บทความที่ได้รับความนิยม


Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

‘แม็กเน็ตภาพวาด’ ต่อยอดงานอาร์ตทำเงิน *

งานอาร์ตแฮนด์เม ดสามารถพลิกแพลงต่อยอดสร้างสรรค์เป็นสินค้าใหม่ออกสู่ ตลาดได้เรื่อย ๆ และยังสร้างรายได้ให้กับผู้ที่สร้างสรรค์งานได้เป็นอย่างดี อย่างการนำภาพวาดภาพเขียนแนวการ์ตูนน่ารัก ๆ สีสันสดใส มาต่อยอด ทำเป็น “แม็กเน็ต” “ที่แขวนกุญแจ” ออกขายเป็นสินค้ากลุ่มของขวัญของฝาก นี่ก็เป็น “ช่องทางทำกิน” ที่น่าพิจารณา...

โอเล่-รุ่งนภา จะโนภาษ ซึ่งนำภาพวาดมาสร้างสรรค์เป็นสินค้า อาทิ “แม็กเน็ตติดตู้เย็นจากภาพวาด” และ “ที่แขวนพวงกุญแจจากภาพวาด” เล่าว่า เดิมนั้นพอเรียนจบออกมาก็เข้าทำงานประจำเป็นประชาสัมพันธ์ ทำอยู่ได้ระยะหนึ่งก็เริ่มรู้สึกเบื่อ เริ่มไม่สนุกกับงานที่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง อยากทำงานที่เป็นเจ้านายตัวเอง



ต่อมาจึงออกจากงานประจำที่ทำอยู่ แล้วก็เริ่มมองหาอาชีพใหม่ จนในที่สุดก็มาทำอาชีพค้าขาย โดยช่วงนั้นขายกระเป๋ามือสอง ขายอยู่นานพอสมควร จนตลาดเริ่มไม่ดีเหมือนอย่างเก่า ลูกค้าเริ่มน้อยลง จึงมองหาสินค้าใหม่ ๆ มาขาย

“ในช่วงนั้นแฟนได้เริ่มไปหัดเรียนวาดภาพ ฝึกฝนอย่างจริงจังอยู่ได้ประมาณ 2 เดือน พอวาดได้ในระดับหนึ่งจึงตัดสินใจที่จะเปิดร้านวาดภาพขาย จึงเริ่มฝึกหัดวาดรูปวาดภาพบ้าง เพื่อที่จะได้ช่วยกัน ซึ่งก็ใช้เวลาอยู่พอสมควร แต่ก็พอจะมีพื้นฐานตั้งแต่ตอนเรียนอยู่บ้างเล็กน้อย จึงทำได้ และมาถึงตอนนี้ด้วยประสบการณ์ที่ทำมากว่า 10 ปี ก็ทำให้เรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ มากขึ้น รวมถึงก็อาศัยดูเทคนิคต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ต แล้วก็มาลองทำดู”

ภาพที่วาดออกมาขายส่วนใหญ่จะออกเป็นแนวน่ารัก ๆ สีสันสดใส หรือที่เรียกว่า “แนวป๊อบอาร์ท” โดยจะเน้นรูปการ์ตูนสัตว์ต่าง ๆ และดอกไม้ โดยแบบส่วนใหญ่จะพยายามคิดขึ้นมาเอง เน้นสีสันสดใส มองแล้วเพลินตา


ที่มาจับงานวาดภาพแนวนี้ ก็เนื่องจากตอนแรกยังแค่เริ่มหัดวาดภาพใหม่ ๆ ซึ่งงานแนวนี้เป็นงานวาดที่ไม่ยาก ไม่ต้องใช้เทคนิคการวาดมากมาย เพียงแต่เป็นงานที่ต้องผสมผสานใส่ไอเดียลงไปในการวาดด้วยเท่านั้น ส่วนรูปแบบ ลายต่าง ๆ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อย ๆ ตามสมัยนิยม แต่ยังคงสไตล์เดิม...

หลังจากที่วาดภาพลงเฟรมผ้าใบขายอยู่ระยะหนึ่ง ก็เริ่มมีความคิดว่ารูปภาพที่วาดน่าจะสามารถต่อยอดเป็นสินค้าอื่น ๆ อย่างพวกแม็กเน็ต ที่แขวนพวงกุญแจ เป็นการขยายกลุ่มลูกค้า และน่าจะขายได้ง่ายกว่าภาพวาดที่เป็นงานชิ้นใหญ่ที่ทำออกมาได้ช้า ซึ่งหลังจากทดลองทำแม็กเน็ตออกมาก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อไปเป็นของขวัญของฝาก บางคนสั่งทำเป็นของชำร่วยแจกในงานแต่งงานก็มี

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทำ หลัก ๆ ก็มี... รูปวาดที่ทำเป็นเป็นรูปถ่าย, แผ่นแม่เหล็ก (ใช้แบบบางประมาณ 0.5 มิลลิเมตร โดยเลือกซื้อที่มีแถบกาวในตัว), คัทเตอร์, ไม้บรรทัด, ไม้ MDF, กาวลาเท็กซ์, เทปกาว 2 หน้า เป็นต้น


  ขั้นตอนการทำ กรณีทำเป็น “แม็กเน็ต” เริ่มจากถ่ายรูปภาพวาดต้นฉบับ ที่วาดไว้ขายอยู่แล้ว จากนั้นก็นำภาพไปทำการตกแต่งในคอมพิวเตอร์ ใช้โปรแกรมจัดตกแต่งสีและแสงให้สวยงามตามที่ต้องการ จะใส่ตัวอักษรข้อความต่าง ๆ ด้วยก็ได้ตามต้องการ จากนั้นก็จัดไซส์รูป ทำให้ได้ขนาด 6x6 ซ.ม. และ 6x8 ซ.ม. จัดวางให้อยู่ในกรอบรูปขนาด 5x7 นิ้ว จากนั้นก็นำรูปไปอัดรูปที่ร้านถ่ายรูป ก็จะได้รูปถ่ายไซส์ขนาด 5x7 นิ้ว ที่มีภาพวาดที่ตกแต่งและจะนำไปทำเป็นแม็กเน็ตอยู่ในรูปถ่ายที่อัดมา ประมาณ 3-4 รูป

หลังจากได้ภาพที่อัดมาแล้ว ก็ใช้คัทเตอร์ตัดรูปภาพออกมา จากนั้นก็นำรูปไปติดลงบนแผ่นแม่เหล็กชนิดบางที่มีแถบกาวอยู่ด้านบน ติดเรียงให้เต็มแผ่นแม่เหล็ก จากนั้นก็ตัดออกมาทีละรูป เท่านี้ก็เรียบร้อย แพ็คใส่ถุงพลาสติกใสพร้อมขายได้ทุนการทำแม็กเน็ตแบบนี้ เฉพาะทุนในส่วนของวัสดุอยู่ที่ประมาณ 5 บาทต่อชิ้น

กรณีจะทำเป็น “ที่แขวนกุญแจ” ขั้นตอนการทำก็เหมือนกับการทำแม็กเน็ต คือต้องอัดรูปก่อน โดยให้ทำไซส์รูปขนาด 8x10 ซ.ม. แล้วก็ตัดไม้ MDF เท่ากับขนาดของไซส์รูป ทำการขัดไม้ให้เรียบ จากนั้นก็ใช้สีขาวทาขอบไม้ เพื่อความสวยงาม จากนั้นก็นำรูปที่อัดมาตัดตามขนาดแล้วนำมาติดลงบนไม้ที่เตรียมไว้ ยึดติดด้วยกาวให้แน่น ใส่ตะขอสำหรับใช้แขวนพวงกุญแจเข้าไป ด้านหลังติดด้วยเทปกาว 2 หน้า เป็นอันเสร็จ พร้อมห่อใส่ถุงเตรียมขายทุนวัสดุในการทำที่แขวนกุญแจ อยู่ที่ประมาณ 10 บาทต่อชิ้น
สำหรับราคาขายนั้น แม็กเน็ตจากภาพวาดของโอเล่จะขายอยู่ที่ราคา 20 บาทต่อชิ้น ส่วนราคาขายที่แขนพวงกุญแจอยู่ที่ 35 บาท ต่อชิ้น ซึ่งถ้าลูกค้าสั่งจำนวนมากก็จะได้ราคาที่ลดลงอีก
                                                
ใครสนใจชิ้นงาน “แม็กเน็ตและที่แขวนกุญแจจากภาพวาด” ของโอเล่ รวมถึงสนใจจะออเดอร์ไปจำหน่ายต่อ ไปดูกันได้ที่ เจเจ มอลล์ (JJ MALL) ชั้นใต้ดิน ซอย 8 ห้อง G276 หรือติดต่อทางโทรศัพท์ที่ โทร.08-1860-9293 ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” จากการต่อยอดชิ้นงานแฮนด์เมด ที่สร้างรายได้ได้อย่างพิจารณา.
                                                  
บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์
.......................................................................
คู่มือลงทุน...แม็กเน็ตภาพวาด
ทุนเบื้องต้น    ประมาณ 5,000 บาท
ทุนวัสดุ        ประมาณ     5 บาท / ชิ้น
รายได้        ราคาขาย 20 บาท / ชิ้น
แรงงาน        1 คน
ตลาด        กลุ่มของขวัญ, ของชำร่วย
จุดน่าสนใจ    ลงทุนต่ำ-ทำได้ไม่ยากเกิน

Credit by..http://www.dailynews.co.th/article/384/167020

Read More...


นาฬิกาแผ่นเสียงฉลุ *

“ความคิดสร้างสรรค์” เป็นกุญแจสำคัญสำหรับคนที่คิดจริงจังกับอาชีพงานประดิษฐ์ อย่างเช่นเจ้าของ ’ช่องทางทำกิน“ รายนี้ ที่นำความชื่นชอบกับความชำนาญด้านการออกแบบ มาผนวกเข้ากับวัสดุที่เมื่อนำมาประดิษฐ์แล้วโดดเด่นน่าสนใจ แถมยังทำตลาดได้ไกลถึงต่างประเทศ ชนิดที่ไม่ต้องมีหน้าร้านเสียด้วยซ้ำ เพราะอาศัยช่องทางเผยแพร่ผลงานสินค้าผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต กับชิ้นงาน ’นาฬิกาแผ่นเสียงฉลุ“ ของ “อนันต์ โลภาส” รายนี้...

