบิ๊กไซซ์“
“เจมส์-อภิณุ วิริยกอบกุล” เป็นอีกหนึ่งคนที่เลือกทำ “ธุรกิจการค้าออนไลน์” โดยเลือก “เสื้อผ้าบิ๊กไซซ์” เป็นสินค้าหลัก เปิดร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสตรีไซซ์ใหญ่ในอินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ www.fattyshop.com โดยใช้ชื่อร้าน-ชื่อแบรนด์ว่า ’แฟตตี้ช็อป (fattyshop)“  ซึ่งเขาเล่าว่า หลังเรียนจบทางด้านวิศวกรรมก็ออกมาทำงานตรงตามสายที่เรียน และต่อมาก็สนใจทำธุรกิจค้าขายออนไลน์ ซึ่งมีจุดเริ่มจากการที่เป็นลูกค้าธุรกิจรูปแบบนี้มาก่อน คือเป็นคนที่ชอบสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว เพราะของที่ต้องการจะซื้อนั้นหาง่าย และจะถูกกว่าของที่วางขายตามหน้าร้านทั่วไปด้วย

“แรก ๆ ก็ยังไม่กล้าสั่งซื้อของบนอินเทอร์เน็ต เพราะยังกลัวว่าจะถูกโกง ก็เริ่มจากซื้อของที่มีราคาไม่แพงก่อน และเลือกซื้อบนเว็บไซต์ที่ดูน่าเชื่อถือ โดยการดูจากหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ ว่ามีการเคลื่อนไหวหรือไม่ และดูจากกระทู้โต้ตอบบนเว็บไซต์นั้น ๆ ว่ามีกระทู้ที่ลูกค้าเข้ามาโพสต์ในเรื่องการซื้อขายอย่างไรบ้าง” เจมส์เล่า

ก่อนจะบอกต่อไปว่า หลังจากที่เริ่มซื้อสินค้า ซื้อของต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตมาเรื่อย ๆ ต่อมาก็เริ่มมองว่าการค้าขาย การขายของบนอินเทอร์เน็ตนั้น เป็นช่องทางขายของที่ดี เพราะซื้อง่ายขายคล่องมาก คิดได้ดังนั้นก็เลยลองนำของที่มีอยู่มาลงขายบนอินเทอร์เน็ตดูบ้าง ซึ่งปรากฏว่าขายได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการทำการค้าบนอินเทอร์เน็ตเรื่อยมาจนปัจจุบัน

หลังจากที่เอาของมือสองของตนเองและคนใกล้ตัวมาลงขายเรื่อย ๆ พอถึงจุดหนึ่งก็เริ่มไม่มีของที่จะมาลงขาย เจมส์จึงเริ่มมองหาสินค้าอื่น ๆ มาขาย ก็มองที่เสื้อผ้า ซึ่งช่วงแรก ๆ ไปรับเสื้อผ้าทั่วไปไซซ์ปกติมาลงขาย ก็พอไปได้ จนระยะหนึ่งก็เห็นว่าธุรกิจที่ทำอยู่ยังมีจุดอ่อนที่ตัวสินค้า เพราะสินค้าเสื้อผ้าไซซ์ปกตินั้นมีคู่แข่งทางการค้าเยอะ และหลายช่องทาง ทำให้มีการตัดราคากัน ทำให้ขายได้กำไรในระดับที่ไม่เหมาะสมต่อการทำธุรกิจ จึงเริ่มมองหาสินค้าตัวอื่นมาขาย

เมื่อมองเห็นว่าเสื้อผ้าไซซ์ปกติมีอยู่มากในตลาด ก็เลยลองไปมองตลาด ’เสื้อผ้าไซซ์ใหญ่“ ซึ่งจากการลองสำรวจตลาดก็เห็นว่าร้านเสื้อผ้าไซซ์ใหญ่นั้นมีอยู่น้อย ก็เริ่มเห็นช่องทางใหม่ และเริ่มศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและพบว่ามีคนที่มีร่างกายแบบ ’บิ๊กไซซ์’ อยู่เยอะ แต่คนกลุ่มนี้มีช่องทางการซื้อเสื้อผ้าน้อย และไม่ค่อยมีเสื้อผ้าที่เป็น ’แฟชั่น“ มาก

