บทความที่ได้รับความนิยม


Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

‘หุ้มปกไดอารี่’ ต่อยอด‘งานผ้า’น่าสน!

 งานประดิษฐ์จากผ้าเป็นงานไอเดียที่คิดทำได้หลากหลาย ผ้าก็เป็นวัสดุที่หาซื้อได้ง่ายจากหลาย ๆ แหล่ง และยังมีลวดลายและคุณภาพแตกต่างกันหลากหลาย จึงทำให้งานประดิษฐ์ประเภทนี้สามารถพัฒนาต่อยอดจนเกิดเป็นชิ้นงานใหม่ ๆ ออกมาให้เห็นอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นงาน ’หุ้มปกไดอารี่“ ที่วันนี้ ’ช่องทางทำกิน“ มีข้อมูลมานำเสนอ...

 


“ชุตินันท์ พูลศิลป์” มีพื้นฐานเป็นคนชอบงานผ้าและชอบงานฝีมือ จึงมักทำของใช้และของประดับเป็นของตัวเอง โดยทำเพื่อใช้เองบ้าง บางครั้งก็ทำขึ้นเพื่อมอบเป็นของขวัญแก่คนอื่น ๆ  นอกจากนี้เวลาเดินทางไปไหนมาไหนหากเจอวัสดุเก๋ ๆ หรือลายผ้าสวย ๆ ก็มักจะต้องซื้อเก็บไว้เป็นประจำ เพื่อนำมาเป็นวัสดุสำหรับผลิตงานฝีมือ
  
แต่เดิมนั้นก็ยังไม่คิดทำจริงจัง ก่อนหน้านี้ทำเป็นแค่งานอดิเรก จนเมื่อเรียนจบเมื่อสามปีก่อน และยังไม่ได้ทำงาน มีเวลาว่างมากก็จึงนำผ้าที่เก็บไว้มานั่งประดิษฐ์เป็นข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ต่อมามีเพื่อนมาเห็นเข้าและแนะนำว่าให้ลองทำขาย จึงทดลองขายตามตลาดนัดงานฝีมือที่เปิดให้วางขาย ปรากฏว่าได้รับการตอบรับ จึงมองเห็นช่องทางพัฒนามาเป็นอาชีพ จนเกิดเป็นสินค้า “ดอทคิดดิ้ง” โดยขายผ่านทางเว็บไซต์ http://dotkidding.weloveshopping.com กับที่ www.facebook.com/dotkidding นอกจากนี้ สินค้าก็ยังมีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าทั่วไป
  
“เริ่มจากความชอบที่จะประดิษฐ์ของใช้ส่วนตัวของตัวเองขึ้นมาก่อน เช่น สมุดพก, กระเป๋า, ถุงใส่ของ จากนั้นก็ลองออกแบบดูว่าถ้าลายผ้าเป็นแบบนี้ เราควรจะวางยังไงเพื่อให้ลายผ้าดูเด่น และสร้างเอกลักษณ์ที่เป็นผลงานของเราด้วย จากนั้นก็เริ่มทดลองเย็บเอง ลองปรับลองแก้ไขอยู่นานจึงจะลงตัว โชคดีที่มีคุณแม่คอยแนะนำ” เป็นที่มาที่ไปกว่าจะมาเป็นผลงานจากฝีมือคนรุ่นใหม่อย่างชุตินันท์...
  
ปัจจุบันสินค้ามีอยู่ประมาณ 15 ประเภท ส่วนแบบมีอยู่ประมาณ 20 แบบ แบบที่เป็นเอกลักษณ์จะอยู่ที่ลายผ้าที่ใช้ คือจะเน้นลายผ้าที่เป็น ลายจุด (dot) และลายการ์ตูน (kidding) กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นวัยเด็ก วัยรุ่น และวัยที่เริ่มต้น ทำงานใหม่ ๆ โดยสินค้าจะมักถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเภทของใช้และของขวัญ
  
สินค้าที่ถือว่าได้รับความนิยมและถือว่าเป็นจุดเด่นก็คือ “หุ้มปกไดอารี่” ซึ่งสำหรับงานตัวนี้นั้น ชุตินันท์เล่าว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากความที่ต้องการอยากให้สมุดไดอารี่หรือสมุดจดบันทึกประจำ วันของตัวเองมีลวดลายสวยงาม มีลูกเล่นเพิ่มขึ้นกว่าสมุดจดบันทึกแบบเรียบ ๆ ที่วางขายอยู่ในท้องตลาด นอกจากนี้ยังอยากได้สมุดที่มีสัมผัสที่นุ่มมือเวลาที่หยิบหรือใช้งาน จึงลองออกแบบและเย็บที่หุ้มปกไดอารี่นี้ขึ้น จนกลายมาเป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากสมุดบันทึกแบบเดิม ๆ ได้อย่างดี โดยที่หุ้มปกนี้สามารถถอดซักล้างทำความสะอาด และถอดเปลี่ยนสมุดบันทึกด้านในได้ตลอดเวลา
  
ทุนเบื้องต้นการทำงานตัวนี้ ใช้ประมาณ 8,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์ อาทิ จักรเย็บผ้า และการสต๊อกลายผ้า ส่วนทุนวัสดุต่อหนึ่งชิ้นงานอยู่ที่ประมาณ 70% จากราคาขาย ที่เริ่มตั้งแต่ชิ้นละ 75 บาทจนถึง 450 บาท
  
อุปกรณ์และวัสดุในการทำชิ้นงาน ประกอบด้วย จักรเย็บผ้า, ผ้าญี่ปุ่นหรือผ้าชนิดต่าง ๆ, สมุดไดอารี่หรือสมุดบันทึกแบบที่ต้องการทำ, เข็มกับด้าย, กรรไกร และวัสดุตกแต่ง เช่น กระดุม ริบบิ้น โบ ผ้าลูกไม้ เป็นต้น
  
“อุปกรณ์ที่ใช้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานงานเย็บผ้าทั่วไป ใช้อุปกรณ์ค่อนข้างน้อย จะเน้นการเย็บการออกแบบมากกว่า ถ้าทำเป็นงานอดิเรกอาจตัดค่าใช้จ่ายจักรเย็บผ้าออกไปได้ โดยใช้การเย็บด้วยมือแทน แต่จะใช้เวลามากหน่อย ผ้าญี่ปุ่นที่ใช้ก็จะเป็นผ้านำเข้าเนื้อคอตตอน แคนวาส และสักหลาด เน้นที่เนื้อหนา ละเอียด โดยเฉพาะผ้าลายการ์ตูนซึ่งจะพิมพ์ลายที่ไม่ซ้ำกับลายผ้าในไทย เพื่อสร้างจุดขายและเอกลักษณ์” ชุตินันท์กล่าว
  
ขั้นตอนการทำ มีขั้นตอนไม่มาก เริ่มจากการวัดขนาดและปกของสมุดไดอารี่หรือสมุดบันทึกที่ต้องการทำ เพื่อตัดแบบหรือแพทเทิร์นของชิ้นงาน สำหรับการวัดต้องเผื่อด้านข้างของทุกด้านไว้ประมาณ 2 เซนติเมตร จากนั้นนำแพทเทิร์นมาทาบและทำการตัดผ้าตามที่ได้ออกแบบไว้ ทำการตัดผ้าให้เป็นส่วนปีกสองชิ้นเอาไว้สอดด้านในปกสมุด จากนั้นตัดผ้าที่ต้องการทำปกอีกครั้ง และนำเอาผ้าส่วนปีกที่ได้นั้นมาทำการเย็บติดกับส่วนปกทั้งสองปีกโดยเหลือมุม ไว้สำหรับกลับด้านออกมา จากนั้นทำการตกแต่งหน้าปกสมุดไดอารี่ด้วยวัสดุตกแต่งที่ต้องการ เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำ
  
เจ้าของชิ้นงานแนะนำว่า ใครที่สนใจงานประเภทนี้ ให้ค่อย ๆ ศึกษา ลองหัดทำ ฝึกฝนไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็จะได้งานที่เราภาคภูมิใจ ที่สำคัญที่สุดอย่าพยายามลอกเลียนแบบ แต่ควรใช้ไอเดียสร้างสรรค์ให้มีแนวทางเป็นของตัวเอง
  
“งานแฮนด์เมดงานฝีมือจะสะท้อนถึงตัวตนของผู้ทำ ถ้าอยากให้งานเป็นที่จดจำ ขายได้ ไม่ซ้ำใคร ต้องหาแนวทางให้ชัดเจน ไม่ซ้ำกับตลาดที่มีอยู่ ทำให้แตกต่างออกมา และเป็นตัวของเราเองมากที่สุด” ชุตินันท์กล่าวแนะนำ

สนใจงานผ้า ชิ้นงาน ’หุ้มปกไดอารี่“ ลองเปิดเข้าไปดูได้ตามเว็บไซต์ที่ระบุไว้ข้างต้น หรือต้องการติดต่อกับชุตินันท์ทางโทรศัพท์ ก็ติดต่อได้ที่ โทร.08-1920-6027 ซึ่งนี่ก็เป็นอีกรูปแบบ ’ช่องทางทำกิน“ ที่น่าสนใจ.

ศิริโรจน์  ศิริแพทย์ : เรื่อง-ภาพ

.........................................

คู่มือลงทุน...หุ้มปกไดอารี่

ทุนเบื้องต้น    ประมาณ 8,000 บาท
ทุนวัสดุ        ประมาณ 70% ของราคา
รายได้        ราคาชิ้นละ 75-450 บาท
แรงงาน        1 คนขึ้นไป
ตลาด        กลุ่มของใช้และของขวัญ
จุดน่าสนใจ    งานฝีมือบวกไอเดียราคาดี
 



Read More...