อนันต์ เล่าว่า ก่อนหน้านั้นทำงานบริษัทเกี่ยวกับการออกแบบกราฟิกมานาน จนเริ่มอิ่มตัวกับการทำงานในระบบออฟฟิศ จังหวะพอดีกับที่มีเพื่อนมาชวนไปลงทุนเปิดร้านจำหน่ายของที่ระลึกที่ตลาดนัด สวนลุมไนท์บาซาร์ ทำได้ระยะหนึ่ง จังหวะกับที่ตลาดนัดดังกล่าวได้หมดสัญญาและปิดตัวลง จึงกลับมาช่วยงานพี่ที่รู้จักรับผลิตงานศิลปะและรับทำป้ายโฆษณา ทำให้พบเห็นว่ามักจะมีเศษวัสดุที่เกี่ยวกับการทำป้ายเหลืออยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะแผ่นอะคริลิกกับแผ่นไม้ จึงเกิดความคิดว่าน่าจะนำมาทดลองประดิษฐ์ขึ้นเป็นชิ้นงานได้ โดยเริ่มทำมาเรื่อย ๆ และทดลองนำไปฝากขายตามร้านขายงานฝีมือที่รู้จัก ปรากฏว่าได้รับการตอบรับ จึงพยายามหาไอเดียเพิ่มขึ้น จนไปสะดุดกับงานจากวัสดุแผ่นเสียงหรือที่เรียกกันว่าแผ่นไวนิลเก่าที่ใช้งาน ไม่ได้แล้ว จนกลายเป็นชิ้นงานอย่างที่เห็นในปัจจุบัน


“บังเอิญไปเจองานที่เขาเอาแผ่นเสียงตั้งโชว์เป็นนาฬิกา แต่ไม่มีลวดลายอะไรเลย เราก็ลองไปหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต จากนั้นก็ลองนำมาดัดแปลงทำในสไตล์เราขึ้นมา ลายส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวก็จะเป็นสัญลักษณ์ที่ชาวต่างประเทศ รู้จักและจดจำได้ถึงความเป็นเมืองไทย นอกจากนั้นก็มีงานที่เป็นรูปศิลปินเพลงต่างประเทศที่เราชื่นชอบหรือเป็นวง ตำนานเก่าแก่ ปรากฏว่าลูกค้าชอบมาก จึงทำมาเรื่อย ๆ” อนันต์กล่าว

เขาเล่าอีกว่า ลูกค้ารู้จักชิ้นงานในชื่อ “นาฬิกาแผ่นเสียงฉลุ” หรือหากเป็นชาวต่างประเทศจะเรียกชิ้นงานว่าเป็น รีไวนิล-วอลล์คล็อก (Revinyl-Wallclock) ที่ผลิตอยู่มีหลายแบบ และพยายามออกแบบลายใหม่เรื่อย ๆ เพื่อให้ลูกค้าเลือก นอกจากชิ้นงานสำเร็จรูปแล้วยังสามารถสั่งทำเป็นภาพตัวเองหรือคนอื่น หรือสั่งให้ใส่ชื่อหรือข้อความได้ด้วย

ช่องทางการจำหน่ายนั้น ปัจจุบันจำหน่ายทางอินเทอร์เน็ต คือที่ www.etsy.com/shop/Anantalo ซึ่งเป็นเว็บไซต์จำหน่ายสินค้างานฝีมือ และเฟซบุ๊กชื่อ www.facebook.com/anantalo ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และถือว่าลดความเสี่ยงจากการลงทุนเปิดหน้าร้าน และก็มีบ้างบางครั้งที่นำงานไปจำหน่ายตามงานแสดงสินค้างานฝีมือ

’จุดเด่นของงานคือ เน้นลวดลายที่ออกแบบในสไตล์ของเราเอง ซึ่งสำหรับคนที่คิดจะทำงานฝีมือประเภทงานศิลป์ประดิษฐ์นี้ ความมีเอกลักษณ์ การมีสไตล์ของตัวเองที่ชัดเจน ถือว่าสำคัญมาก เพราะจะทำให้ลูกค้าจำงานของเราได้“ เป็นคำแนะนำจากเจ้าของชิ้นงานนาฬิกาแผ่นเสียงฉลุลาย...

ทุนเบื้องต้นอาชีพนี้ ใช้ประมาณ 10,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าสต๊อกวัสดุ ขณะที่ทุนวัตถุดิบหรือวัสดุอยู่ที่ประมาณ 50% จากราคาขาย ซึ่งราคาขายนั้นเริ่มตั้งแต่ชิ้นละ 690 บาท ไปจนถึง 1,500 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่าย วัสดุอุปกรณ์ อาทิ แผ่นเสียงเก่า, เครื่องนาฬิกา, สีสเปรย์สำหรับพ่นตกแต่งลวดลาย, น้ำยาเคลือบเงา และวัสดุตกแต่งอื่น ๆ

ขั้นตอนการทำ เริ่มต้นจากการออกแบบ จากนั้นนำแผ่นเสียงที่เตรียมไว้มาเข้าเครื่องฉลุลายด้วยเลเซอร์ โดยค่าจ้างทำอยู่ที่ประมาณ 150-200 บาท ขึ้นอยู่กับความยากและรายละเอียดชิ้นงานและลวดลาย เมื่อได้ลวดลายที่ต้องการแล้วจึงทำการตกแต่งด้วยการลงสีตามตำแหน่งที่ต้อง การ จากนั้นทำการเคลือบเงา และทำการประกอบเครื่องนาฬิกาที่เตรียมไว้ลงไปในตำแหน่งที่ต้องการหรือตามที่ ได้ออกแบบไว้ เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำงาน

“สำหรับแผ่นเสียงที่อาจมีตำหนิหรือบิดแตกบางส่วนไปบ้าง ก็ไม่เป็นไร เพราะเราสามารถนำมาตัดหรือฉลุแก้ไขตรงส่วนนั้นให้เกิดเป็นลวดลายขึ้นมาได้ ตรงนี้ขึ้นอยู่กับจินตนาการ ส่วนราคาแผ่นเสียงจะไม่แน่นอน แล้วแต่สภาพ แต่หลัก ๆ จะพยายามหลีกเลี่ยงแผ่นเสียงที่นักสะสมนิยมกัน เพราะจะมีราคาแพง” เจ้าของชิ้นงานกล่าว

ก่อนทิ้งท้ายด้วยว่า ผู้สนใจงานแฮนด์เมดควรเริ่มจากการทำสิ่งที่ชอบหรือถนัด เริ่มทำจากน้อย ๆ ไปก่อน และพยายามมองหาช่องทางการขายที่ลงทุนน้อย เช่น การขายในตลาดออนไลน์ ซึ่งถ้าหากพัฒนางานของเราให้มีเอกลักษณ์และน่าสนใจได้ จากนั้นโอกาสก็จะตามมา สำคัญคือต้องอดทน และทำด้วยความรัก
ใครสนใจ ’ช่องทางทำกิน“ จาก ’นาฬิกาแผ่นเสียงฉลุ“ สนใจชิ้นงานประเภทนี้ เข้าไปดูเพิ่มเติมได้ตามที่อยู่เว็บไซต์และในเฟซบุ๊กดังที่ระบุไว้ในตอนต้น หรือต้องการติดต่อกับอนันต์ ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 08-7072-2089 หรืออีเมล anantaloshop@gmail.com
ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ เรื่อง-ภาพ
Credit by..http://www.dailynews.co.th/article/384/168439

Read More...


“ตุ๊กตาร้อยลูกปัด” ผสมงาน...ผสานเงิน *

 ข้อดีของอาชีพทำงานประดิษฐ์คือความไม่ตายตัว เพราะเป็นอาชีพที่คนคิดงาน-คนจัดทำสามารถพลิกแพลงต่อยอดพัฒนาลูกเล่นได้หลาก หลาย ไม่ต้องยึดติดกับรูปแบบคงที่ บางชิ้นงานก็นำ 2 ชนิดงาน หรือ 3 ชนิดงาน มาผสานผสมกันได้อย่างลงตัว จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ เป็นจุดเด่นของสินค้า อย่างเช่นงาน ’ลวดดัด+ลูกปัด“ เป็น ’ตุ๊กตา“...

“อัศนี นุ้ยเครือ” เล่าว่า อาชีพหลักคือรับราชการ แต่ด้วยความที่สนใจงานฝีมือ-งานประดิษฐ์เป็นทุนเดิม จึงมักขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับลูกปัดและงานลวดดัดที่ทำอยู่นี้ เมื่อเริ่มชำนาญขึ้นจึงลองคิดประดิษฐ์ชิ้นงานของตนเองขึ้น โดยอาศัยเวลาว่างจากงานประจำในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ โดยปัจจุบันทำจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ในชื่อ www.siricha.com นอกจากนี้ก็ยังนำไปฝากวางขายที่ตลาดนัดจตุจักร เพื่อหารายได้เสริม


                
แรงบันดาลใจในการคิดประดิษฐ์ชิ้นงานลวดดัดกับลูกปัดจนเกิดเป็นรูปแบบตัว สัตว์ที่หลากหลายนี้ เริ่มจากการที่เห็นว่างานลูกปัดส่วนใหญ่มักเป็นสินค้าประเภทเครื่องประดับ อาทิ สร้อย เข็มกลัด หรือกำไล จึงคิดว่าน่าจะลองทำรูปแบบอื่น ๆ จึงลองทำเป็นรูปสัตว์ขึ้นมา

อัศนีเล่าต่อไปว่า ชิ้นงานที่ทำขึ้น ลูกค้ามักจะเรียกว่า ’ตุ๊กตาสัตว์ร้อยลูกปัด“ แต่ถ้าหากเป็นชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของสินค้าก็มักจะเรียกว่า เป็นชิ้นงานประเภท ’แอนิมอลบีด“ ปัจจุบันชิ้นงานมีหลายแบบ อาทิ แมงมุม, กบ, ปลาทอง, เต่า, นก โดยรูปแบบที่ลูกค้านิยมและชื่นชอบเป็นพิเศษ คือ ตุ๊กตากิ้งก่าลูกปัด โดยเน้นรูปแบบที่คล้ายจริง เน้นสีสัน และลวดลาย ที่เกิดขึ้นจากการร้อยลูกปัดในรูปแบบต่าง ๆ

“จุดเด่นที่ลูกค้าชื่นชอบคือ รายละเอียดและความประณีตของชิ้นงาน โดยลวดลายที่เกิดขึ้น เกิดจากการจัดวางรูปแบบการร้อยลูกปัดให้เกิดเป็นลวดลายหลากหลาย สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เพราะลูกค้ากลุ่มนี้จะสนใจและให้คุณค่ากับงานฝีมือประเภทนี้มากกว่าลูกค้าใน ประเทศ” อัศนีกล่าว