ร้านขายเสื้อผ้าไซซ์ใหญ่มีน้อย และคนไซซ์ใหญ่มักจะไม่ชอบเดินซื้อเสื้อผ้าด้วยตัวเอง จึงเริ่มต้นนำเสื้อผ้าผู้หญิงไซซ์ใหญ่มาลงขายบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และทำมาเรื่อย ๆ จนปัจจุบันนี้ทำมาได้ 5 ปีแล้ว โดยเริ่มต้นแหล่งที่นำสินค้ามาจำหน่ายก็เป็นแหล่งเดียวกับเสื้อผ้าไซซ์ปกติ เช่น โบ๊เบ๊ ประตูน้ำ แต่สิ่งที่จะเน้นมากคือเสื้อผ้าที่จะนำมาจำหน่ายนั้นจะต้องดูในเรื่อง คุณภาพการตัดเย็บดี คุณภาพผ้าดี และรูปแบบเสื้อผ้าก็จะต้องดูดี ด้วยเช่นกัน

’เราขายเสื้อผ้าไซซ์ใหญ่บนอินเทอร์เน็ตอยู่ได้ระยะหนึ่งก็เริ่มมีคู่แข่งมาก ขึ้น ทำให้มีปัญหาตามมาในเรื่องของสินค้าที่มักจะไม่แตกต่าง เราจึงมาคิดเพิ่มเติมเพื่อให้สินค้าของเราแตกต่างไปจากรายอื่น เป็นเสื้อผ้าแฟชั่นในแบบฉบับของเราเอง เราจึงออกแบบและผลิตเอง ซึ่งแบบเสื้อผ้าที่ลงขายก็จะต้องมีหลากหลาย และของเราก็จะมีการเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามยุคสมัยนิยม ตามแฟชั่น ซึ่งรวมแล้วตอนนี้เรามีอยู่กว่า 7,000 แบบ“

เจ้าของธุรกิจการค้าออนไลน์ “เสื้อผ้าบิ๊กไซซ์” แบรนด์ “แฟตตี้ช็อป (fattyshop)” บอกอีกว่า คนที่จะทำธุรกิจขายสินค้าบนอินเทอร์เน็ตนั้นต้องเป็นคนที่ชอบและตั้งใจที่จะ ทำจริง ๆ ซึ่งสำหรับเขาเองนั้นการทำการค้าแบบนี้ก็จะคอยเฝ้าเช็กหน้าเว็บไซต์อยู่ตลอด และสินค้าที่นำมาลงขายก็จะหาสินค้าที่ดูแตกต่างไปจากรายอื่น ๆ อยู่เสมอ
            
ในส่วนของมือใหม่ที่สนใจจะทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต แรกเริ่มก็อาจจะลองเริ่มลงขายบนเว็บที่ฝากขายของไปก่อน เมื่อเริ่มมีลูกค้าและมีความพร้อมที่จะทำมากขึ้นแล้วจึงค่อยขยับขยาย ซึ่งการค้าขายบนอินเทอร์เน็ตนั้นแนะนำว่าการเช่าพื้นที่ขายบนเว็บไซต์สำเร็จ รูปจะดีกว่ามาเขียนเว็บของตัวเอง ดีกว่าตรงที่ถ้าเป็นเว็บสำเร็จรูปเราไม่ต้องไปกังวลเรื่องระบบการทำงานของ เว็บ เราก็แค่เข้าไปดู คอยเช็กและอัพเดทสินค้าของเราเท่านั้น ซึ่งค่าเช่าเว็บสำเร็จรูปเพื่อเปิดหน้าร้านขายสินค้าบนอินเทอร์เน็ต ประมาณ 12,000 บาทต่อเดือน โดยราคาจะขึ้นอยู่กับแต่ละเว็บไซต์ว่าจะมีอัตราเท่าใด