“ลูกบอลดอกไม้” ต่อยอดสร้างงานเพิ่มค่า

งานฝีมือที่เกี่ยวกับการประดิษฐ์ดอกไม้ยังเป็นงานฝีมือที่สามารถพัฒนา ต่อยอดได้อยู่ตลอด ขึ้นกับจินตนาการสร้างสรรค์ของผู้ผลิตแต่ละราย และการปรับใช้ให้เข้ากับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย อย่างงานสร้างสรรค์ ’ฟลาวเวอร์บอล-ลูกบอลดอกไม้“ ที่ทีม ’ช่องทางทำกิน“ มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีตัวอย่าง...






“เจตน์ โนหล้า” ผู้ผลิตและจำหน่าย “ลูกบอลดอกไม้” เล่าว่า ชิ้นงานนี้ต่อยอดออกมาจากธุรกิจเดิมของครอบครัวซึ่งรับผลิตดอกไม้ประดิษฐ์ ดอกไม้กระดาษสา และอุปกรณ์ตกแต่งเกี่ยวกับดอกไม้ประดิษฐ์ เพื่อจำหน่ายทั้งตลาดขายส่งและขายปลีก สำหรับลูกบอลดอกไม้หรือที่ตลาดส่วนใหญ่มักเรียกว่า “ฟลาวเวอร์บอล” นี้ ตนได้แรงบันดาลใจจากการไปเดินตลาดขายดอกไม้และพบเห็นลูกบอลโฟมที่ใช้ในงาน ประดิษฐ์จำพวกพานพุ่มดอกไม้ จึงเกิดความคิดว่าถ้านำวัตถุดิบที่มีอยู่มาประยุกต์ดัดแปลงเข้ากับลูกบอลโฟม ก็น่าจะผลิตเพื่อจำหน่ายเป็นสินค้าอีกประเภทหนึ่งได้ จึงทดลองทำโดยอาศัยทักษะความชำนาญในการจัดวางตำแหน่งดอกไม้และความรู้ใน เรื่องการใช้คู่สีที่มีอยู่ จนเกิดเป็นชิ้นงานขึ้น

สำหรับลูกบอลดอกไม้นี้ ผลิตและวางจำหน่ายมาได้ 3-4 ปีแล้ว ซึ่งการตอบรับค่อนข้างดี โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มคู่รักคู่แต่งงานกับสตูดิโอเวดดิ้ง นอกจากนี้ก็ยังมีกลุ่มลูกค้าที่มารับไปเพื่อนำลูกบอลดอกไม้ไปใช้เป็นส่วน ประกอบเพื่อตกแต่งชิ้นงานเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าต่าง ๆ ด้วย รวมถึงยังมีลูกค้าที่สั่งทำพิเศษเพื่อนำไปใช้ตกแต่งบ้านและงานเลี้ยง

“การตอบรับค่อนข้างดีมาก แรก ๆ ลูกค้าจะถามก่อนว่ามันคือสินค้าอะไร และใช้ทำอะไร ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบเพราะสะดุดตาในเรื่องของสีสันและรูปทรงที่แปลกตาของลูก บอลดอกไม้” เจตน์กล่าว

ช่องทางการขาย เจตน์บอกว่า มีทั้งที่เปิดหน้าร้านจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้าเจเจมอลล์ ชั้นล่าง และจำหน่ายผ่านอินเทอร์เน็ตและเฟซบุ๊กที่ www.weloveshopping.com/shop/jyflower และ www.facebook.com/makeme frompaper ซึ่งแบบหลังนี่ก็ถือว่าเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ที่เป็นวัยรุ่น-คนทำงานมากขึ้น ข้อดีของการใช้ช่องทางนี้คือลูกค้าสามารถเลือกสินค้าได้โดยไม่ต้องเดินทาง เข้ามาที่ร้าน ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายของลูกค้าได้อย่างดี

ลูกบอลดอกไม้นี้ เจตน์บอกว่า สามารถแตกชิ้นงานออกไปได้เรื่อย ๆ กล่าวคือ นอกจากจะมีลูกบอลดอกไม้สำเร็จรูปแล้วก็ยังสามารถนำลูกบอลดอกไม้ไปดัดแปลงตาม ลักษณะการใช้งาน อาทิ ลูกบอลแขวน, ลูกบอลเข้าช่อใช้แทนช่อดอกไม้ หรือนำไปเสียบคทาก็สามารถใช้เป็นของที่ระลึก เนื่องในโอกาสพิเศษ อาทิ วันเกิด, วาเลนไทน์, รับปริญญา ได้ด้วย นอกจากนี้ ก็ยังสามารถใส่แจกัน, กระถาง หรือประกอบกับปากกา เพื่อใช้แทนของขวัญได้เช่นกัน

“งานลูกบอลดอกไม้นี้สามารถพลิกแพลงต่อยอดออกไปได้ เรื่อย ๆ ขึ้นกับวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายที่จะใช้งาน เรียกได้ว่าไม่ต้องกลัวว่าสินค้าจะตันไอเดีย” ผู้ที่ทำชิ้นงานลูกบอลดอกไม้ระบุ

สำหรับเจตน์ เนื่องจากธุรกิจเป็นลักษณะกึ่งอุตสาหกรรมซึ่งมีการผลิตเป็นจำนวนมาก ต้องผลิตดอกไม้กระดาษจำนวนมากเพื่อขายส่ง จึงต้องลงทุนเรื่องเครื่องจักร โดยเฉพาะเครื่องตัดกระดาษ แต่ถ้าหากเป็นคนที่กำลังคิดจะทำเป็นอาชีพเสริมหรืองานอดิเรก เจตน์แนะนำว่าอาจใช้การซื้อวัตถุดิบและวัสดุที่มีขายอยู่ทั่วไปในท้องตลาดมา ใช้ก็ได้

กรณีไม่มีต้นทุนค่าเครื่องจักร ทุนเบื้องต้นที่เป็นค่าเครื่องมือต่าง ๆ ก็ตกประมาณ 500-1,000 บาท ขณะที่ทุนวัตถุดิบทุนวัสดุอยู่ที่ประมาณ 60% ของราคาขาย โดยราคาขายอยู่ที่ 50-500 บาท ขึ้นกับขนาด ทั้งนี้ อุปกรณ์และวัสดุที่ใช้ทำ ประกอบด้วย กรรไกร, คัตเตอร์, กาวลาเท็กซ์, ดอกไม้กระดาษพันก้าน, ลูกบอลโฟม, โบ, ริบบิ้น, อุปกรณ์ตกแต่งอื่น ๆ

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากนำลูกบอลโฟมมากำหนดจุดเพื่อจัดวางดอกไม้ เมื่อกำหนดแบบ สีสัน และตำแหน่งดอกไม้ได้แล้ว ให้นำดอกไม้กระดาษพันก้านมาเสียบลงไปในลูกบอลโฟม ก่อนเสียบให้นำก้านไปชุบกาวลาเท็กซ์เพื่อให้ดอกไม้ไม่ขยับหรือหลุดร่วงขณะ ใช้งาน การเสียบอาจเริ่มติดจากดอกใหญ่ก่อน จากนั้นจึงเสียบดอกเล็กแซมลงไปตรงที่ว่างเพื่อเพิ่มรายละเอียด หรือเพื่อสร้างลูกเล่นให้น่าสนใจ

เมื่อเสียบดอกไม้จนครบแล้ว ก็นำลูกบอลดอกไม้มาตกแต่งด้วยวัสดุตกแต่งต่าง ๆ เช่น โบ ริบบิ้น จากนั้นก็นำไปติดที่แขวน หรือนำไปประกอบกับสินค้าอื่น ๆ ตามต้องการ เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำ

“หลักการสร้างความน่าสนใจ อยู่ที่การเลือกสีและการจัดวางตำแหน่งของดอกไม้ ตรงนี้หากใครที่มีพื้นฐานทางศิลปะหรือมีความรู้เกี่ยวกับงานประดิษฐ์ดอกไม้ มาบ้างก็จะได้เปรียบ” เป็นคำแนะนำที่     เจตน์ทิ้งท้ายไว้
ใครสนใจติดต่อกับเจตน์ ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 0-2912-3765 หรืออีเมล  jyflowers2001@yahoo.co.th ส่วนตัวสินค้าก็เปิดเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ตามเว็บไซต์ข้างต้น ซึ่ง ’ฟลาวเวอร์บอล-ลูกบอลดอกไม้“ นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างของงานประดิษฐ์จากดอกไม้ประดิษฐ์ งานต่อยอดที่กลายเป็นอีกรูปแบบ ’ช่องทางทำกิน“ ที่น่าสนใจ.
ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ รายงาน

credit :  http://www.dailynews.co.th/article/384/148740



Read More...