ทุนเบื้องต้นสำหรับการทำงานลักษณะนี้ ใช้ประมาณ 4,500 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าวัตถุดิบและวัสดุ โดยทุนวัตถุดิบ-วัสดุอยู่ที่ประมาณ 30% จากราคาขาย ที่เริ่มตั้งแต่ชิ้นละ 100 บาท ไปจนถึง 1,000 บาท ขึ้นกับขนาดและความยากง่ายของการทำชิ้นงาน ซึ่งวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้หลัก ๆ ก็มี คีมตัดลวด, ลวดสำหรับดัดขึ้นโครง, ลวดเส้นบางสำหรับร้อยลูกปัด, ลูกปัดสี โดยแหล่งซื้อวัสดุคือตลาดสำเพ็ง ซึ่งมีอุปกรณ์งานลวดดัดและงานลูกปัดจำหน่ายหลากหลาย

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากการออกแบบรูปสัตว์ที่จะทำ เมื่อได้รูปสัตว์ที่จะทำแล้วจึงทำการขึ้นโครงร่างด้วยการใช้ลวดดัดขึ้นโครง ร่างเป็นรูปสัตว์ที่ออกแบบไว้ก่อน หากยังไม่ชำนาญแนะนำว่าควรใช้วิธีการวาดลงบนกระดาษเพื่อกำหนดจุดที่จะทำก่อน ที่จะขึ้นชิ้นงาน เพราะหากขึ้นชิ้นงานแล้ว การจะกลับไปแก้ไขรายละเอียดใหม่จะค่อนข้างทำได้ยาก

เมื่อได้โครงลวดที่ดัดเป็นรูปตัวสัตว์แล้ว ก็ทำการเริ่มต้นร้อยลูกปัด โดยนำลูกปัดสีที่เลือกไว้มาร้อยด้วยลวดเส้นบาง การร้อยให้เริ่มจากตรงส่วนหัวก่อน โดยร้อยต่อไปเรื่อย ๆ จนครบหมดทั้งตัว สำหรับลวดลายนั้นขึ้นอยู่กับว่าต้องการลายแบบไหน โดยใช้สีสันจากลูกปัดเป็นตัวเสริมให้ลวดลายดูโดดเด่นขึ้น จากนั้นทำการตกแต่งตามต้องการ เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำ ทั้งนี้ กรณีจะทำเป็นงานตุ๊กตาลูกปัดแบบลอยตัว จะใช้เวลาทำนานกว่า โดยต้องทำการร้อยลูกปัดทั้งตัว

“วิธีการทำมีไม่มาก แต่ค่อนข้างจะต้องใช้เวลาและความอดทนในการทำ ถ้าใครอยากทำงานแบบนี้ ต้องเริ่มการมีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักนำจินตนาการของตัวเองมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้เกิดเป็นชิ้นงานที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง สิ่งสำคัญคือต้องรู้สึกภูมิใจในผลงานของตัวเองด้วย เพราะอาชีพนี้เป็นงานที่ไม่สามารถผลิตได้ทีละมาก ๆ ถ้ารับตรงนี้ได้ ก็ถือว่าพร้อม” เป็นคำแนะนำทิ้งท้ายจากผู้ผลิตชิ้นงานจากลวดดัดผสมงานลูกปัดรายนี้

ใครสนใจ ’ตุ๊กตาสัตว์ร้อยลูกปัด“ คลิกเข้าไปดูรูปแบบชิ้นงานได้ตามที่อยู่เว็บไซต์ที่ระบุไว้ในตอนต้น หรือไปเดินดูได้ที่ตลาดนัดจตุจักร โครงการ 25 ซอย 2/2 หรือถ้าต้องการติดต่ออัศนี ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 0-2410-2188, 08-6093-1130 ซึ่งนี่ก็เป็นอีก ’ช่องทางทำกิน“ ที่เกิดจากการผสานงาน 2 ชนิดเข้าไว้ด้วยกัน จนเกิดเป็นสินค้าที่สะดุดตาลูกค้า.

ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ เรื่อง - ภาพ

cerdit by : http://www.dailynews.co.th/article/384/165735




Read More...


ปลูกแตงไทยเสริมรายได้ ปรับพื้นที่เพิ่มธาตุอาหารดิน *

ปลูกแตงไทยเสริมรายได้ ปรับพื้นที่เพิ่มธาตุอาหารดิน

"แตงไทยแม่เอ๋ย แตงไทยแม่เอย แตงไทยเขาใบใหญ่ๆ ปลูกไว้ในไร่ ให้ธาตุอาหารดิน"

แตงไทย ไม้ผลเถาเลื้อยตระกูลเดียวกันกับฟักแฟง แตงโม ไชโยโห่ฮิ้ว
หรืออีกฉายาหนึ่งว่า "แคนตาลูปเมืองไทย" รสชาติหวาน หอม ออกเย็นชื่นใจ
คนโบราณชอบรับประทานแตงไทยกับน้ำกะทิ แถมใส่ลอดช่องเข้าไปอีก เป็นได้เจริญของหวานแน่
แตงไทย พืชผลไทยๆ มีปลูกกันมาแต่โบราณแล้ว ปัจจุบันเกษตรกรปลูกแตงไทยเป็นแบบรายได้เสริม
ปลูกเพื่อใช้เป็นพืชคลุมดิน หรือขณะที่ปลูกพืชอื่นเป็นพืชหลักในแปลง
สาเหตุที่ไม่ค่อยมีใครปลูกแตงไทยเป็นพืชหลัก ก็เพราะความนิยมบริโภคแตงไทยไม่ค่อยมากนัก
สู้ปลูกแตงโมเก็บผลขายไม่ได้ เกษตรกรนิยมปลูกแตงไทยเป็นพืชเสริมคลุมดินเท่านั้น

หลายๆ คนบอกว่า ปลูกแตงไทยมีปัญหาเรื่องแมลงด้วง หรือแมลงปีกแข็งที่ชอบมาลุยกัดกินใบอ่อน
ทำให้ต้องใช้สารเคมีเข้ามาช่วยป้องกันใบอ่อน
ใครขืนใจบุญปล่อยให้ด้วงแมลงปีกแข็งกัดกินใบอ่อนแตงไทย รับรองไม่มีวันจะได้ผลผลิตแตงไทยชัวร์
และหากใช้สารเคมีเข้ามาช่วยเมื่อใด นั่นก็หมายถึงต้นทุนการผลิตที่มีมากขึ้น
พอถึงคราวเก็บเกี่ยว ผลผลิตคิดคำนวณรายได้แทบไม่คุ้มกับที่ลงทุนไปเลย แม้จะปลูกไว้เป็นพืชคลุมดินก็ตาม

ในรายที่ปลูกแตงไทยเป็นสัดส่วน มุ่งสู่การปลูกเพื่อเก็บผลขายเป็นคราวๆ ไป
ปัญหาก็อยู่ที่แรกเริ่มเมื่อต้นแตงไทยแตกใบอ่อนออกมาเช่นกัน แต่หากรักษาใบอ่อนได้ก็หมดปัญหาไป
หลังเก็บเกี่ยวผลแตงไทยขายไปแล้ว เกษตรกรจะไถต้นแตงไทย ทำเป็นปุ๋ยพืชสดเพิ่มธาตุอาหารในดินได้ดีที่สุด
เช่นเดียวกันกับพืชตระกูลถั่วทั่วๆ ไป

คุณบุญเลื่อน พันธุ์งาม เกษตรกรคนเก่งแห่งบ้าน หมู่ที่ 3 ตำบลจันเสน อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
ก็เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรที่เลือกปลูกแตงไทย เป็นพืชเสริมรายได้ยามพักพื้นที่ทำนา
คุณบุญเลื่อนบอกว่า ปีนี้แล้งมากๆ ทางการให้เกษตรกรพักการทำนาเอาไว้ชั่วคราว
รอให้ฝนฟ้ามาตามฤดูกาลเสียก่อนจึงค่อยปลูกข้าวกันใหม่
ในพื้นที่ตำบลจันเสนแห่งนี้เกษตรกรทำนาปลูกข้าวกันปีละ 2-3 ครั้ง
อาศัยน้ำจากธรรมชาติและแหล่งน้ำจากชลประทาน การทำนาปลูกข้าวผลผลิตและรายได้ค่อนข้างดี

คุณบุญเลื่อน กล่าวอีกว่า เกษตรกรในพื้นที่มีการรวมกลุ่มจัดตั้งเป็น "ศูนย์ข้าวชุมชน" ขึ้นมา
ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นพันธุ์ขยาย ป้อนให้กับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครสวรรค์ และชัยนาท
ส่วนหนึ่งก็จำหน่ายแก่เกษตรกรที่ต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าวไปปลูก และส่วนหนึ่งก็เก็บไว้บริโภคเอง
ข้าวที่ปลูกเป็นข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1

คุณบุญเลื่อน บอกว่า มาปีนี้ทางการให้เลื่อนการทำนาออกไปเพราะน้ำแล้งมาก
เกษตรกรจึงพักนา หันมาปลูกพืชตระกูลถั่วและอื่นๆ บางรายก็ปล่อยที่นาทิ้งไว้เป็นการตากที่นาไปในตัว
เพราะที่ผ่านๆ มาผืนนาแทบจะไม่ได้ว่างจากการทำนาปลูกข้าวเลย
สำหรับตนเลือกที่จะปลูกแตงไทย เพื่อนบ้านหลายรายเลือกปลูกถั่วเขียวผิวมัน

"ในพื้นที่ 5 ไร่ เริ่มจากไถแล้วก็ตากดินให้แห้ง ทิ้งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ จึงไถกลบแล้วยกร่อง
หลังร่องกว้าง 2 เมตร เป็นทางเดินระหว่างกลางประมาณ 1 เมตร"

คุณบุญเลื่อนกล่าวและว่า ขณะไถกลบจะใส่ปุ๋ยอินทรีย์เติมธาตุอาหารให้กับดิน
เป็นการรองพื้นด้วยปุ๋ยเสียก่อนก็ได้ พอดินแห้งดีพร้อมปลูกพืช ก็ตีหลุมเป็นแถวคู่ ระยะห่าง 1.50x1.50 เมตร
ปลูกริมหลังร่อง เว้นช่องกลางเป็นทางเดินเพื่อลากสายยางเข้าไปรดน้ำอย่างทั่วถึงได้
หยอดเมล็ดแตงไทยประมาณ 10 เมล็ด ต่อหลุมปลูก กลบดินพอแน่นแล้วรดน้ำให้ชุ่ม