และจุดหนึ่งที่สำคัญมากในการทำธุรกิจแบบนี้คือ ต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย มีการเสียภาษีถูกต้อง ซึ่งก็ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ด้วย เพราะร้านมีตัวตนจริง ตรวจสอบได้

’การขายเสื้อผ้าผ่านอินเทอร์เน็ตนั้น เราจะบอกไซซ์ และวิธีดูไซซ์ ให้ลูกค้าทราบอย่างชัดเจน เมื่อลูกค้าสั่งซื้อไปแล้วต้องใส่ได้ไม่มีปัญหา สำหรับเสื้อไซซ์ใหญ่ของ fattyshop มีไซซ์ตั้งแต่ขนาดรอบอก 36 นิ้ว จนถึง 60 นิ้ว ราคามีตั้งแต่ประมาณ 300 บาท ไปจนถึงประมาณ 2,000 บาท ขึ้นอยู่กับแบบ นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าอื่น ๆ ที่เป็นไซซ์ใหญ่อีก เช่น กระโปรง ชุดชั้นใน ชุดว่ายน้ำ ถุงน่อง เครื่องประดับต่าง ๆ“ เจมส์กล่าว
                                 
ใครสนใจ “เสื้อผ้าบิ๊กไซซ์” คลิกเข้าไปดูได้ในเว็บไซต์ www.fattyshop.com หรือโทรฯสอบถามได้ที่ โทร. 0-2152-0867-8 และแบรนด์ ’แฟตตี้ช็อป (fattyshop)“ ของเจมส์-อภิณุ ยังมีหน้าร้านอยู่ที่ตลาดบองมาร์เช่ (เบอร์ร้าน โทร.08-9440-2930) และที่เชียงใหม่ (เบอร์ร้าน โทร. 08-9104-9030) ด้วย ซึ่งก็เสริม “ช่องทางการเข้าถึงของลูกค้า”

’เสื้อผ้าบิ๊กไซซ์“...นี่น่าสนใจมากทีเดียว!!.
บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ รายงาน
credit : http://www.dailynews.co.th/article/384/121000

Photobucket



อ่านแล้วชอบมาก เลยลอกเขามาและบันทึกบทความสะสมไว้ในBlogนี้ เพื่อเก็บไว้อ่านอีก ขอขอบคุณเจ้าของบทความนี้ และใครอ่านต่อ ลองนำไปใช้ดูก็ได้


Photobucket

Read More...


ต้นไม้ของชำร่วย ทำเงินแบบสวยๆงามๆ

 

สินค้างานประดิษฐ์ประเภท “ของที่ระลึก-ของชำร่วย” มีการต่อยอดพัฒนาออกมาจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง อาจเพราะตลาดสินค้าประเภทนี้เป็นตลาดที่จำเป็นต้องมีการปรับปรุงดัดแปลง สินค้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทันกับยุคสมัยและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดของลูกค้า แต่ไม่ว่าจะอย่างไรสินค้าประเภทนี้ก็ยังจัดว่าเป็นสินค้าที่มีผู้สนใจมาก และวันนี้ทีม ’ช่องทางทำกิน“ ก็มีอีกหนึ่งกรณีตัวอย่างมานำเสนอ วันนี้มาดูการทำ-การขาย ’ต้นไม้ของชำร่วย“
“สุภาภรณ์ วิทโยภาส” ทำงานไอเดียแนวอีโคสีเขียว “ต้นไม้ของชำร่วย” จำหน่าย เจ้าตัวเล่าว่า เดิมทีมีอาชีพรับผลิตถุงผ้า, ถุงหูกระต่าย, ผ้ากันเปื้อน, ผ้าปิดตา, กระเป๋าเหรียญ และต้นไม้ของชำร่วยเล็ก ๆ ในกระถางรูปแบบต่าง ๆให้กับลูกค้า ต่อมาจึงคิดว่าถ้าสามารถนำสินค้ามาดัดแปลงประยุกต์ปรับให้เข้ากัน ก็น่าจะช่วยเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้าภายในร้านได้มากขึ้น ประกอบกับมองว่าปัจจุบันกระแสอีโคหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับธรรมชาติกำลัง เป็นที่สนใจ จึงทดลองประดิษฐ์และดัดแปลง จนออกมาเป็นสินค้าในรูปแบบอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน โดยใช้ยี่ห้อสินค้าที่ลูกค้ารู้จักดีในชื่อ “ร้านพอใจคุณ” หรือ “Porjaikhun Shop”