‘ถักผ้ารองนั่ง’ ‘เศษผ้า’สร้างรายได้

อดีตนักข่าวนิตยสารรายหนึ่งหันเหชีวิตจากการขีด ๆ เขียน ๆ มาทำงานประดิษฐ์ที่สร้างรายได้โดยที่ไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านให้ต้องเสีย เวลาในการเดินทาง งานถัก “ผ้ารองนั่งจากเศษผ้า” นี่ก็เป็น “ช่องทางทำกิน” ได้


 
    
ภัทรพร หงษ์ทอง หรือ ปุ๋ม อดีตคนทำงานนิตยสารเล่มหนึ่ง เล่าว่า หันเหเปลี่ยนแปลงชีวิตจากที่เคยทำงานเดิมมานานเป็น 10 ปี เปลี่ยนมาทำงานประดิษฐ์จากเศษผ้าได้ประมาณ 8 ปีแล้ว ซึ่งเพราะต้องการที่จะทำอะไรเป็นของตนเอง ไม่อยากตะลอน ๆ ออกไปทำงานแบบเดิม ๆ อีก จึงได้เปลี่ยนแปลงชีวิตมาทำงานเศษผ้าดังกล่าวนี้
 
“เหตุที่เลือกงานเศษผ้า เพราะว่าตอนเด็ก ๆ จำได้ว่าใส่เสื้อที่แม่ตัดมาจากเศษผ้า คือแม่จะเอาเศษผ้ามาปะเย็บต่อกันเป็นลวดลายต่าง ๆ พวกเราพี่น้อง 4 คนซึ่งเป็นลูกผู้หญิงหมดก็มีเสื้อจากเศษผ้าปะต่อใส่กันแบบสวย ๆ พอเริ่มโตก็เห็นแม่เย็บเสื้อผ้า ทำกับข้าว งานแม่บ้านแม่เรือน ก็ซึมซับมาเรื่อย ๆ”
 
ภัทรพรเล่าต่อไปว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้วก็เริ่มกลับมาสนใจงานผ้าทำมือแบบจริงจัง ไปขายก็ขายได้ดี ทั้งที่สวนจตุจักร ตลาดนัดเปิดท้ายที่ต่าง ๆ ต่อมาเพิ่มงานถักโครเชท์ งานคัทเวิร์ก ลงไปด้วย รวมถึงงานดอกไม้จากเศษผ้าจับจีบที่เคยทำกับแม่ตอนเด็ก ๆ ก็เอามาผสมผสานกัน ได้เป็นกระเป๋าสะพายข้างที่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ชอบ บอกว่าสวย และใช้ประโยชน์ได้อย่างสะดวกสบาย แถมยังช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย
 
หลังจากที่ทำกระเป๋าเศษผ้าแล้วก็ยังมีเศษผ้าเหลืออีก ก็คิดว่าน่าจะลองทำของใช้ตกแต่งบ้านที่ได้ประโยชน์อย่างอื่น ๆ ดูบ้าง และได้พบว่ามีหนังสือต่างประเทศที่สอนเทคนิควิธีต่าง ๆ ในการทำของใช้จากวัสดุหลายประเภทด้วยตัวเอง ไปสะดุดตาสะดุดใจกับเทคนิคการถักเศษผ้าเป็นเปียแล้วขึ้นรูปทรงเป็นอะไรก็ได้ ตามใจที่ต้องการ จึงคิดว่างานถักเศษผ้าที่นำมาใช้เป็นผ้ารองนั่งยังไม่ค่อยมีใครทำ และน่าจะหัดลองทำดู
 
สำหรับงานถักผ้ารองนั่งจากเศษผ้า ภัทรพรบอกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้งานดูเหมือนเป็นผ้าเช็ดเท้า จะต้องเลือกเนื้อผ้า โทนสีผ้า ให้จับคู่สีเข้าด้วยกัน ให้ดูดีมีรสนิยม ทำให้ได้ชิ้นงานที่ดูสมัยใหม่ มีอารมณ์สนุกสนานอยู่ในลายผ้าที่เลือกใส่ลงไป บวกกับคู่สีที่เรากำหนดให้เป็นคู่สีสมัยใหม่ เช่น สีโทนฟ้า โทนแดงเข้ม หรือจะเป็นขาว-ดำ ซึ่งตรงนี้เป็นเสน่ห์ที่ลูกค้าชอบ เพราะสามารถบอกได้ว่าอยากให้ทำสีอะไรให้เพื่อให้เข้ากับโทนสีการแต่งบ้านของ ลูกค้า
 
อุปกรณ์ที่ใช้ทำ หลัก ๆ ก็มีสายวัด, ชอล์กเขียนผ้า, ด้ายเย็บผ้า, เข็มเย็บผ้า และกรรไกรตัดผ้า ส่วนวัสดุคือเศษผ้าโทนสีต่าง ๆ
 
วิธีทำ เริ่มจากตัดเศษผ้าสีต่าง ๆ ให้เป็นผ้าชิ้นยาว ขนาดกว้าง 3 นิ้ว ตัดปลายผ้าเป็นสามเหลี่ยมเพื่อเอาไว้ต่อปลายกับชิ้นต่อ ๆ ไป โดยความยาวผ้าเท่าไหร่ก็ได้ในแต่ละชิ้น
 
จากนั้นนำเศษผ้า 3 ชิ้นที่เป็นโทนสีเดียวกัน เข้าคู่กัน มาถักเปียจนสุดความยาวของผ้าแต่ละชิ้น หากชิ้นใดเริ่มจะสิ้นสุดปลายผ้าก็นำชิ้นผ้ามาต่อและถักเปียต่อกันไปเรื่อย ๆ โดยการต่อผ้าจะต่อด้วยการเย็บ
 
ข้อสำคัญในการถักผ้า ภัทรพรบอกว่า อย่าให้ผ้าแต่ละชิ้นหมดพร้อมกัน เพราะถ้าผ้าหมดปลายพร้อมกันจะทำให้การต่อผ้ายากขึ้น และเกิดเป็นปมผ้า ควรให้ผ้าถักแต่ละชิ้นหมดปลายไม่พร้อมกัน เพื่อที่จะทำให้การต่อปลายผ้าง่ายขึ้น และดูกลืนหายกันไปในการถัก ซึ่งการต่อปลายผ้าแต่ละชิ้น ในขณะที่ถักไปด้วยนั้นต้องตัดปลายผ้าให้เป็นปลายแหลมสามเหลี่ยมดังที่บอกแต่ ต้น เพื่อจะได้ง่ายต่อการสอดปลายผ้าไปด้วยกัน แต่ต้องสอดปลายผ้าให้เข้าลึก ๆ เพื่อป้องกันการหลุดออกจากกัน
 
ในการถักผ้า ก็จะเป็นการถักไปต่อผ้าไปจนได้เปียผ้าถักที่ยาวประมาณ 6 เมตร จากนั้นนำผ้าถักเปียมาวนเป็นวงกลม โดยสอยแต่ละชั้นเข้าด้วยกัน เริ่มจากชั้นใน สอยไปจนสุดชั้นสุดท้ายซึ่งเป็นด้านนอกของผ้ารองนั่ง เมื่อถึงปลายผ้าที่เป็นหางของเปียถักนี้ก็ให้สอยเก็บปลายผ้าให้กลืนหายไปใน ชิ้นงาน เสร็จแล้วก็จะได้ผ้ารองนั่งจากเศษผ้าที่สมบูรณ์ที่มีขนาดวงกลม 19 นิ้ว ซึ่งสามารถขายได้ราคาผืนละ 400-490 บาท โดยมีต้นทุนโดยเฉลี่ยผืนละ 150-200 บาท

ใครสนใจงานถัก “ผ้ารองนั่งจากเศษผ้า” หนึ่งในรูปแบบ “ช่องทางทำกิน” จากงานผ้า ของภัทรพร ติดต่อได้ที่ โทร. 08-1296-6411 ทั้งนี้ จากเศษผ้าทั่ว ๆ ไป หากทำให้ดูดีมีรสนิยม ทำให้เป็นชิ้นงานที่ดูสมัยใหม่ได้ ก็ทำเงินได้น่าสนใจ.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : เรื่อง/ภาพ

...................................................

คู่มือลงทุน...ผ้ารองนั่งจากเศษผ้า 
ทุนอุปกรณ์    ประมาณ 100 กว่าบาทขึ้นไป
ทุนวัสดุ        ประมาณ 150-200 บาท/ชิ้น
รายได้         ราคาขาย 400-499  บาท/ชิ้น
แรงงาน        1 คน
ตลาด        ร้านสินค้าแต่งบ้าน, รับสั่งทำ 
จุดน่าสนใจ    ลงทุนต่ำ, งานขายฝีมือราคาดี
 

credit : http://www.dailynews.co.th/article/384/150153



Read More...


“สมุดทำมือ” ไอเดียเด่นเป็นเงินงาม

สมุดทำมือ เป็นงานแฮนด์เมดสร้างสรรค์ใส่ไอเดียออกแบบปกให้มีรูปแบบและลวดลายที่น่ารัก เท่ ๆ เก๋ ๆ หลากหลายรูปแบบ ส่วนการเข้าเล่มนั้นจะใช้วิธีเย็บด้วยด้ายหรือเชือกป่าน ทุกขั้นตอนนั้นทำด้วยมือ ซึ่งเป็นชิ้นงานอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากคนชอบงานแฮนด์เมด และก็เป็นอีก ’ช่องทางทำกิน“  ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ที่มีไอเดียดี ได้เป็นอย่างดี…

แนน-จีรายุ ตั้นซ้วน เป็นอีกคนหนึ่งที่ทำ “สมุดทำมือ” ออกมาเป็นสินค้า โดยจำหน่ายภายใต้แบรนด์ “mama factory” ซึ่งที่ผ่านมาสินค้าของเธอก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี สำหรับสมุดทำมือนั้นเธอทำเป็นอาชีพเสริมเป็นการหารายได้พิเศษจากงานหลักที่ เป็นพนักงานออฟฟิศ โดยเจ้าตัวเล่าว่า ตอนแรกก็ไม่ได้คิดที่จะมายึดการทำสมุดทำมือเป็นอาชีพเสริม เพราะทำงานประจำอยู่แล้ว มีเวลาว่างก็มักจะไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ แต่ก็เป็นคนที่ชอบงานด้านศิลปะงานแฮนด์เมดอยู่แล้ว โดยเฉพาะงานสมุดทำมือนี่ถ้าไปเจอที่ไหนแล้วเห็นว่าน่ารักก็จะต้องซื้อมาเก็บ ทุกที