หลังหยอดเมล็ดประมาณ 5-10 วัน ต้นกล้าจะงอกขึ้นมา รอจนต้นกล้าแตกใบอ่อน 2 ใบ
ใส่ปุ๋ยยูเรียบางๆ ให้ห่างจากต้นพอสมควร ระยะหลังนี้ไม่ต้องใส่ปุ๋ยมาก
ใส่เป็นการกระตุ้นให้ต้นกล้าเร่งแตกใบแตกยอดออกมาเท่านั้น
ช่วงนี้รดน้ำ 2-3 วันครั้ง พอต้นโตขึ้น ค่อยๆ ห่างน้ำได้เลย แตงไทยจะเจริญเติบโต เร็วมาก

ปัญหาช่วงที่ต้นกำลังแตกใบอ่อน พบมากที่สุดก็คือแมลงด้วงปีกแข็งหรือแมงเต่าชนิดต่างๆ จะมารุมกัดกิน
ใบอ่อนพืชตระกูลแตงหรือไม้เถาเลื้อยจะเจอแมงเต่า หรือด้วงปีกแข็งต่างๆ ลงทำลาย

เกษตรกรจะต้องฉีดยาป้องกันเอาไว้ก่อนเลย ตั้งแต่ต้นกล้างอกจากเมล็ด
มิเช่นนั้นใบอ่อนจะถูกกัดกินจนต้นตายในที่สุด ต้องดูแลใบอ่อนไปเรื่อยๆ ฉีดยาคลุม 7-10 วัน ต่อครั้ง
จนกระทั่งต้นแตงไทยโต 1 เดือน ใบเป็นใบแก่หมดแล้วจึงหยุดยาได้

แตงไทยเป็นพืชไม้เลื้อยคลุมหน้าดิน เถาจะทอดยอดเลื้อยไปทั่วแปลง
พออายุ 1 เดือน ต้นจะเริ่มติดดอกติดผลเล็กๆ ช่วงนี้แมงเต่าไม่สนใจ ไม่มารบกวนแล้ว
เกษตรกรควรฉีดฮอร์โมนทางใบ ช่วยให้ต้นสมบูรณ์แข็งแรง ให้ผลผลิตดี มีคุณภาพ
ทางดินใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ผสมยูเรีย อัตราส่วน 1:1 ปุ๋ยยูเรียจะเร่งให้ผลโตเร็ว

คุณบุญเลื่อนกล่าวต่อไปอีกว่า ฮอร์โมนนั้นจะทำใช้เองก็ได้ หรือจะหาซื้อมาใส่ก็สะดวก
ฉีดฮอร์โมน 10 วันครั้ง ประมาณ 3 ครั้ง ก็เก็บผลผลิตได้
ระยะติดผล ใบแตงไทยจะใหญ่เขียวเข้มแสดงว่าต้นสมบูรณ์เต็มที่
แต่หากใบเหลืองแห้ง แสดงว่าต้นแตงไทยขาดธาตุอาหาร ต้องใส่ปุ๋ยและฉีดฮอร์โมนช่วย
ไม่เช่นนั้นจะได้ผลผลิตไม่ดี เสียเวลาปลูกเปล่าๆ

"ปกติแตงไทยใช้เวลา 60 วัน หลังปลูก สามารถเก็บผลผลิตได้แล้ว
แต่ที่ทำอยู่ใช้เวลาเพียง 55 วัน เท่านั้น สามารถเก็บผลผลิตแตงไทยรุ่นแรกได้
ทั้งนี้อาจจะมาจากดินที่ปลูกมีธาตุอาหารสมบูรณ์ ทำให้พืชโตไว เก็บผลผลิตได้เร็วก็เป็นได้"

คุณบุญเลื่อนกล่าวและว่า เก็บผลผลิตชุดแรก รุ่นแรกหรือเรียกกันว่า "ตัดมีดแรก" ไปแล้ว
ก็จะมีผลผลิตรุ่นต่อๆ ไปทยอยให้ตัดอีก ไม่ได้เก็บผลครั้งเดียวหมดทั้งแปลง
มีดแรกตัดได้ 700 กว่ากิโล มีดสองตัดผลได้ 2 ตันกว่า มีดสามได้ 3 ตันกว่า มีดสี่ตัดได้ 2 ตันกว่า
และมีดสุดท้ายมีดที่ห้าได้อีกตันกว่า รวมแล้วปลูกแตงไทย 5 ไร่ ได้ผลผลิตราว 7 ตัน เกือบ 8 ตัน
ส่งขายตันละ 4,000 บาท มีพ่อค้าเข้ามารับซื้อถึงหน้าสวนเลย

หลังจากตัดผลหมด ไถกลบต้นทำเป็นปุ๋ยพืชสดได้เลย พอไถกลบก็ได้เวลาฝนมา เตรียมทำนารุ่นต่อไป
รายได้จากการขายแตงไทยเป็นค่าปุ๋ย ค่ายาและค่าแรงงานในการทำนารุ่นต่อไปสบายๆ

คุณบุญเลื่อนบอกว่า ปลูกแตงไทยไม่ยุ่งยาก ถ้ามีตลาดเข้ามารับซื้อถึงที่ยิ่งสบายใหญ่
แถมทำให้ดินฟื้นจากสภาพเสื่อมโทรม เพิ่มธาตุอาหารในดินได้ดีอีกด้วย
ปัญหาของแตงไทยไม่จุกจิกเหมือนกับปัญหาของแตงโม

คุณบุญเลื่อน แนะนำการดูแตงไทยว่า แตงไทยที่สุกแก่จัดดูที่ผล
ถ้าผลสีแดงเรื่อๆ แสดงว่ายังแก่ไม่เต็มที่ ต้องให้ผลสีแดงทั้งผลจึงจะแก่จัด

เวลารับประทานเลือกผลแก่จัดจะหวาน หอม รสชาติออกหวานเย็นๆ อร่อยมาก
รับประทานกับน้ำกะทิ ใช้น้ำตาลปี๊บผสมกะทิสด ใส่เกลือป่นเล็กน้อยพอรสออกเข้มข้น
ตัดแตงไทยเป็นชิ้นๆ พอคำ ใส่น้ำกะทิ น้ำแข็งป่น จะใส่ลอดช่อง
หรือเผือกหอมต้มตัดเป็นชิ้นพอคำเติมลงไปก็ยังไหว สูตรนี้คนโบราณชอบนักแล

คุณบุญเลื่อนบอกว่า พ่อค้าที่เข้ามารับซื้อ เขามักจะบ่มแก๊สแตงไทยระหว่างขนส่ง
เขาจะเก็บแตงไทยขึ้นไปเรียงบนรถ แล้วเอาแก๊สห่อกระดาษใส่เป็นชั้นๆ
เก็บแตงไทยบ่ายโมงวันนี้ พอบ่ายวันพรุ่งนี้ขายได้ แตงไทยจะสุกเสมอกัน
เขาจะไม่เก็บแตงไทยสุกคาต้นเอาไปขาย ถ้าขายไม่ทันจะเสียหายได้

สำหรับเกษตรกรท่านใดสนใจจะปลูกแตงไทยเสริมพื้นที่ก็ได้ จะปลูกเป็นพืชคลุมดิน ขณะปลูกไม้ผลอื่นๆ ก็ดี
แตงไทยเป็นพืชอายุสั้น ใช้เวลา 2 เดือน ก็เก็บผลผลิตได้แล้ว
พอเก็บผลหมดให้ไถกลบ ต้นแตงไทยจะเป็นปุ๋ยพืชสดดีที่สุด


ข้อมูลโดย มนตรี แสนสุข โทร. (081) 846-7570
คอลัมน์เทคโนโลยีการเกษตร นิตยสาร เทคโนชาวบ้าน
ฉบับวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 22 ฉบับที่ 485
ที่มา : http://info.matichon.co.th
ภาพจาก : http://www.siamxsite.com

Read More...


คอนโด 'หนวดมังกร' ต้นทุนต่ำ กำไรงาม *

ถั่วงอกคอนโด-1

หลายคนมีความชื่นชอบในรสชาติ "ถั่วงอกดิบ" หรือที่ร้านค้าเรียกอย่างหรูว่า "หนวดมังกร"
เพราะว่าได้ทั้งความกรอบอร่อยลิ้น อีกทั้งสารอาหารทั้ง โปรตีน ธาตุเหล็ก โฟเลท แคลเซียม ฟอสฟอรัส แคลอรี เส้นใย วิตามินบี 1 บี 2 และ วิตามินซี ที่ครบถ้วน
แต่ก็มีความเสี่ยงกับสารตกค้างต่างๆ ทั้งสารฟอกขาว สารเร่งลำต้นอวบอิ่ม
และอาจรวมฟอร์มาลิน ซึ่งแช่มาอย่างเต็มคราบ ที่แม้เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงก็ยังสด
ฉะนี้...เพื่อการบริโภค อาหารที่ปลอดภัยได้คุณภาพ "ทำได้ ไม่จน"

จึงนำเทคนิคการเพาะ "ถั่วงอกคอนโด"
ด้วยวิธีง่ายๆ ใช้ ทุนน้อยจาก นางวนิดา ม้าเฉี่ยว เจ้าพนักงานงานเกษตรชำนาญงาน

กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร สำนักงานเกษตรจังหวัดกระบี่ มาฝากแฟนคอลัมน์
นางวนิดา บอกว่า โดยโครงการนี้อยู่ในแผนเศรษฐกิจพอเพียงของสำนักงานเกษตรจังหวัด
ที่ต้องการให้กลุ่มสายใยรักแห่งครอบครัว กลุ่มแม่บ้านวิสาหกิจชุมชนเกษตรกร
ทำไว้บริโภคกันเองภายในครอบครัว โดยการอบรมจะไปตามคลินิกเกษตรเคลื่อนที่
ในพระบรมราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร


ถั่วงอกคอนโด-2

...ขั้นตอนและกรรมวิธีการทำนั้นแสนจะง่าย เริ่มจาก ตัดกระสอบป่าน ให้ เท่ากับ ถังพลาสติกดำ
นำมาเจาะรูที่ก้นถัง และรอบข้างถังขนาด 2-3 มิลลิเมตร เพื่อระบายน้ำออก หรือจะใช้ กระถางดินเผา ก็ได้
เสร็จแล้วนำกระสอบป่านไปแช่น้ำ 4-5 ชั่งโมง คัดเลือก เมล็ดถั่วเขียว ที่เสียและสิ่งเจือปนออกให้หมด
นำไปล้างน้ำให้สะอาด แช่น้ำอุ่น 1-2 ชั่วโมง แช่น้ำธรรมดาต่ออีก 5-6 ชม.
นำมาโรยกระสอบป่านตามความต้องการ แต่อย่าให้เมล็ดถั่วซ้อนกันมาก เสร็จแล้วสเปรย์น้ำตาม
ทำแบบเดียวกัน 3-4 ชั้น โดยชั้นบนสุดใช้ฟองน้ำปิดกันแสง เพื่อให้หนวดมังกรที่ได้มีความขาวและอวบ
รดน้ำทุกๆ 3 ชม./ครั้ง แต่ถ้าไม่มีเวลาจะใช้ถุงพลาสติกใส่น้ำเจาะรูเล็กๆ นำไปวางทับข้างบน
หาภาชนะที่หนักวางทับ เพื่อให้น้ำไหลซึมเรื่อยๆ เพียง 2 วัน จะเริ่มงอก
และถ้าต้องการให้สวยควรปล่อยทิ้งไว้ 3 วัน ...ถ้าจะนำมาประกอบอาหารให้ยกชั้นขึ้นแล้วตัดปลายราก
ใช้มือเขี่ยเบาๆ เพียงเท่านี้ก็จะได้หนวดมังกรที่ขาวอวบ ปลอดสารไว้ "เปิบ" กันภายในครอบครัว
หากมีเหลือมากสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ 5-7 วัน ซึ่งนานกว่าถั่วงอกที่ซื้อตามท้องตลาดทั่วไป
ซึ่งเมล็ดถั่วเขียว 1 กิโลฯ จะเพาะถั่วงอกได้ 7-8 กก. ส่วนกระสอบป่านยังสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ 10-20 ครั้ง

ถั่วงอกคอนโด-3 ถั่วงอกคอนโด-4

 เพื่อการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยได้คุณภาพ ก่อนที่คนไทยเราจะผลิตวัตถุดิบป้อนสู่ครัวโลก ก็ต้องเริ่มจาก "ครัวเรา" ก่อนนอกจากทำไว้เปิบเองแล้ว ใครจะทำขายก็นับว่าเข้าท่า เพราะได้กำไรถึง 70 เปอร์เซ็นต์
 

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-7561-1784, 08-1370-2426 ในวันเวลาที่เหมาะสม.


โดย เพ็ญพิชญา เตียว
21 สิงหาคม 2552
ข้อมูลโดย : http://www.thairath.co.th

Read More...


“VISA & MOM” รองเท้าหนังปลานิล เกิดจากความชอบ ส่งต่อเป็นธุรกิจ *



รองเท้าใช่ว่าทุกคู่จะเหมาะสมกับเท้าเรา ถ้าไม่ดีก็ทิ้งแล้วเลือกใหม่ อย่าพยายามฝืนใส่รองเท้าที่ไม่พอดีกับเท้าเรา เพราะอาจจะทำให้เท้าช้ำได้ คงเหมือนกับชีวิต ที่ต้องหาความพอดี ชีวิตถึงจะมีสุข “เอสเอ็มอี” จึงขอแนะนำรองเท้าที่ทั้งคุณภาพและความสวยงามไม่เป็นรองใคร แต่กลับมีจุดเด่นในเรื่องของหนังที่นำมาผลิต


“VISA & MOM” ร้านรองเท้าที่ต้องตัดเย็บพิเศษ ที่มาพร้อมกับการนำเสนอหนังปลานิลมาช่วยในการผลิต ซึ่งมีความคงทนไม่แพ้หนังทั่วไป แต่กลับมีลวดลายของหนังที่ชัดเจน และเกิดเป็นลวดลายที่กลายเป็นจุดขายให้กับทางร้านได้

คุณวันวิสาข์ โกมารกุล ณ นคร เจ้าของร้าน VISA & MOM ได้บอกเล่าถึงความเป็นมาอย่างยาวนานว่า ตั้งแต่เด็กนั้นเป็นคนที่ชอบสะสมรองเท้า ร้านไหนรองเท้าสวยก็จะรีบซื้อมาไว้ในครอบครอง เมื่อเริ่มมีปริมาณมากขึ้นคุณแม่ก็ได้เอ่ยกับตนว่า “ทำไมอุดหนุนคนอื่นอยู่ได้ ทำไมไม่อุดหนุนตัวเอง” จึงเกิดความคิดที่จะลองผลิตรองเท้าขึ้นเองตั้งแต่ปี 2542 แค่ความคิดชอบสะสมรองเท้า จึงได้เกิดความคิดในการทำรองเท้าเป็นของตัวเอง และเริ่มมีการคิดค้นและปรับปรุงคุณภาพของเครื่องหนังมาโดยตลอด จึงได้ลองนำเอาหนังปลานิลซึ่งในตอนนั้นกำลังได้รับความนิยมเป็นอยากมาก อีกทั้งเป็นสินค้าส่งออก จึงได้ลองนำมาเป็นวัตถุดิบสำหรับหนังทำรองเท้า และกระเป๋า


“รูปแบบของหนังปลานิลจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ ลวดลายของหนังที่เมื่อขอดเกร็ดออก ร่องรอยของเกล็ดจึงกลายเป็นลวดลายของหนังเกิดขึ้น โดยวิธีการคงรูปแบบให้หนังปลานั้นต้องใช้ช่างเฉพาะด้านเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้หนังปลานิลในสต๊อกก็เริ่มเหลือน้อย เนื่องจากช่างในการทำหนังปลานั้นมีจำนวนน้อยลง”


ความเด่นของตัวหนังปลานิล นอกจากลวดลายที่คงสภาพธรรมชาติเดิมไว้ทั้งหมดแล้ว ยังคงมีเนื้อผิวสัมผัสที่นุ่ม ซึ่งเกิดจากการผ่านกระบวนการฟอกสี พร้อมทั้งมีความคงทนที่ไม่แพ้หนังวัว หนังจระเข้ หรือหนังชนิดอื่นๆ ที่นิยมนำมาทำเครื่องหนัง

รองเท้าที่ร้านจะเป็นการสั่งตัดพิเศษเพื่อให้เข้ากับเท้าของผู้สวมใส่มาก ที่สุด เพราะถือว่ารองเท้าคือสิ่งที่สำคัญในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ถ้ารองเท้าสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ไม่พอดีกับเท้า ก็อาจเกิดอาการช้ำหรือเป็นแผลได้ การสวมใส่สบายของลูกค้าจึงเป็นหลักสำคัญในการผลิตรองเท้าแต่ละคู่ขึ้นมา


ในตอนนี้ทางร้านนอกจากผลิตรองเท้าจากหนังปลานิลแล้ว ยังมีสินค้าที่ผลิตจากหนังชนิดอื่น เช่น หนังวัว และไม่ใช่ผลิตเฉพาะรองเท้าเท่านั้น ยังมีกระเป๋าและเครื่องหนังต่างๆ ด้วย ซึ่งกว่า 13 ปีที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่ต่างให้การตอบรับเป็นอย่างดี

นอกจากจะสามารถเลือกซื้อสินค้ของทางร้านจากงานแสดงสินค้าต่างๆ แล้ว ยังสามารถแวะเลือกซื้อได้ทั้ง 7 สาขา ทั้งอาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์ ศูนย์อาหารชั้น 6, อาคารอิตัลไทย ชั้น 2, อัมรินทร์พลาซ่า id 1 zone, อาคาร SME Bank พหลโยธิน, Union Mall ชั้น 3, HomePro สาขาราชพฤกษ์ และตลาดน้ำอัมพวา ลูกค้าสามารถสั่งตัดหรือออกแบบสินค้าได้

หากใครสนใจในหนังปลานิลหรือเครื่องหนังที่ดีไซน์ประณีต ลองแวะเลือกซื้อหรือลองสัมผัสกับเครื่องหนังได้ทุกสาขา หรือโทร.สอบถามได้ที่ 08-6335-2468 ถ้าอยากลองท่องโลกออนไลน์เข้าไปได้ที่ Facebook : Leather Shoes By VISA&MOM รับรองคุณภาพทุกชิ้นงาน…..
cerdit by : http://www.banmuang.co.th/




Read More...


“BK Candle” ธุรกิจเทียนหอม เน้นรูปแบบธรรมชาติ ตีตลาดทั้งไทยและเทศ *


“วันนี้คุณทำบุญแล้วหรือยัง?” คงจะเป็นคำถามที่เหมาะกับวันเข้าพรรษาเป็นอย่างมาก หลายคนได้หยุดยาว แต่มีบางคนที่ยังคงต้องทำงาน ดั่งเช่น “เอสเอ็มอี” ที่เต็มใจทำงาน และหาธุรกิจที่น่าสนใจมานำเสนอ และขอแนะนำธุรกิจที่เข้ากับวันเข้าพรรษาเป็นอย่างดี

“BK Candle” ธุรกิจเทียนหอมที่มาพร้อมกับความพยายามสร้างแนวคิดใหม่ จนกลายเป็นธุรกิจที่ได้รับการตอบรับทั่วพื้นที่ประเทศไทย

คุณสิริกาญจน์ นามประสิทธิ์ ผู้ริเริ่มก่อตั้งธุรกิจ BK Candle ได้บอกเล่าถึงความเป็นมาว่า เดิมทีได้รับราชการเป็นพยาบาล และเป็นช่วงที่ประเทศไทยเกิดวิกฤติฟองสบู่แตก จนต้องมองหารายได้เสริมจากทางอื่น จึงได้ลองเรียนวิธีการทำเทียนหอมจนเกิดความชำนาญ


“ขอเพียงแค่มีรายได้เข้ามาเพิ่มสัก 2-3 พันก็พอ ซึ่งในตอนนั้นจะทำอาชีพเสริมอะไรก็ได้ จึงได้ลองเรียนการทำเทียนหอม ซึ่งคงเป็นความบังเอิญบวกกับความโชคดี เพราะได้ลงเรียนวิชาทำลูกปัด แต่เนื่องจากครูผู้สอนไม่มา เลยต้องมาเรียนทำเทียนหอม”

เมื่อเริ่มลงแรงในการเรียนแล้ว ก็ถึงเวลาต้องโชว์ฝีมือ จึงได้ทดสอบเสนอขายที่สวนจตุจักร ซึ่งในช่วงเวลานั้นเทียนหอมรูปแบบดอกไม้ ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จึงได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี นับได้ว่าเพียงแค่เริ่มขาย ความสำเร็จก็ลอยมาตรงหน้า มีรายการทีวีหลายช่องมาขอสัมภาษณ์มากมาย นับว่าเป็นช่วงที่เทียนหอม BK Candle กำลังรุ่งเรือง ซึ่งออกแบบอะไรมาก็ขายได้เสมอ