“เรามองว่าเรามีวัสดุหรือสินค้าที่เป็นของเดิมอยู่แล้ว หากนำมาพัฒนาดัดแปลงให้มีลักษณะเป็นของชำร่วยในรูปแบบของเรา และสามารถที่จะนำวัสดุเดิมที่เรามีอยู่มาต่อยอดได้ ก็น่าจะช่วยทำให้สินค้ามีรูปแบบที่หลากหลายเพิ่มขึ้น” สุภาภรณ์กล่าว

สินค้าที่ผลิตขึ้นมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับภาชนะ และลักษณะของต้นไม้ที่ใช้ในชิ้นงาน ภาชนะก็มีอาทิ ตะกร้า, ถุงผ้า, ถุงกระสอบ, ขวดพลาสติก ฯลฯ ซึ่งสามารถที่จะนำวัสดุเหลือใช้มาปรับประยุกต์ใช้ให้เกิดเป็นชิ้นงานต่อยอด ออกไปได้ตลอด ส่วนต้นไม้นั้น ที่ลูกค้านิยมสั่งทำเป็นของชำร่วยมีอยู่ 3 ประเภทคือ ผักสวนครัว ไม้มงคล และต้นข้าว

สุภาภรณ์บอกว่า ลูกค้าที่มาสั่งทำชิ้นงานส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าคู่รัก-คู่แต่งงาน โดยต้นไม้ส่วนใหญ่ที่กลุ่มนี้เลือกมักจะเป็นผักสวนครัวกับต้นข้าว โดยผักสวนครัวที่ลูกค้านิยมนั้นมักจะเป็นผักที่มีชื่อที่ฟังแล้วเป็นมงคล หรือไม่ก็เป็นผักสวนครัวที่มีทรงหรือรูปแบบของใบที่สวยงาม อาทิ ต้นสะระแหน่, ต้นแมงลัก, โหระพา รวมถึงต้นข้าว ส่วนลูกค้าอีกกลุ่มคือลูกค้ากลุ่มบริษัทห้างร้าน ซึ่งก็จะนิยมชิ้นงานที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา และมักจะเลือกใช้เฉพาะไม้มงคล

ช่องทางการจำหน่ายนั้น สุภาภรณ์กล่าวว่า ขณะนี้ใช้ช่องทางการขายผ่านเว็บไซต์และเฟซบุ๊กเป็นหลัก โดยจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ www.porjaikhun.lnwshop.com และ www.facebook.com/porjaikhun ซึ่งการจำหน่ายผ่านช่องทางนี้ ข้อดีคือต้นทุนน้อย และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด แต่มีหลักสำคัญคือ ต้องพยายามทำให้ชื่อสินค้าหรือประเภทของสินค้าเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้า โดยอาจใช้วิธีการสร้างคำหรือชื่อสินค้าที่สะดุดตา เพื่อที่เวลาลูกค้าค้นหาจากอินเทอร์เน็ตก็จะทำให้ชื่อสินค้าปรากฏอยู่ใน ลำดับต้น ซึ่งมีผลต่อการเปิดเข้าชมหน้าร้านออนไลน์

นอกจากนี้ ก็ควรจะทราบด้วยว่าลูกค้าในกลุ่มสินค้าของเรานั้นมีพฤติ กรรมหรือมีลักษณะการใช้งานอย่างไร เพื่อที่จะทำให้การจำหน่ายหรือโฆษณาผ่านทางเว็บไซต์มีประสิทธิภาพ ตรงจุดตรงใจกับความต้องการของลูกค้าเร็วขึ้น