จนช่วงประมาณ 6 เดือนที่แล้ว ประสบอุบัติเหตุเอ็นข้อเท้าฉีก หมอให้พักอยู่บ้านประมาณ 1 เดือน ในช่วงนั้นพออยู่เฉย ๆ ไม่ได้ไปไหนก็เริ่มเบื่อ ก็เอาสมุดทำมือที่ซื้อไว้มาเขียนบันทึกของตัวเอง แล้วพอเห็นสมุดก็เริ่มมีความคิดที่จะลองทำเองดูบ้างในเวลาว่างที่ไม่ได้ไป ไหน

เมื่อคิดที่จะทำก็เริ่มศึกษาจริงจัง ตอนแรกมองว่าน่าจะทำไม่ยาก แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร แต่ก็เริ่มที่จะศึกษาอย่างจริงจัง โดยศึกษาเองจากอินเทอร์เน็ต แล้วนำวิธีการนั้น ๆ มาประยุกต์ โดยเริ่มหัดทำจากวิธีการเข้าเล่ม ห่อปก เย็บเล่ม ศึกษาและลองหัดทำ ลองผิดลองถูกอยู่ประมาณ 1 เดือน ก็เริ่มที่จะทำได้ แต่ก็ยังไม่คล่อง เพราะทำสมุด 1 เล่มต้องใช้เวลาทำประมาณ 2 ชั่วโมง ก็พยายามทำมาเรื่อย ๆ จนชำนาญขึ้น จนใช้เวลาในการทำน้อยลง

หลังจากที่ทำได้ชำนาญขึ้น ก็เริ่มทำสมุดออกมาเรื่อย ๆ จากนั้นก็ไปลงขายผ่านทางอินเทอร์เน็ต ผ่านทางเฟซบุ๊ก ซึ่งก็ได้รับความนิยมจากเพื่อน ๆ และลูกค้าเป็นอย่างดี จึงทำขายเป็นอาชีพเสริมเรื่อยมาจนปัจจุบัน

“เนื่องจากงานสมุดทำมือจะมีคู่แข่งทางการตลาดอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะฉะนั้นการที่เราจะยึดใจลูกค้า เราควรที่จะต้องเน้นในเรื่องคุณภาพ สมุดที่เราทำนั้นจะต้องสวยงามดูดี คงทน มีคุณภาพ รูปแบบลวดลายของปกนั้นก็สำคัญ เราจะพยายามออกแบบใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ให้เป็นหลากหลายคอลเลกชั่น เพื่อให้เป็นที่ดึงดูดลูกค้า ไม่ให้ลูกค้าเบื่อ ลูกค้าจะได้มีแบบเลือกมากขึ้น” แนนกล่าว

วัสดุอุปกรณ์ในการทำ หลัก ๆ ก็มี...ผ้า, กระดาษ, ด้ายหรือเชือก, กรรไกร, เข็ม, กาว, กระดาษแข็ง, ตัวหนีบกระดาษ เป็นต้น

สำหรับผ้าที่ใช้นั้น แนนจะใช้เป็นผ้าญี่ปุ่น เพราะนอกจากจะมีลวดลายที่น่ารักสวยงามและมีหลากหลายลายให้เลือกแล้ว ผ้าญี่ปุ่นนั้นยังเป็นผ้าที่ง่ายสำหรับการที่จะนำมาใช้ห่อปกสมุดทำมือที่สุด ซึ่งหาซื้อได้ที่ย่านสำเพ็งหรือพาหุรัด ส่วนกระดาษนั้นจะใช้เป็นกระดาษอย่างดี เป็นกระดาษแบบถนอมสายตา ความหนากระดาษใช้ขนาด 80 แกรม หาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องเขียนทั่วไป ขณะที่กระดาษแข็งนั้นก็ใช้ขนาดเบอร์ 0

ขั้นตอนการทำเริ่มจาก...ทำปกของสมุดเตรียมไว้ก่อนเป็นอันดับแรก โดยเริ่มจากการออกแบบปกที่ต้องการลงบนกระดาษก่อน จากนั้นก็ตัดกระดาษแข็งให้ได้ขนาดเท่าสมุดตามที่จะทำ อย่างเช่นจะทำสมุดขนาด A5 ก็ให้ใช้กระดาษขนาด A4 พับครึ่ง ซึ่งก็จะเท่ากับขนาดกระดาษ A5 นำมาวางเป็นแบบลงบนกระดาษแข็ง ทำการตัดตามแบบออกมา 2 ชิ้นเป็นปกหน้า-ปกหลัง

เมื่อได้กระดาษแข็งแล้วก็ทำการวัดแบบลงผ้าที่จะใช้ แล้วทำการตัด โดยการตัดนั้นให้ตัดห่างจากเส้นที่วาดลงผ้าออกมาประมาณ 2 เซนติเมตร ถ้าหน้าปกจะเป็นลายผ้าที่เลือกใช้ ก็นำไปห่อกระดาษแข็งได้เลย แต่ถ้าหน้าปกนั้นมีลวดลายอื่น ๆ ที่ออกแบบไว้ประกอบอีก อย่างเช่นจะทำหน้าปกเป็นรูปเนกไท ก็นำผ้านั้นไปเย็บติดเนกไทที่ทำเตรียมไว้ก่อน จากนั้นถึงเอาไปห่อกับกระดาษแข็ง

การห่อปกกับกระดาษแข็งนั้นก็ทำการห่อแบบของขวัญ โดยการนำกระดาษแข็งทาด้วยกาวลาเท็กซ์ แล้ววางลงบนผ้า ด้านหลังนั้นก็พับมุมผ้าห่อเข้ามา ใช้กาวลาเท็กซ์ยึดติดให้แน่น เมื่อทำการพับเข้าทุกมุมแล้วก็ตัดกระดาษทากาวมาปิดทับบังผ้าที่พับติดด้าน หลังอีกครั้งหนึ่ง ทำเหมือนกันทั้งปกหน้าและหลัง จากนั้นก็ทำการเจาะรู โดยใช้แบบเจาะรูที่วัดทำแพทเทิร์นไว้แล้ว

จากนั้นก็มาทำกระดาษข้างใน โดยการนำกระดาษ A4 มาทำการพับครึ่งแล้วทำการตัดให้ได้ประมาณ 60 แผ่น ตอกให้กระดาษเท่ากันทุกด้าน แล้วก็ใช้ตัวหนีบกระดาษสีดำหนีบไว้ด้านบน-ล่าง ติดกับส่วนที่จะให้เป็นสันปก จากนั้นก็ใช้กาวลาเท็กซ์ทาลงบนสันปก ปล่อยทิ้งไว้ให้กาวแห้งประมาณ 10 นาที แล้วนำแพทเทิร์นสำหรับเจาะรูมาทาบเจาะรู

เมื่อได้ทั้งปกและกระดาษด้านในแล้วก็ทำการเย็บเข้าด้วยกัน โดยนำปกมาวางทับลงบนกระดาษด้านในแล้วทำการเย็บติดด้วยด้ายหรือเชือกป่าน ดูให้ด้ายหรือเชือกนั้นเป็นสีที่ดูเข้ากับปกด้วย ซึ่งการเย็บก็จะเย็บธรรมดาให้ยึดติดกันให้แน่น (จะมีการเย็บอีกแบบหนึ่งที่ยากกว่าคือการเย็บแบบถัก แต่กระดาษด้านในจะใช้พับครึ่ง ไม่ตัด 1 พับใช้กระดาษ 6 แผ่น ใช้ 5 ชั้น เจาะรูและใช้การเย็บแบบถักทำการเย็บติดปก)

สมุดทำมือของแนนนั้นมี 2 ขนาดคือ สมุดขนาด A5 มีราคาขายอยู่ที่ 89-125-135 บาท ซึ่งราคาขายจะอยู่ที่วิธีการเย็บและรูปแบบลวดลายของปก กับสมุดขนาด A6 ราคาขายคือ 78 บาท

ใครสนใจ ’สมุดทำมือ“ แบรนด์ “mama factory” เข้าไปดูสินค้าได้ที่ www.facebook.com/MamaFactory หรือต้องการสั่งซื้อ ต้องการติดต่อแนน ก็ติดต่อทางโทรศัพท์ได้ที่ โทร. 08-5131-8130 ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบ ’ช่องทางทำกิน“ จากงานแฮนด์เมด ที่นำข้อมูลมาฝากกันไว้ เพื่อให้ได้ลองพิจารณากัน ดู...
บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ รายงาน
credit : http://www.dailynews.co.th/article/384/149941




Read More...


Patploy “กระเป๋าผ้าต่อ” ธุรกิจเสริม ซื้อง่ายขายคล่อง ใช้เงินลงทุนไม่ถึงหมื่น!!!