ระยะเวลาผ่านไปจนล่วงเลยมา 10 ปี แต่เทียนหอมยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จนต้องมีการพัฒนาทั้งในด้านการตลาด และรูปแบบผลิตภัณฑ์ จากผู้ที่ไม่รู้เรื่องตลาด ก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ โดยในตอนนี้ต้องมองตลาดใหม่ เน้นเปิดกลุ่มลูกค้าใหม่ แม้ตอนนี้จะมีฐานลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศแล้ว แต่คู่แข่งในธุรกิจเทียนหอมก็เริ่มมีการเข้าสู่ตลาดมากขึ้น จึงต้องมองถึงจุดนี้ด้วย


แม้กลุ่มลูกค้าจะหนาแน่น แต่ BK Candle ก็ยังไม่หยุดพัฒนา โดยมีการริเริ่มประดิษฐ์รูปแบบห่อที่สวยงามขึ้น คุณภาพของเทียนหอมต้องพัฒนาตามด้วย จากที่จุดเทียนหอมได้ไม่กี่นาที ก็ต้องหาวิวัฒนาการเข้ามาช่วยในการให้เทียนหอมสามารถจุดไฟได้หลายชั่วโมง

“ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบศึกษาหาความรู้ สิ่งไหนที่มีผลดีต่อธุรกิจจะทดลอง ทดสอบเสมอ ซึ่งกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการก็ต้องลองผิดลองถูกมามากเหมือนกัน”

ใส่ใจทุกความต้องการของลูกค้า ถือว่าเป็นจุดเด่นที่สำคัญที่ทำให้ BK Candle อยู่ในใจของลูกค้าเสมอมา โดยเน้นที่ทุกความต้องการ ในทุกคำสั่งซื้อ และไม่ลืมที่จะตรงต่อเวลา


อนาคตยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัด แต่ธุรกิจเทียนหอมคงไม่มีทางร่วงแน่ หากยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะชอบรูปแบบที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งจะต้องมีการคิดเอาธรรมชาติรอบตัวมาทำเป็นรูปลักษณ์ต่างๆ ซึ่งในต้นปี 56 นี้ เทียนหอมธรรมชาติ 100% จากร้าน BK Candle จะผลิตออกสู่ตลาด โดยคาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้า เหมือนดั่งเช่นที่ผ่านมา

เพียงแค่กล้าคิด กล้าทำ ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลจริงๆ นิยามนี้คงต้องมอบให้กับ BK Candle จนเป็นที่ยอมรับในกลุ่มธุรกิจเทียนหอม และลูกค้าเรื่อยมา หากใครอยากทดลองเรียนวิธีทำเทียนหอม ก็ติดต่อได้ที่ bkcandle@yahoo.com หรือแวะไปเลือกซื้อเทียนหอมที่ตลาดนัดสวนจตุจักร โครงการ 11 ซอย 12/6 ห้อง 160-161 รับประกันความสวยงาม ที่การันตีมานานกว่า 10 ปี
cerdit by : http://www.banmuang.co.th/




Read More...


“โมเดลอาหาร” อาหารปลอม อาหารจำลอง อาหารเหมือนจริง อาหารสำหรับโชว์หน้าร้าน *


อาหารปลอม อาหารจำลอง อาหารเหมือนจริง อาหารสำหรับโชว์หน้าร้าน หรืออาหารตัวอย่าง จนมาเป็นชื่อเรียกแบบทางการว่า “โมเดลอาหาร” คำเหล่านี้ล้วนมีความหมายเดียวกัน นั่นคือ อาหารที่ถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุต่างๆ ที่ไม่ใช่ของจริง แต่สามารถนำมาทดแทน และสร้างให้เหมือนกับอาหารจริงๆ ได้อย่างสวยงาม น่ารับประทาน ซึ่งวัสดุที่ว่านั้นมีหลายอย่างด้วยกัน เช่น ดินญี่ปุ่น ดินไทย เรซิน พลาสติก ยาง กระดาษ และวัสดุธรรมชาติอื่นๆ ที่นำมาประกอบกันจนทำให้สิ่งของนั้นๆ ดูสมจริงยิ่งขึ้น


เกริ่นนำนิยามความหมายไปซะเยอะขนาดนี้ ถ้าไม่พูดถึงเรื่องราวของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโมเดลอาหารก็คงกระไรอยู่ วันนี้เราจึงได้มีโอกาสมาพูดคุยกับ “คุณสุภาพ นาคพงศ์พันธ์” หรือที่รู้จักกันในนาม “ไมค์ โมเดลอาหาร” เจ้าของไอเดีย และกิจการร้านโมเดลอาหาร ที่เชื่อว่าบางคนอาจจะคุ้นหูคุ้นตา เพราะเคยเห็นชื่อโชว์หราในรายการทีวี และสื่อต่างๆ กันมาบ้างแล้ว แต่กระนั้นก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จัก และไม่คุ้นเคยกับธุรกิจที่ว่า เพราะฉะนั้นเราจึงไม่รอช้า ที่จะพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับธุรกิจโมเดลอาหาร และร่วมพูดคุยกับเขาท่ามกลางอาหารนานาชนิดที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาให้เหมือน จริง ในโรงงานโมเดลอาหารของเขากันเลยดีกว่า


คุณไมค์ เล่าให้ฟังว่า แรกเริ่มก่อนที่จะมาทำธุรกิจโมเดลอาหาร เขาเคยทำดอกไม้ประดิษฐ์มาก่อน และได้มีโอกาสไปดูงานที่ต่างประเทศบ่อยมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นต้นแบบของการทำโมเดลอาหาร และเป็นไอเดียสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เขาหันมาทำธุรกิจโมเดลอาหารในเวลาต่อมา


“ครั้งแรกที่เห็นโมเดลอาหารเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ดูแล้วน่าสนใจ ว่าเขาทำกันได้อย่างไร ทำไมดูสวย และน่ากินขนาดนั้น และต่อมาไม่นานโชคหรือดวงก็ไม่รู้ที่นำพามาให้เจอแหล่งผลิตที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตอนนั้นได้รับเกียรติให้ไปแสดงสินค้าที่ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงปี 2001 แต่ตอนนั้นไปแสดงสินค้าอย่างอื่น คือ พวกดอกไม้ปั้นจากดินญี่ปุ่น ที่ทางคณะของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้พาผมและผู้ออกงานท่านอื่นๆ ไปดูงานโอท็อปของที่นั่น เมื่อไปถึงก็พบว่าเขาทำพวกโมเดลอาหาร หรืออาหารปลอมสำหรับโชว์หน้าร้านญี่ปุ่นกันเยอะมาก แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็กลับมาทำงานปั้นดอกไม้ดินญี่ปุ่นของผมต่อไป ตอนนั้นก็ทำอยู่หลายปี จนมีอยู่วันหนึ่งมีเพื่อนผมมาจากประเทศญี่ปุ่น เขาติดต่อมาและถามผมว่า สามารถทำโมเดลอาหารไทยได้มั้ย เพราะคนญี่ปุ่นไม่ถนัดทำอาหารไทย เราจึงคิดว่าเราน่าจะทำได้ เพราะมีความถนัดด้านงานปั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็เลยลองทำ และส่งไปให้เพื่อนที่ญี่ปุ่น ปรากฏว่ามีร้านอาหารสนใจโมเดลอาหารของผม เพราะว่าทำได้เหมือนมากเลยต้องการให้ทำส่งอีก จากนั้นผมก็เลยทำส่งเขามาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งมีความคิดขึ้นมาว่าอยากจะทำโมเดลอาหารให้กับคนไทยบ้าง ก็เลยมาเปิดเว็บไซต์ และมีร้านโมเดลอาหารเป็นของตัวเองอย่างที่เห็นนี่แหละครับ”

อย่างไรก็ดี เมื่อร้านค้าเล็กๆ กลายมาเป็นธุรกิจใหญ่ จนใครหลายๆ คนรู้จัก สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ และระบบการจัดการที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว


“ตอนแรกที่ทำก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นธุรกิจ ที่ใหญ่ขนาดนี้ เพราะตอนแรกเราทำเล่นๆ เป็นงานอดิเรกด้วยซ้ำ แต่หลังจากนั้นเมื่อมีลูกค้าชอบ และได้ออกสื่อ ออกรายการทีวี จนกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น ก็ทำให้เราจริงจังขึ้นมา จนกลายเป็นธุรกิจใหญ่แบบนี้ ซึ่งเราก็ต้องมีการพัฒนางาน และต้องจัดการระบบต่างๆ ให้ดีมากขึ้นตามไปด้วย ทั้งในเรื่องของการแบ่งหน้าที่ในการทำ ไปจนถึงระบบการจัดส่ง ช่องทางการจัดหน่าย หรือการประชาสัมพันธ์ ซึ่งสำหรับการทำงานในนี้ ผมก็จะเป็นคนจัดการทุกอย่างหมด แต่หน้าที่หลักๆ เนี่ยก็จะคอยติดต่อลูกค้า และช่วยคิดแบบให้ อยู่คลุกคลีกับคนงาน ช่วยกันทำ ช่วยกันคอมเม้นท์ว่าแบบนี้ดี ไม่ดียังไง คือเราจะติกันเองก่อนที่ส่งไปถึงมือลูกค้า ถ้าผิดถูกยังไง เราก็จะมานั่งแก้ไขกัน อย่างถ้ามันดูไม่ดี ดูไม่สวย และยังต่างจากแบบอยู่มาก เราก็ต้องแก้ไขก่อนที่จะส่งให้ลูกค้าดูอีกรอบ ซึ่งคนงานที่นี่เราก็จะรับแบบทั่วๆ ไป เรียนจบอะไรมาก็รับหมด ขอเพียงมีความสนใจ และอดทนเป็นพอ ตอนนี้มีคนงานอยู่ประมาณเกือบ 20 คน ก็ถือว่าพอประมาณ ไม่เยอะไม่น้อย ส่วนช่องทางการติดต่อของลูกค้า ส่วนใหญ่ลูกค้าจะดูตามสื่อ แล้วก็ติดต่อมา อย่างตอนนี้เรามีการเผยแพร่ข้อมูลตามอินเตอร์เน็ต ในเว็บไซต์ฟู้ดโมเดลช็อปดอทคอม และจะมีทำโบรชัวร์ แจกไปตามร้านอาหาร โรงพยาบาล เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งด้วย”