ทุนเบื้องต้นอาชีพลักษณะนี้ ใช้ประมาณ 20,000 บาท ขณะที่ทุนวัสดุต่าง ๆ อยู่ที่ประมาณ 60% จากราคาขาย โดยราคาสินค้าของสุภาภรณ์มีตั้งแต่ชิ้นละ 10 บาท ไปจนถึง 40 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด ภาชนะ และต้นไม้ที่ใช้

วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ได้แก่ ถุงผ้า, ผ้ากระสอบ, ริบบิ้น, ดินพร้อมปลูก, หินสีสำหรับประดับตกแต่ง, กาบมะพร้าวฉีกฝอย, กระถางพลาสติกหรือขวดนมใช้แล้ว, กรรไกร, เข็มกับด้าย, ต้นไม้สำหรับปลูก และวัสดุตกแต่งอื่น ๆ ตามต้องการ

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากการเตรียมต้นไม้ที่จะปลูก ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นคนกำหนดหรือเลือกต้นไม้ที่ต้องการมาให้ เมื่อเลือกต้นไม้ได้แล้วก็นำต้นไม้มาดัดตกแต่งให้ได้พุ่ม หรือตัดใบที่ไม่สวยออก จากนั้นทำการเตรียมดินสำหรับปลูกใส่ลงกระถางพลาสติกหรือภาชนะที่เตรียมไว้ ทำการจัดวางต้นไม้ใส่ลงไปในภาชนะ ปรับหน้าดินในกระถาง

จากนั้นก็นำมาจัดเรียงลงถุงผ้า หรืออาจใช้ผ้ากระสอบรัดรอบภาชนะปลูก แล้วจึงใช้ริบบิ้นพันโดยรอบ นำหินสีมาโรยใส่เพื่อเพิ่มความสวยงาม เป็นอันเสร็จขั้นตอนหลัก ๆ ในการทำ

“สำหรับต้นไม้ที่ใช้ปลูกนั้น ระยะเวลาการปลูกไม่เท่ากัน ก่อนที่จะส่งให้ลูกค้าจะต้องทำการปลูกไว้ก่อน โดยหากเป็นต้นข้าว ให้เพาะเมล็ดข้าวไว้ล่วงหน้าก่อนประมาณ 1 สัปดาห์ จะได้ต้นข้าวที่มีความสูงขนาดพอดี ไม่สูงหรือเตี้ยเกินไป หากเป็นผักสวนครัวก็ใช้ระยะเวลาเตรียมปลูกไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ แต่หากเป็นไม้ประดับก็จะใช้เวลานานมากกว่านั้น ซึ่งหากต้องการเพิ่มความรวดเร็วก็อาจใช้วิธีไปเลือกซื้อไม้ประดับสำเร็จรูป มาใช้ก็ได้ แต่ก็จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นเล็กน้อย” สุภาภรณ์อธิบายแนะนำถึงการเตรียมต้นไม้สำหรับนำมาใช้จัดลงชิ้นงาน ’ต้นไม้ของชำร่วย“

ใครสนใจชิ้นงานลักษณะนี้ ต้องการติดต่อกับกรณีตัวอย่าง ’ช่องทางทำกิน“ รายนี้ ติดต่อได้ที่ โทร. 08-6335-3541 หรือทางอีเมล porjaikhun@gmail.com หรือหากอยากจะชมสินค้าก็สามารถเปิดเข้าไปดูได้ตามเว็บไซต์ที่ระบุไว้แต่ต้น ทั้งนี้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่เกี่ยวกับของชำร่วย ที่ตอกย้ำว่าตลาดตรงนี้ยังไม่ตัน...
ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ เรื่อง - ภาพ
credit :  http://www.dailynews.co.th/article/384/133351


Photobucket


อ่านแล้วชอบมาก เลยลอกเขามาและบันทึกบทความสะสมไว้ในBlogนี้ เพื่อเก็บไว้อ่านอีก ขอขอบคุณเจ้าของบทความนี้ และใครอ่านต่อ ลองนำไปใช้ดูก็ได้






Photobucket

Read More...


ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0










































 
Blogger Tips and TricksLatest Tips And TricksBlogger Tricks
Do it your self,handmade,HandiCraft,งานฝีมือ,อาชีพเสริม,ช่องทางทำเงิน บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.