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแค่ในต่างประเทศเท่านั้น ที่หันมาดูแลใส่ใจในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม ในบ้านเราก็หันมาให้ความสนใจกับเรื่องนี้ไม่แพ้กัน สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือคนไทยเริ่มตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้ม ค่า จนถึงวันนี้ต้องยอมรับว่ากระแสการใช้กระเป๋าผ้า หรือถุงผ้า กำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายเริ่มตั้งแต่ในกลุ่มของผู้ใหญ่เรื่อยมาจนถึงกลุ่ม นักเรียน นักศึกษา ธุรกิจที่เกี่ยวกับกระเป๋าผ้าจึงมีการเติบโตขึ้นสูงมาก และหนึ่งในแบรนด์ดังที่ได้รับการยอมรับในวงกว้างทั้งในกลุ่มลูกค้าคนไทย และต่างชาติ คือ “Patploy”

“Patploy” โดดเด่นทั้งคุณภาพ และดีไซน์
     คุณภิตินันท์ กิตติศักดิ์วานิช หรือคุณการ์ตูน ผู้จัดการร้าน Patploy ณ ห้างสรรพสินค้า Central World  ชั้น 4 ฝั่ง ISETAN กล่าวว่า “กระเป๋าผ้าแบรนด์ Patploy มีมานานกว่า 4 ปีแล้ว จุดเด่นของกระเป๋าผ้า Patploy ที่แตกต่างไปจากกระเป๋าแบรนด์อื่นคือ เรื่องของการดีไซน์ และคุณภาพของสินค้า ที่สำคัญคือ กระเป๋าทุกชิ้นเป็นสินค้าทำมือ หรือที่เรียกว่า Handmade ดังนั้นชิ้นงานแต่ละชิ้นจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร โดยมีโรงงานผลิตอยู่ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และนี่คือหนึ่งในเสน่ห์ ที่ทำให้กระเป๋าผ้าของ Patploy มีลูกค้าเจ้าประจำ และรายใหม่เข้ามาไม่ขาดสาย

     ทั้งนี้ คุณการ์ตูน ขยายให้เห็นภาพความโดดเด่นของสินค้าภายใต้แบรนด์ Patploy ว่า “กระเป๋า Patploy เป็นดีไซน์ในรูปแบบที่เรียกว่า “ผ้าต่อ” คือนำผ้าคอตต้อน 100% (ถือว่าเป็นผ้าที่มีความคงทนที่สุด) มาตัดแล้วเย็บเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นผ้าผืนใหญ่ ซึ่งอาจต้องใช้ผ้ามากถึง 100 ชิ้น ในการทำกระเป๋าหนึ่งใบ ฉะนั้นกระเป๋าทุกใบจึงมีลวดลายสวยงามแปลกตา ส่วนกระบวนการผลิตจะใช้ฝีมือคนไทยแทบทั้งหมด ดังนั้นงานกระเป๋าผ้าทุกใบที่ออกมาจึงมีความปราณี และคงทน แตกต่างไปจากกระเป๋าที่ผลิตจากโรงงานเครื่องจักรอย่างเห็นได้ชัดเจน ในแง่ของการดูแลรักษานั้นทำได้ง่าย เพราะด้วยคุณสมบัติของผ้าคอตต้อนที่มาจากธรรมชาติ ซึ่งมีความคงทน ทำให้ซักทำความสะอาดได้ง่าย และด้วยกระบวนการผลิตที่ใช้ผ้าเพียงอย่างเดียว ไม่มีส่วนผสมของกระดาษ หรือพลาสติกประกอบการเย็บเข้ารูปอย่างละเอียดทำให้กระเป๋ามีรูปทรงที่ดี ไม่คืนรูปหลังจากผ่านการซักรีด

     Patploy ไม่เพียงเป็นกระเป๋าที่มีดีไซน์สวยงาม และทนทานเท่านั้น แต่ยังถูกออกแบบมาให้ใช้สอยได้ง่ายสะดวก และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าผู้หญิงยุคปัจจุบัน โดย คุณการ์ตูน กล่าวว่า ผู้หญิงทุกคนต้องการกระเป๋าที่สวยงาม คงทน และที่สำคัญต้องใช้งานได้ด้วย ซึ่งปกติแล้วนิสัยของผู้หญิงจะชอบพกสิ่งของกระจุกกระจิก ฉะนั้นจึงออกแบบกระเป๋าทุกแบบให้มีช่องใส่ของอย่างหลากหลาย และมีซิปรูดปิดอย่างมิดชิดอีกด้วย ซึ่งซิปที่ใช้นั่นเป็นซิปที่มีมาตรฐานส่งออก

     โดยปัจจุบันประเป๋าผ้าต่อของ Patploy มีทั้งแบบที่เป็นกระเป๋าถือใบใหญ่ไปจนถึงขนาดย่อม และยังมีการดีไซน์รูปแบบใหม่ๆ อยู่ตลอดเพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาด ตั้งแต่ กระเป๋าเงิน ไปจนกระเป๋าใส่โทรศัพท์มือถือ อย่าง ไอโฟน, แบล็คเบอรี่ ไปจนถึง ไอแพค โน้ตบุ๊ค และเน็ตบุ๊ค ไปจนถึงตุ๊กตาน่ารักๆ มากมาย
 
รับส่วนลด 20% ทันทีได้สินค้าครบหมื่น แต่จ่ายแค่หลักพัน
      ในแง่ของการเติบโตทางธุรกิจนั้น คุณการ์ตูน กล่าวว่าด้วยรูปทรง การดีไซน์ และคุณภาพ ทำให้ที่ผ่านมามีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจมาก ดังนั้นเมื่อ 2 ปีที่แล้วจึงตัดสินใจเปิดร้านที่ห้างสรรพสินค้า Central World ชั้น 4 หน้า อิเชตัน หลังจากเปิดร้านก็ได้รับความสนใจจากลูกค้ามาก มีทั้งที่มาซื้อพื่อนำไปใช้เอง และมาเห็นแล้วชอบจึงตัดสินใจซื้อไปจำหน่ายต่อ ดังนั้นร้าน Patploy จึงกลายเป็นทั้งร้านที่มีลูกค้าขาจร และขาประจำไปโดยปริยาย โดยปัจจุบันนี้ทาง Patploy ได้ขยายธุรกิจ โดยเปิดรับตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น มีทั้งที่ไปเปิดร้านเพื่อจำหน่าย แบรนด์ Patploy และที่นำไปจำหน่ายเพื่อเป็นรายได้เสริมไปกับอาชีพที่ทำอยู่ อาทิ ตามร้านเสริมสวย, ร้านกิ๊ฟช้อป ฯลฯ
    

     สำหรับ เรื่องของการลงทุนนั่น คุณการ์ตูน กล่าวว่า ในการสั่งซื้อสินค้าครั้งแรกมีเงื่อนไขเริ่มต้นอยู่ที่ 10,000 บาท ส่วนครั้งต่อไปไม่กำหนดราคาการซื้อ โดยสิทธิประโยชน์ที่ตัวแทนจะได้รับมีอยู่ 2 ส่วน คือ ราคาส่วนลด 20% ทันที จากราคาป้าย และกำไรจากส่วนต่างที่ลูกค้านำไปจำหน่ายต่อนั่นเอง

     พร้อมยกตัวอย่างการลงทุนว่า ในการซื้อครั้งแรก ลูกค้าเลือกซื้อสินค้า 10,000 บาท แต่จ่ายเพียงแค่ 8,000 บาท เท่านั้น และในครั้งต่อไปถ้าซื้อ 5,000 บาท ก็จ่ายเพียงแค่ 4,000 บาท เป็นต้น  ส่วนราคาที่นำไปขายต่อนั้น โดยส่วนใหญ่ตัวแทนจำหน่ายจะบวกเพิ่มประมาณ 100-200 บาท แล้วแต่ขนาดของสินค้า สำหรับรูปแบบในการสั่งซื้อสินค้าทำได้ 2 ทาง คือ เข้ามาชมทางเว็บไซต์ และที่หน้าร้าน Patploy ผู้ที่สนใจสามารถสินค้าสามารถเข้าไปในเว็บไซต์ www.patploy.com  และ www.goooddd.com เพื่อเลือกดูคอลเลคชั่นสินค้าได้ตามสะดวก และสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ได้ทันที โดยหลังจากผ่านขั้นตอนการซื้อขายแล้ว ทาง Patploy ก็จะจัดส่งสินค้าไปทางไปรษณีย์ซึ่งจะใช้เวลาส่งเพียงแค่ 1-2 วันเท่านั้น ซึ่งถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่อยู่ตามต่างจังหวัดไม่ต้องเดิน ทางเข้ามาถึงในกทม.