ปัจจุบันสินค้าที่ทางร้านโมเดลอาหารรับจัด ทำและจัดส่ง มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นขนมหวาน อาหารชุด อาหารจานเดียว หรือว่าอาหารไทย ไปจนถึงอาหารนานาชาติ ซึ่งคุณไมค์ บอกว่า ในอนาคตธุรกิจนี้จะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะคนไทยมีความเข้าใจในการลงทุนระยะยาวมากขึ้น

“ในอนาคต ธุรกิจแบบนี้จะเป็นที่นิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะมีประโยชน์หลายอย่างแล้ว มันยังช่วยสร้างนิสัยให้คนไทยคิดค้นอะไรใหม่ๆ ได้อีกด้วย เพราะเดิมทีผมมองว่าคนไทยเก่งเรื่องงานฝีมืออยู่แล้ว อย่างเวลาผมไปออกบูธที่ต่างประเทศ ผมมีความรู้สึกว่าการทำงานแบบนี้คนไทยไม่แพ้ใครในโลกแน่ๆ เพียงแต่ว่าเราไม่มีเทคโนโลยีทันสมัยเหมือนจีน หรือญี่ปุ่นเท่านั้นเอง แต่เราก็มีไอเดีย และความละเอียดที่แตกต่างจากที่อื่น เพราะฉะนั้นการลงทุนในธุรกิจนี้ จึงน่าจะไปได้สวย และเติบโตได้ดี เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการหลายราย ได้หันมาให้ความสำคัญกับอาหารที่นำมาโชว์เพื่อเรียกน้ำย่อยให้กับลูกค้ามาก ขึ้น”

ในการทำธุรกิจโมเดลอาหาร ก็เหมือนเป็นงานบริการอย่างหนึ่ง ที่เราจะต้องตามใจลูกค้า หากสินค้าไม่ถูกใจ อาจถูกตีกลับมาได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นต้องพร้อมรับมือ และอย่าเพิ่งท้อไปเสียก่อน หากใครที่สนใจอยากลองริเริ่มธุรกิจแบบนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.08-1815-3755, 0-2477-8666 และ www.foodmodelshop.com หรือจะไปเยี่ยมชมร้านโมเดลอาหาร เพื่อดูตัวอย่างได้ที่ สวนจตุจักร โครงการ 19 ซอย 7/4 เปิดวันพุธ เวลา 9.00-16.00 น. และศุกร์, เสาร์, อาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น.

cerdit by : http://www.banmuang.co.th/




Read More...


นาฬิกาเพ้นท์หน้าปัด…ถักสาย ขายไอเดีย…คิดสร้างสรรค์ *

นาฬิกาข้อมือ เป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งของร่างกาย ยิ่งนาฬิกาที่มีดีไซน์สวย สามารถสร้างแฟชั่นได้อย่างไม่ยากนัก สำหรับคุณๆ สาวๆ ที่ชอบใส่นาฬิกา หรือต้องการหานาฬิกาแฟชั่นที่ไม่เหมือนใคร นาฬิกาแฮนด์เมด เพิ่มมูลค่าด้วยการเปลี่ยนสายนาฬิการูปแบบเดิมๆ เป็นสายถัก และเพ้นท์หน้าปัด จะเป็นนาฬิกาที่ไม่ซ้ำใครเลย แถมยังเก๋…ไม่มีใครเหมือน

เจ้าของนาฬิกาแฟชั่น แฮนด์เมด แบรนด์ “Anaya” นี้คือ คุณพัสตราภรณ์ (เอิน) สุขันธ์ เธอเล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า เริ่มจากพี่สาว คือ “อนันญา สุขันธ์” เจ้าของที่มาของแนวคิดการทำนาฬิกาถักสาย จากที่พี่สาวทำสายนาฬิกาขาด และเกิดความคิดอยากจะลองถักสายนาฬิกาขึ้นมาเอง ซึ่งในตอนนั้นมีสายหนังชามัวอยู่ ก็ลองถักใส่แทนสายนาฬิกาที่ขาด ปรากฏว่าเพื่อนเห็นชื่นชอบ ให้พี่สาวทำให้บ้าง ในตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะทำขาย แต่หลายคนชอบ จากเดิมที่ทำแจกก็เปลี่ยนมาทำขายในกลุ่มเพื่อนก่อน




และคิดเริ่มธุรกิจอย่างจริงจัง ในขณะที่ คุณเอิน ก็เพิ่งเรียนจบ จึงได้หันมาช่วยพี่สาวทำงานตรงนี้ ซึ่งเปิดร้านขายที่แรกที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ ในส่วนของตลาดอินดี้อินทาวน์ เป็นโซนที่ทางห้างเปิดให้กับคนรุ่นใหม่ที่ทำงานฝีมือในรูปแบบที่แปลกใหม่ไม่ เหมือนใคร ได้นำสินค้ามาวางขายในช่วง วันเสาร์-อาทิตย์ กลุ่มลูกค้าที่มาเดินช็อปในส่วนนี้จะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบงานฝีมือ ที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร

วัตถุดิบที่ใช้คือ ตัวนาฬิกา เลือกเป็นนาฬิกาแฟชั่นที่ซื้อมาจากตลาดสำเพ็ง คลองถม นำมาถอดสายออก และใส่สายถักที่ทำขึ้นใหม่ โดยเชือกที่นำมาถักจะเป็นเชือกหนังชามัว การออกแบบสายนาฬิกาถัก จะดูตัวเรือนเป็นหลัก และเลือกสีให้เข้ากันได้กับตัวเรือน โดยเพิ่มในส่วนของตัวกระดิ่งและตัวตุ๊กตาห้อย ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกห้อยตุ๊กตาตามที่ต้องการได้ ในช่วงแรกห้อยลูกปัด แต่เปลี่ยนมาห้อยตุ๊กตา ทำให้ดูดีมีราคามากกว่าห้อยลูกปัด

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่ประดับนาฬิกา อาทิ ถักที่ห้อยโทรศัพท์ หรือทำตามแบบที่ลูกค้าต้องการ แต่ก็มีการลอกเลียนแบบ จึงคิดต่อยอดด้วยการฉีกรูปแบบไปด้วยการเพ้นท์หน้าปัดนาฬิกา เพราะมีความรู้ด้านงานเพ้นท์อยู่บ้าง ซึ่งก็ทำให้สินค้าแตกต่าง และสามารถหนีคู่แข่งขันได้ นอกจากนี้ยังเป็นงานแฮนด์เมดอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่เหมือนใคร

สำหรับราคาของนาฬิกาถักสาย เริ่มต้นที่ 250 บาท ตามความยาวของงาน ส่วนงานเพ้นท์ เริ่มต้นที่ 350 บาท สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างดี จากปกติเรือนละ 100-200 บาท สำหรับลูกค้า “Anaya” ส่วนมากเป็นผู้หญิงวัยรุ่นและวัยทำงาน จึงพัฒนาให้เหมาะสมกับผู้ชายด้วยเช่นกัน
“การทำนาฬิกาถักสาย หรืองานเพ้นท์หน้าปัดนาฬิกา เป็นการนำงานหัตถกรรมมาช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า สร้างจุดขายให้กับตัวสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องไปแข่งขันกับใคร”
cerdit by : http://www.banmuang.co.th/




Read More...


“กระเช้าดอกไม้หอม” สวยๆ หอมๆ ทำเงิน *



“กระเช้าดอกไม้หอม” อีกงานประดิษฐ์ที่เป็นของชำร่วย ของฝาก ของที่ระลึกในโอกาสต่าง ๆ หากฝึกฝนดี ๆ ก็สามารถทำเป็นอาชีพสร้างรายได้ ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลมานำเสนอให้ได้พิจารณากัน...

อรุณี บุนนาค เจ้าของงาน “กระเช้าดอกไม้หอม” เล่าว่า มีอาชีพรับทำและรับสอนการทำกระเช้าดอกไม้หอมนี้มาประมาณ 1 ปี ก่อนหน้าที่จะมายึดอาชีพนี้เธอทำเครื่องเงินกับสามีมาก่อน ต่อมาเศรษฐกิจไม่ดีจึงเลิก และขยับขยายตัวเองมาทำอย่างอื่น ช่วงที่ว่างก็ไปเรียนฝึกอาชีพกับหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่เปิดสอน อาทิ พับเหรียญบุญ ดอกไม้ผ้าใยบัว ฯลฯ ส่วนกระเช้าดอกไม้หอมนี้เธอไปเรียนมาจากผู้สูงอายุอีกทีหนึ่ง แล้วมาประยุกต์เป็นแบบฉบับของตัวเอง

วัสดุที่ใช้ทำกระเช้าดอกไม้หอม หลัก ๆ ก็มี สบู่หอม (ขนาดยาว 7 ซม. กว้าง 4 ซม.) เลือกแบบที่มีแอ่งตรงกลาง, ริบบิ้นผ้า 1 ม้วน, หมุดเล็ก 46 ตัว, หมุดเย็บผ้า 24 ตัว, กระดาษย่นเขียว ขนาด 7x7 ซม., กระดาษย่นพันก้าน, โฟมขนาด 3x4.5x1 ซม., กระดาษแข็งขนาด 3x4.5 ซม. (ตัดเป็นรูปวงรี), ลวดทำดอกไม้ เบอร์ 20 จำนวน 2 เส้น, กาว, ดอกไม้ประดิษฐ์ ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้นั้น  ก็มีกรรไกรอย่างเดียว