      แต่ทั้งนี้คุณการ์ตูน กล่าวว่า รูปของสินค้าที่เห็นบนเว็บไซต์และสินค้าของจริงอาจจะมีการแตกต่างกันไปบ้าง เนื่องจากงานกระเป๋าทุกชิ้นเป็นงานผ้าต่อ ดังนั้นอาจจะมีโทนสีที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ยังไม่มีลูกค้ารายใดที่ไม่ชอบผลงาน เพราะแม้จะมีลวดลายที่แตกต่างกับที่เห้นในเว็บไซต์ไปบ้าง ทว่าก็ยังคงดีไซน์และโทนสีเดิมไว้ ที่สำคัญเพราะลูกค้าทุกรายเข้าจะใจธรรมชาติของงาน Handmade ด้วยอยู่แล้วนั่นเอง สำหรับผู้ที่อยู่ในกทม. ที่สนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายกระเป๋าผ้าต่อ Patploy สามารถเดินทางมาดูสินค้าได้ที่สาขาห้างสรรพสินค้า Central World ชั้น 4 หน้า อิเชตัน และรับสินค้าไปได้เลยทันที โดยการมาดูสินค้าที่ร้าน จะช่วยให้ลูกค้าเห็นงานของจริงซึ่งมีอยู่หลากหลาย
เคล็ดลับการขาย ทำกำไร
      คุณการ์ตูน แนะนำสำหรับเคล็ดลับในการลงทุนว่า สำหรับคนที่มีธุรกิจค้ายขายอยู่แล้ว สามารถนำไปวางจำหน่ายภายในร้านเพื่อสร้างรายได้เพิ่มได้ เพราะไม่ต้องใช้พื้นที่มากมาย หรือจะรับไปฝากขายต่อตามร้านเสริมสวย, สปา หรือตามแหล่งชุมชนก็ได้ตามสะดวก แต่ทั้งนี้ต้องดูทำเลที่ตั้งเป็นสำคัญ เพราะด้วย “Patploy” เป็นสินค้ามีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม และเป็นที่ชื่นชอบโดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวในโซนเอเซีย ดังนั้นหากสามารถวางจำหน่ายในย่านแหล่งท่องเที่ยวได้ ก็จะช่วยให้สามารถขายได้คล่องและทำกำไรได้ดีขึ้น สำ หรับเคล็บลับการทำกำไรนั่น แนะนำให้ขายสินค้าประเภทกระเป๋ามากกว่าในกลุ่มของ Accessories อย่างพวกกระเป๋าใส่เหรียญ หรือซองใส่มือถือขนาดเล็กๆ เพราะสินค้าประเภทกระเป๋า หรือการขายสินค้าขนาดใหญ่จะได้ราคา และกำไรมากกว่าขายของชิ้นเล็กเป็นปกติอยู่แล้ว   พร้อมทั้ง เวลาจำหน่ายสินค้าควรบอกลักษณะเด่นของกระเป๋าผ้าต่อ Patploy ให้ลูกค้าได้รับทราบอย่างละเอียด เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นถึงคุณภาพและคุณสมบัติ ซึ่งแตกต่างไปจากสินค้าในตลาดทั่วๆไป โดยทั้งนี้ คุณการ์ตูน เชื่อว่า สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกระเป๋าผ้าเป้นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้รับทราบข้อมูลคุณสมบัติของสินค้าอย่างละเอียดจะทำให้ตัดสินใจซื้อ สินค้าได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน

สนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายกระเป๋าผ้าต่อ “Patploy” โทร 084-084-6882, 087-773-6075 หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.patploy.com และ www.goooddd.com


Read More...


Lady Nail Art Nail & Eyebrow Artist Academy


เรื่องของความสวยงามเป็นปัจจัยที่ 5 ของผู้หญิง ดังนั้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความงามจึงมีความเสี่ยงน้อยในการขาดทุนน้อย กว่าธุรกิจอื่นอยู่มากพอสมควร ทว่าทุกวันนี้ธุรกิจที่ให้บริการทางด้านสวยความงามนั้นมีหลากหลายรูปแบบ และมีเงื่อนไขในการลงทุน และผลตอบแทนที่แตกต่างกันไป
ซึ่งหากคุณกำลังมองหาธุรกิจความงามที่ลง ทุนน้อย แต่ได้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างมั่นคง ธุรกิจการให้บริการ เพ้นท์เล็บ และการเพ้นท์คิ้ว - สักคิ้ว ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจทั้งนี้เพราะทั้งสองรูปแบบการให้บริการ นั้น อาศัยเรื่องของฝีมือเป็นหลัก ประกอบกับอุปกรณ์ต่างๆ หาได้ง่าย และมีราคาไม่สูงนัก ฉะนั้นขอแค่มีเงินเพียงหลักพันก็สามารถเปิดให้บริการได้



อาจารย์ชรินรัตน์ เพชรช่อ

           อย่าง ที่กล่าวข้างต้นว่าการให้บริการ เพ้นท์เล็บ และการเพ้นท์คิ้ว – สักคิ้ว สิ่งสำคัญคือเรื่องของฝีมือ ยิ่งคุณมีฝีมือในการเพ้นท์มากเท่าไร ผลตอบแทนที่ได้รับยิ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการเลือกสถาบันสอนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะคือจุดเริ่มต้นของการสร้างอาชีพที่มั่นคง ปัจจุบันในบ้านเรามีสถาบันสอนเพ้นท์เล็บ และการเพ้นท์คิ้ว – สักคิ้ว อยู่มากมาย แต่ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของหลักสูตรความเป็นสากล และเชี่ยวชาญในการสอนอย่างแท้จริงนั้นมีเพียงไม่กี่แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Lady Nail Art :  Nail & Eyebrow Artist Academy (สถาบัน เลดี้ เนลอาร์ต)



พร้อมสร้างมืออาชีพ ต่อยอดสร้างธุรกิจความงามในแบบคุณ
           ระยะ เวลากว่า 10 ปี ที่ สถาบัน เลดี้ เนลอาร์ต เปิดสอนหลักสูตรศิลปะการตกแต่งเล็บ และหลักสูตรการสักคิ้วลายเส้นสามมิติ การันตีความสามารถ ด้วย Authoriza Nail Educator จากสถาบันชั้นนำต่างๆ จากประเทศ สหรัฐอเมริกา โดยมุ่งมั่นในการสอนโดยเน้นให้ผู้เรียนปฏิบัติได้จริง และนำไปประกอบอาชีพได้อย่างมีคุณภาพ ได้ผลิต Nail Technician และ 3D Eyebrow Artist ฝีมือเยี่ยมมาแล้วนับพันคน คือบทพิสูจน์คุณภาพการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี




           ทั้ง นี้ อาจารย์ชรินรัตน์ เพชรช่อ หรืออาจารย์รัตน์ ผู้ก่อตั้งสถาบัน Lady Nail Art :  Nail & Eyebrow Artist Academy ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเพ้นท์เล็บ และการเพ้นท์คิ้ว – สักคิ้ว แถวหน้าของไทย โดยอาจารย์ได้รับการถ่ายทอดความรู้มาจากอาจารย์ David Zhang แชมป์โลกทางด้านการสักคิ้ว 3 สมัย จากสถาบัน  Ginzza International Beaty & Hair Academy สถาบันชื่อดังในเรื่องการเพ้นท์คิ้วลายเส้น ของประเทศจีน และอาจารย์รัตน์ ยังได้ศึกษาดูงานการเพ้นท์คิ้วสไตล์เกาหลี จากสถาบัน Violet ณ กรุงโซล อีกด้วย




           “อาจารย์ รัตน์” ย้อนถึงจุดเริ่มต้นของแนวคิดในการเปิดสถาบัน Lady Nail Art :  Nail & Eyebrow Artist Academy เมื่อราว 10 ปีก่อนว่า เดิมที่อาจารย์เป็นพนักงานบริษัทเอกชน คิดอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองที่ไม่ต้องลงทุนมาก แต่ได้รายได้ดี จึงมองมาที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความสวยความงาม โดยมองมาที่การให้บริการเพ้นท์เล็บเพราะไม่ต้องลงทุนมาก ขอแค่มีฝีมือการสร้างอาชีพได้ โดยในช่วงแรกจึงพยายามค้นคว้า และฝึกฝน จนในที่สุดได้ทำการเปิดร้านเล็กๆของตัวเองในรูปแบบของ “เนลชาลอน” ซึ่งได้รับความสนใจมาก จากนั้นจึงเกิดแนวคิดว่าอยากเปิดเป็นสถาบันสอนอย่างจริงจัง เพราะอยากโอกาสคนที่กำลังมองหารายได้ หรือมีธุรกิจส่วนตัวที่ไม่ต้องลงทุนมาก




           หลัง จากเปิดสอนเพ้นท์เล็บได้นานถึง 5 ปีเต็ม “อาจารย์รัตน์” กล่าวว่าอยากให้ลูกศิษย์มีรายได้ และอาชีพที่มั่นคงเพิ่มขึ้น จึงพยายามศึกษาและก็พบว่าในยุคนั้นการเพ้นท์ – สักคิ้วในบ้านเรายังไม่ค่อยเป็นธรรมชาติมากนัก จึงได้เดินทางไปเรียนกับอาจารย์ David Zhang แชมป์โลกทางด้านการเพ้นท์ - สักคิ้ว จากนั้นก็พยายามศึกษาในสถาบันชั้นนำต่างประเทศอื่นๆ  และมุ่งฝึกฝน จนเกิดความเชี่ยวชาญในการเพ้นท์ – สักคิ้ว แบบ 3 มิติ จึงตัดสินใจเปิดสอนหลักสูตรการสักคิ้วลายเส้นสามมิติขึ้น ควบคู่ไปกับการเพ้นท์เล็บ โดยผู้เรียนสอนใหญ่ก็จะมาเรียนทั้ง 2 หลักสูตร เพราะเป็นศาสตร์ที่ใกล้เคียงกัน และสามารถนำไปสร้างอาชีพ ต่อยอดรายได้มากขึ้น

           ทั้ง นี้ “อาจารย์รัตน์” กล่าวถึงขั้นตอนการสอนว่าจะเน้นให้ผู้เรียนสามารถนำไปปฏิบัติประกอบอาชีพได้ จริง ดังนั้นจึงจะสอนตั้งแต่พื้นฐาน ซึ่งสำหรับคนที่ไม่มีความรู้มาก่อน ก็สามารถเรียนได้ เพราะอาจารย์สอนตัวต่อตัว และสิ่งสำคัญของการเพ้นท์คือการฝึกฝน ขอแค่มีใจรัก และอดทน เชื่อว่าทุกคนจะสามารถเป็น Nail Technician และ 3D Eyebrow Artist ที่เก่งได้
 โดยปัจจุบัน Lady Nail Art :  Nail & Eyebrow Artist Academy มี 2 หลักสูตรใหญ่คือ การเพ้นท์เล็บ และ การสักคิ้วลายเส้น 3 มิติ
สำหรับหลักสูตรการเพ้นท์เล็บ นั้น ปัจจุบันเปิดสอนอยู่  2 หลักสูตรคือ



1. แพคเกจมาตรฐาน ที่ใช้เวลาเรียนประมาณ 7-10 วัน (ราคา 6,000 บาท)
2. แพคเกจมืออาชีพ ใช้เวลาเรียนประมาณ 12-15 วัน (ราคา 10,000 บาท)





           ส่วน หลักสูตรการสักคิ้วลายเส้น 3 มิติ สไตล์แชมป์โลกนั้น ครอบคลุมถึงการสอนเพ้นท์คิ้ว สักคิ้ว การลบคิ้ว สักขอบตา สักปาก ใช้เวลาเรียน 5-7 วัน (ราคา 28,000 บาท)

           ใน ทุกหลักสูตรนอกจากผู้เรียนจะได้ทักษะการเพ้นท์ และสักอย่างละเอียดแล้ว ยังได้ชุดอุปกรณ์ที่พร้อมเปิดให้บริการลูกค้าได้ทันที และสำหรับหลักสูตรการสักคิ้วลายเส้น 3 มิติ จะได้รับประกาศนียบัตรเป็นภาษาอังกฤษเพื่อสามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพได้ ทั่วโลก (ดูรายละเอียดของแต่ละหลักสูตรได้ที่ www.ladynailart.com)

           นอก จากนี้แล้ว  “อาจารย์รัตน์” กล่าวว่า Lady Nail Art  Nail & Eyebrow Artist Academy ไม่เพียงแค่ถ่ายทอดความรู้ในศาสตร์ของงานศิลปะ แต่พร้อมเป็นที่ปรึกษาในการดำเนินธุรกิจ โดยสามารถเข้ามาปรึกษาๆได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ผู้เรียนทุกคนยังได้รับสิทธิ์ในการซื้อสินค้าอุปกรณ์ในราคาลดพิเศษ อีกด้วย


  

ธุรกิจ เพ้นท์เล็บ และเพ้นท์คิ้ว – สักคิ้ว สร้างผลกำไรกว่า 100 เท่า

           จาก ประสบการณ์ที่เคยเปิดร้านให้บริการเพ้นท์เล็บมาก่อนนั้น ทำให้ “อาจารย์รัตน์” มองเห็นโอกาสของธุรกิจ และผลตอบแทน ทั้งนี้ “อาจารย์รัตน์” กล่าวว่าถ้าเพ้นท์เล็บอย่างเดียว ค่าบริการเริ่มต้นอยู่ที่ 100 บาท แต่ถ้ามีการทำอะคริลิคด้วย อัตราค่าบริการจะไม่น้อยกว่า 1,000 บาท ในขณะที่ต้นทุนของสี และอุปกรณ์นั้นไม่ถึง 100 บาท และโดยส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงจะชอบเปลี่ยนลายเพ้นท์ อะคริลิคใหม่ๆ อยู่ตลอด ดังนั้นถ้าทำได้ดี ลูกค้าก็จะกลับมาใช้บริการบ่อยๆ อยู่เรื่อยๆ ในขณะเดียวกันการเพ้นท์ – สักคิ้ว เมื่อทำแล้วก็ต้องมีการมาเติมเป็นระยะเช่นกัน ดังนั้นจึงมีโอกาสสร้างรายได้ได้อย่างต่อเนื่อง




           ส่วน เทคนิคในการตกแต่งร้านให้ดึงดูดลูกค้านั้น “อาจารย์รัตน์” แนะนำว่าสำหรับร้านเพ้นท์เล็บ ต้องตกแต่งให้ดูหวาน สดใส และมีความหรูอยู่ระดับหนึ่ง ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งของร้านด้วย ส่วนร้านการเพ้นท์ – สักคิ้ว ไม่ต้องทำให้หรูหรานัก แต่ต้องเน้นไปที่ความสะอาดเป็นหลัก และควรมีห้องที่เป็นส่วนตัว แต่หากเปิดให้บริการทั้ง 2 รูปแบบ การอาจตกแต่งให้ไปในโทนเดียวกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเพราะทั้ง 2 บริการ ก็คือเรื่องของความสวยความงามเหมือนกัน

ปัจจุบันนอกจาก “อาจารย์รัตน์” จะเปิดสอนให้แก่ผู้ที่สนใจแล้ว ยังมีการให้บริการสักคิ้วโดยฝีมืออาจารย์เองอีกด้วย โดยเปิดให้บริการ 4 รูปแบบคือ

1. เพ้นท์ – สักคิ้ว แบบสามมิติ จาก 5,000 บาท ลดเหลือ 4,000 บาท

2. สักขอบตาถาวรบน จาก 4,000 บาท ลดเหลือ 3,000 บาท

3. สักขอบตาถาวรล่าง จาก 4,000 บาท ลดเหลือ 3,000 บาท

4. สักปากถาวรสีนาโน จาก 8,000 บาท ลดเหลือ 5,000 บาท

           ทั้ง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการสักนั้น ได้มาตรฐานจาก D&G ประเทศฝรั่งเศส และอเมริกา โดยอาจารย์รับประกันงานที่ทำ สวยจนคุณพอใจ และเติมฟรีให้ 1 ครั้ง
 
สนใจเรียนเพ้นท์เล็บ เพ้นท์ - สักคิ้ว สถาบัน Lady Nail Art :  Nail & Eyebrow Artist Academy
ติดต่อได้ที่ อาคารมอลล์อเวนิว ชั้น 2  (ติดเดอะมอลล์บางกะปิ/ตรงข้ามโลตัสบางกะปิ)
โทรศัพท์  082-859-9992, 086-317-8880,086-365-6863, 02-735-5870
E-mail :
ladynailart@hotmail.com 
www.ladynailart.com,  www.ladyeyebrow.com



Read More...


Two Hand Shop คลังเสื้อผ้ามือ 2 ใหญ่สุดในกรุงเทพฯ แบรนด์เนมนำเข้าจากญี่ปุ่น

Two Hand Shop คลังเสื้อผ้ามือ 2 ใหญ่สุดในกรุงเทพฯ แบรนด์เนมนำเข้าจากญี่ปุ่น ไม่ผ่านตลาดโรงเกลือ

   ไม่ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะขาขึ้นหรือลง ธุรกิจที่เกี่ยวกับเสื้อผ้าความสวยความงามก็ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยหากมองในแง่ของความเสี่ยงทางธุรกิจแล้วนั้น ธุรกิจเสื้อผ้าถือว่ามีอัตราความเสี่ยงที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ  ทั้งนี้เพราะผู้หญิงไทยกับการช้อปปิ้งเป็นของคู่กันมาแต่ไหนแต่ไร พร้อมกันนี้เสื้อผ้าไม่มีวันหมดอายุ เงินที่ลงทุนไปไม่มีทางเสียเปล่าอย่างเด็ดขาด เพียงแต่ว่าจะได้กำไรมากน้อยแค่ไหน อยู่ที่ไอเดียการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้แก่เสื้อผ้านั้นๆ และที่สำคัญคือต้องรู้จักหาแหล่งขายส่งเสื้อผ้าที่มีคุณภาพในราคาที่สมเหตุ สมผล


 และเมื่อนึกถึงแหล่งขายส่งเสื้อผ้ามือ 2 แล้วชื่อดัง  คงต้องการกล่าวถึง  Two Hand Shop (ทู แฮนด์ ช้อป) เพราะเป็นคลังสินค้าศูนย์รวมเสื้อผ้าสไตล์ญี่ปุ่นมือ 2 เกรด A ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ โดยเสื้อผ้าที่ทางร้านขายส่งแบบยกกระสอบนี้ เป็นสินค้าที่สั่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ โดยไม่มีการผ่านโรงเกลือแต่อย่างใดทั้งสิ้น และพร้อมบริการจัดส่งทั่วประเทศ ดังนั้นเสื้อผ้าของทาง Two Hand Shop จึงนับได้ว่าเป็นสินค้าเกรดดี ที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วในระดับหนึ่ง ฉะนั้นผู้ซื้อจึงมั่นใจได้ว่าเสื้อผ้าจากทาง Two Hand Shop นั้นสามารถนำไปจำหน่ายค้าปลีกได้กำไรสูงหลายเท่าตัว

เสื้อผ้าคุณภาพเยี่ยม สั่งตรงจากญี่ปุ่น     
     คุณพิมพ์นิศา ฉัตรเอกเจริญ หรือ คุณอุ๋ย เจ้าของกิจการ Two Hand Shop เผยถึงที่มาของการทำธุรกิจขายส่งเสื้อผ้ามือ 2 สไตล์ญี่ปุ่นชื่อดังนี้ว่า โดยปกติเป็นคนที่ชอบช้อปปิ้ง ชอบแต่งตัวอยู่แล้ว จากจุดนี้เองก็กลับมามองว่าจริงแล้วผู้หญิงทุกคนชอบช้อปปิ้ง ชอบแต่งตัว เพราะไม่มีใครไม่อยากสวย ดังนั้นหากเข้ามาทำธุรกิจขายเสื้อผ้า น่าจะมีโอกาสเติบโตไปได้ดี
     ฉะนั้นจึงเริ่มศึกษาธุรกิจเสื้อผ้าโดยเน้นไปที่รูปแบบการขายส่ง โดยเริ่มต้นทำธุรกิจของตนเองด้วยการขายส่งเสื้อผ้าสไตล์ญี่ปุ่นเกรดเอ บนสื่ออินเทอร์เน็ตก่อน โดยในตอนนั้นมีลูกค้าให้ความสนใจมาก จากเดิมที่ขายได้วันละ 1-2 กระสอบ ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ เพราะด้วยคุณภาพของเสื้อผ้าที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นโดยตรง และขายส่งในราคาที่ไม่แพง ทำให้มีลูกค้าขาประจำมากมาย


คุณพิมพ์นิศา ฉัตรเอกเจริญ (คุณอุ๋ย)
     เมื่อธุรกิจได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จึงเกิดแนวคิดในการทำธุรกิจขายส่งเสื้อผ้าสไตล์ญี่ปุ่นอย่างจริงจัง ด้วยการเปิด Two Hand Shop ธุรกิจค้าส่งเสื้อผ้าสไตล์ญี่ปุ่นมือ 2 คัดเกรด ขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว จนถึงวันนี้อาจกล่าวได้ว่า Two Hand Shop ถือเป็นคลังที่รวมเสื้อผ้าญี่ปุ่นมือ 2 ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ “คุณพิมพ์นิศา” กล่าวถึงประเด็นสำคัญที่ทำให้  Two Hand Shop เติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็วนั้นมีเหตุผลสนับสนุนหลายประการ คือนอกจากเรื่องของคุณภาพสินค้าที่ดีสมกับราคาแล้ว ความหลากหลายของสินค้าก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้า จากทาง  Two Hand Shop


โดยปัจจุบัน Two Hand Shop มีสินค้าจำหน่ายมากมาย ทั้งเสื้อผ้าผู้ชาย, เสื้อผ้าผู้ผญิง, เสื้อผ้าเด็ก, เสื้อชุดแซก, เสื้อยีน, ตุ๊กตา, กระเป๋า ฯลฯ ซึ่งเพียงแค่ลูกค้าแจ้งความประสงค์ว่าต้องการซื้อเหมายกกระสอบเสื้อผ้า ประเภทไหน ทางร้านก็พร้อมจัดเตรียมไว้ให้อย่างเรียบร้อย โดยลูกค้าสามารถมารับที่คลังสินค้าที่ตั้งอยู่บริเวณ ถ. เจริญกรุง ซอย 69 สำหรับลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัดทาง ทาง Two Hand Shop  ก็มีบริการจัดส่งไปทาง ขสมก. หรือ บขส. ซึ่งจะใช้เวลาขนส่งประมาณ 1 วัน ทั่วประเทศ
                 ทั้งนี้เพราะยึดหลักการทำธุรกิจด้วยความโปร่งใส และซื่อสัตย์เป็นหลัก “คุณพิมพ์นิศา” เปิดใจว่าก่อนทำการซื้อขายในแต่ละครั้ง จะทำการพูดคุยและให้ลูกค้าเข้าใจถึงรูปแบบการทำธุรกิจของ Two Hand Shop ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาโดยภายหลัง
โดยรูปแบบการทำธุรกิจของ Two Hand Shop คือการขายส่งเสื้อผ้าแบบยกเหมาทั้งกระสอบ หรือชั่งขายเป็นกิโลขั้นต่ำอยู่ที่ 25 กิโลกรัมเท่านั้น โดยประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับคือสินค้าราคาถูก โดยภายในหนึ่งกระสอบก็จะเป็นเสื้อผ้าในกลุ่มเดียวกัน อาทิ ภายในหนึ่งกระสอบนั้นจะเป็นเสื้อผ้าเด็กทั้งหมด หรือทั้งกระสอบจะเป็นชุดแซกทั้งหมด ไม่มีการคละแบบแต่อย่างใด ดังนั้นก่อนซื้อลูกค้าต้องแจ้งความจำนงค์ก่อนว่าต้องการซื้อเสื้อผ้าแนวไหน พร้อมกันนี้ต้องเข้าใจว่าภายในหนึ่งกระสอบจะมีเสื้อผ้าทั้งที่เป็นหัวผ้า (คือเสื้อผ้าคุณภาพดี ดีไซส์สวย) และปลายผ้า(คุณภาพอาจไม่ 100%) ซึ่งในส่วนของปลายผ้า อาจจะต้องนำมาตกแต่งดีไซน์เพิ่ม เพื่อที่จะได้นำมาขายได้ราคาที่ดี เหล่านี้เป็นต้น


ลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ ได้กำไรดีหลายเท่า
     สำหรับผู้ที่สนใจซื้อสินค้าจากทาง Two Hand Shop นั้น “คุณพิมพ์นิศา” กล่าวว่าไม่ต้องมีเงินค่าแฟรนไชส์แต่อย่างใดทั้งสิ้น โดยปัจจุบันได้มีการแบ่งรูปแบบการลงทุนหลายประเภทเพื่อให้สอดรับกับความต้อง การของลูกค้าที่แตกต่างกันไป ซึ่งมีทั้งที่ต้องซื้อแล้วนำไปเปิดร้านขายปลีกธรรดา ไปจนถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อไปเพื่อไปทำธุรกิจในรูปแบบของค้าส่งอีกต่อ หนึ่ง ดังนั้นจึงได้มีการแบ่งการลงทุนดังนี้

          1. ซื้อยกกระสอบ  (1 กระสอบ หนัก 100 กิโลกรัม)
  • กรณีซื้อเสื้อยกกระสอบ ราคาเริ่มต้นที่ 5,000 ไปจนถึงกว่า 10,000 บาท
  • กรณีซื้อชุดแซกยกกระสอบ ราคาเริ่มต้นที่ 12,000 ไปจนถึงกว่า 20,000 บาท


    2. ซื้อแบบชั่งกิโล ทางร้านกำหนดน้ำหนักเบื้องต้นที่ 25 กิโลกรัม  
     
  • กรณีซื้อเสื้อ ราคาเริ่มต้นกิโลกรัมละ 100 บาท
  • กรณีซื้อชุดแซก ราคาเริ่มต้นกิโลกรัมละ 150 บาท
    (หมายเหตุ  : วิธีการขายแบบชั่งกิโล ทางร้านจะผ่ากระสอบออกมาแล้ว นำเสื้อผ้ามาชั่งกิโลขายเลย ลูกค้าไม่สามารถเลือกได้ ทั้งนี้เพราะสินค้าที่ขายอยู่นี้มีราคาที่ถูกอยู่แล้ว โดยเฉลี่ยเสื้อผ้า 1 ชิ้น เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20 บาท  ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้เลือกเพื่อความยุติธรรมแก่ลูกค้าท่านอื่นๆที่มาซื้อ แบบชั่งกิโลในภายหลัง)


    3. ซื้อส่ง จำนวนมาก ประมาณ 10 กระสอบ  ใช้เงินลงทุนราว 1 แสนบาท
     ทั้งนี้ราคาเริ่มต้นของการลงทุนแตกต่างกันไปตามประเภท และเกรดของเสื้อผ้านั้น ซึ่งลูกค้าสามารถแจ้งความจำนงค์ได้ว่าอยากได้สินค้าประเภทไหน และระดับใดบ้าง และเพื่อช่วยให้ผู้ที่สนใจทำธุรกิจเสื้อผ้าสามารถเริ่มต้นทำธุรกิจได้ทันที ทาง Two Hand Shop จึงเปิดจำหน่ายอุปกรณ์ในการขายเสื้อผ้า อาทิ ไม้แขวนเสื้อ ราวแขวนผ้า ฯลฯ โดย จำหน่ายในราคาเท่ากับตามที่ขายในท้องตลาดทั่วไป ทั้งนี้เพราะต้องการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามากกว่าการหวังผลทำกำไร


ในส่วนผลตอบแทนในการลงทุนนั้น “คุณพิมพ์นิศา” กล่าวว่า ในหนึ่งกระสอบมีเสื้อผ้าอยู่ประมาณ 600 ชิ้น ส่วนถ้าเป็นชุดแซกจะอยู่ที่ประมาณ 450 ชิ้น ดังนั้นเฉลี่ยต้นทุนเสื้อผ้าจะอยู่ที่เพียง 15-20 บาท/ชิ้น ซึ่งสามารถนำไปขายปลีกได้ในราคาตั้งแต่ 200 บาท ขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบเสื้อ และทำเลด้วย แต่อย่างน้อยก็คาดว่า เสื้อ 1 ชิ้น น่าจะขายได้กำไรกว่า 10 เท่าตัวทีเดียว สำหรับเสื้อผ้าบางส่วนที่ไม่สมบูรณ์ 100% ก็ขอแนะนำให้มาทำการประยุกต์ดีไซส์เข้าไปหน่อยก็เชื่อว่าจะสามารถไปขายต่อ ได้ไม่ขาดทุนอย่างแน่นอนดังนั้นจึงกล้ากล่าวว่า ธุรกิจนี้ช่วยสร้างความมั่นคงทางอาชีพได้อย่างแน่นอน เพราะให้ผลตอบแทนที่สูง และมีความเสี่ยงน้อย

***********************************************************************************************
สนใจธุรกิจ Two Hand Shop ติดต่อได้ที่ คุณพิมพ์นิศา ฉัตรเอกเจริญ (คุณอุ๋ย) ที่อยู่ : ถ. เจริญกรุง ซอย 69 โทรศัพท์ : 086-332-1152 ,086-772-2999, 080-264-1444 อีเมล์  :  twohandshop_aui@hotmail.com เว็บไซต์ : www.twohandshopping.com, www.twohandshop.com



Read More...


ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0










































 
Blogger Tips and TricksLatest Tips And TricksBlogger Tricks
Do it your self,handmade,HandiCraft,งานฝีมือ,อาชีพเสริม,ช่องทางทำเงิน บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.