เจ้าของงาน “กระเช้าดอกไม้หอม” รายนี้อธิบายว่า “สบู่” จะเปรียบเสมือน “ตัวกระเช้า” ทั้งหมด แต่วิธีการที่จะอธิบายต่อไป คือการตกแต่งกระเช้าให้ดูสวยงามเริ่มที่ การตั้งฐานเข็มหมุดเพื่อโยงริบบิ้นห่อสบู่  วิธีทำคือ นำกระดาษแข็งที่ตัดเป็นรูปวงรีไปวางไว้ที่บริเวณแอ่งของก้อนสบู่ ปักหมุดเล็กลงบนกระดาษแข็ง หัว-ท้าย ด้านแนวนอน ฝั่งละ 1 ตัว และปักหมุดเย็บผ้าไว้ตรงกลางอีก 2 ตัว เสร็จแล้วปักหมุดเล็ก 20 ตัว ลงบนเนื้อสบู่ให้รอบกระดาษ (ปักให้ลึกประมาณ  1 ซม.)  โดยแบ่งช่องไฟช่องละ 0.5 ซม.  เสร็จแล้วดึงกระดาษแข็ง หมุดเล็ก และหมุดเย็บผ้าออกมา   
ทำแบบเดียวกันนี้บนสบู่อีกด้านหนึ่งเสร็จแล้วให้พับริบบิ้นผ้า เพื่อห่อสบู่ ด้วยการเอาหมุดเล็กปักปลายริบบิ้นผ้า แล้วไปจิ้มที่บริเวณกลางแอ่งสบู่ (จะเรียกว่าเป็นด้านบน) ดึงริบบิ้นผ้าลงมาพันรอบหมุดเล็กที่อยู่ด้านล่าง เสร็จแล้วดึงริบบิ้นผ้าขึ้นไปพันหมุดเล็กที่อยู่ด้านบน พันอ้อมไปอ้อมมาแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนครบรอบสบู่  
ขั้นตอนถัดไปคือ การตกแต่งสบู่ เริ่มต้นด้วยการปักหมุดเย็บผ้า 24 ตัว ด้านข้างสบู่ให้รอบ กะช่องไฟให้ดูสวยงาม เสร็จแล้วให้ พันริบบิ้นผ้ารอบหมุดเย็บผ้า วิธีทำ ให้เอาหมุดเย็บผ้าปักปลายริบบิ้นผ้า แล้วไปปักแทรกตรงกลางของช่องว่างหมุดเย็บผ้า (ตรงไหนก็ได้) เสร็จแล้วพันริบบิ้นผ้ารอบหมุดเย็บผ้าตัวที่ปักลงไปก่อน แล้วพันรอบหมุดเย็บผ้าตัวถัดไป ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนครบรอบ พันโดยทำแบบเดียวกันนี้อีก 2 รอบ จะได้ลายกระเช้า 3 ชั้นจากนั้นก็ทำแบบนี้อีก แต่ให้ไปพันรอบหมุดเล็กที่ปักไว้ทั้งด้านบนและด้านล่างของสบู่
โดยพันด้านละ 3 รอบเช่นกัน

ขั้นตอนต่อไปคือ การทำหูกระเช้าดอกไม้ เตรียมลวดดอกไม้ 2 เส้น เริ่มด้วยพันกระดาษย่นบนลวดเส้นแรกก่อน โดยพันกระดาษย่นขึ้นไป 3 นิ้ว  แล้วนำลวดอีกเส้นมาประกบ  แล้วพันกระดาษย่นต่อให้ลวดทั้ง 2 เส้นติดกัน พันไปเรื่อย ๆ จนลวดเส้นที่ 2 เหลือที่ว่าง 3 นิ้ว เสร็จแล้วแยกลวดออกไป แล้วพันกระดาษย่นบนลวดเส้นที่ 1 ต่อไปจนสุด นำหูกระเช้าไปเกี่ยวติดกับก้อนสบู่  โดยให้ขาของหูกระเช้าทั้ง 2 ขา  เกี่ยวกับหมุดเย็บผ้าด้านซ้ายและด้านขวาของสบู่ พับเก็บด้วยการหมุนให้ขาลวดทั้ง 2 ขาคล้องกัน ทำแบบนี้ทั้ง 2 ด้าน

ตัดโฟมที่เตรียมไว้ให้เป็นรูปวงรี เสร็จแล้วใช้กระดาษย่นขนาด 7x7 ซม. ห่อโฟมให้เรียบร้อย ทากาวแล้วนำไปแปะบนแอ่งสบู่ เสร็จแล้วตกแต่งด้วยดอกไม้ประดิษฐ์ให้เรียบร้อยสวยงาม เป็นอันเสร็จขั้นตอน

กระเช้าดอกไม้หอมนี้ ขายได้ในราคากระเช้าละ 60 บาทขึ้นไป โดยมีต้นทุนวัสดุกระเช้าละประมาณ 30 บาทขึ้นไป
ใครสนใจ “กระเช้าดอกไม้หอม” ต้องการติดต่อกับ อรุณี บุนนาค ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-4693-1065 ซึ่ง “ช่องทางทำกิน” ลักษณะนี้ หากฝีมือดี ไอเดียดี น่าจะยังสามารถต่อยอดทำเงินได้อีกนาน.
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล รายงาน
cerdit by : http://www.dailynews.co.th/article/384/164555




Read More...


‘เก้าอี้แฮนด์เมด’ สไตล์วินเทจทำมือทำเงิน



งานแฮนด์เมด และออกแนววินเทจ ที่ให้กลิ่นอายของเก่า เป็นสินค้าที่ยังอยู่ในกระแสนิยม อย่าง ’เก้าอี้แฮนด์เมด“ ที่เป็นงานที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยมือทุกขั้นตอน เป็นเก้าอี้ที่มีเบาะนั่งเป็นฟองน้ำ หุ้มด้วยผ้าลายดอกไม้ ออกแนววินเทจ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นงานที่ทำรายได้ให้กับเจ้าของผลงานได้อย่างดี ซึ่ง ’ช่องทางทำกิน“ ก็มีข้อมูลมาให้ลองพิจารณา...



         จันทร์-วรรณจันทร์ พิพัฒน์ศิริศักดิ์ เจ้าของผลงาน “เก้าอี้แฮนด์เมด” เล่าว่า เริ่มต้นอาชีพการงานด้วยการเป็นพนักงานประจำด้านกราฟิกดีไซน์ ออกแบบสิ่งพิมพ์ แต่หลังจากที่ทำงานประจำอยู่ได้พักหนึ่งก็เริ่มรู้สึกเบื่อ ๆ จึงตัดสินใจที่จะออกจากงานประจำ แต่ก็ยังรับงานออกแบบสิ่งพิมพ์อยู่ โดยรับเป็นงาน ๆ ไป ทำเป็นฟรีแลนซ์ และเริ่มมองหาอาชีพอื่นทำเสริมควบคู่ไปด้วย แต่ตอนแรกก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร
  
พอดีมีอยู่วันหนึ่งมีคนมาชวนไปขายของที่หัวหิน ซึ่งช่วงนั้นตลาดที่นั่นเขาให้ไปขายฟรีไม่เสียค่าเช่าที่ ก็เลยลองไปขายดู แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะขายอะไร เพราะยังไม่มีสินค้าเป็นของตัวเอง ในที่สุดครั้งนั้นก็เอาต้นโฮย่าไปขาย ก็พอขายได้ จากนั้นก็เริ่มขายของเรื่อยมา ขายแบบซื้อมาขายไป ยังไม่มีสินค้าที่เป็นของตัวเองที่โดดเด่นจริง ๆ ซึ่งก็พยายามสร้างสรรค์สินค้าของตัวเองขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นกรอบรูป ตุ้มหู ที่เป็นงานแฮนด์เมด แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเท่าที่ควร
  
จนในที่สุดได้เห็นแม่นำเก้าอี้ที่บ้านที่เบาะขาดมาซ่อม นำเอาผ้ามาหุ้มเบาะเก้าอี้ตัวนั้น จึงเกิดความคิดและไอเดียที่จะทำเก้าอี้ที่เบาะหุ้มด้วยผ้าที่มีลวดลายออกแนว วินเทจ คิดว่าน่าจะลองทำจำหน่ายดู หลังจากที่เกิดความคิดแล้วก็ลงมือทำทันที โดยช่วยกันกับแฟน คิดออกแบบและผลิตออกมาจำหน่าย ลองผิดลองถูกอยู่ไม่นาน ประมาณ 1-2 วัน ก็สามารถทำเก้าอี้อย่างที่ตัวเองต้องการออกมาได้สำเร็จ
  
เมื่อทำได้สำเร็จก็ทดลองผลิตเก้าอี้ออกมาสู่ท้องตลาดครั้งแรก 5 ตัวก่อน เป็นการทดสอบตลาด ซึ่งหลังจากที่นำออกไปวางขาย ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็ขายหมด แถมยังมีคนมาถามหาซื้ออีก จึงทำให้เป็นการจุดประกายที่จะทำ “เก้าอี้แฮนด์เมด” แบบนี้ออกมาขายอีก และก็พัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ สวยงาม และคงทนมากขึ้น อีกทั้งมีการออกแบบให้มีความหลากหลายมากขึ้นด้วย ซึ่งเก้าอี้แฮนด์เมดนี้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
  
ตอนนี้เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ก็ได้แตกไลน์สินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้นอีก มีทั้งหมอนอิง เบาะรองนั่ง กระเป๋าใส่เหรียญ รองเท้าเด็ก ฯลฯ ไว้ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อมากขึ้น...
  
“สินค้าทุกชิ้น เราคิด ออกแบบ และทำกันเองกับมือทั้งหมด เพราะฉะนั้นชิ้นงานที่ทำออกมาแต่ละสัปดาห์จะได้ไม่เยอะ เพราะทำมือทุกขั้นตอน เราทำเองเราสามารถควบคุมคุณภาพสินค้าของเราได้ดี” จันทร์กล่าว
  
วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทำ “เก้าอี้แฮนด์เมด” หลัก ๆ มีดังนี้คือ... ไม้สน, ฟองน้ำอัด, ผ้าคอตตอน, เลื่อยจิ๊กซอว์ (เลื่อยฉลุไฟฟ้า), ตัวยิงแม็ก, กาวลาเท็กซ์, ไม้อัด และเครื่องมือช่างต่าง ๆ อีกบางส่วน
  
ผ้าคอตตอนที่ใช้เป็นผ้าคอตตอน 100% อย่างดี ซึ่งนอกจากเนื้อผ้าจะดีแล้วก็ยังมีลวดลายที่สวย ๆ ให้เลือกใช้เยอะ ซึ่งจะเน้นใช้ลายผ้าที่เป็นลายดอกไม้ต่าง ๆ ส่วนเบาะก็จะเลือกใช้เบาะเกรดเอ เป็นฟองน้ำอัด (เป็นเบาะที่ใช้ทำที่นอนอย่างดี มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน)
  
ขั้นตอนการทำ... เริ่มจากการออกแบบทรงขาเก้าอี้ที่ต้องการก่อน เมื่อได้ทรงขาเก้าอี้ตามที่ต้องการ เมื่อได้แบบแล้ว ก็ตัดเป็นแพทเทิร์นออกมา นำแพทเทิร์นวาดบนกระดาษแข็ง วาดแล้วตัดกระดาษแข็งตามแบบ จากนั้นนำกระดาษแข็งที่ตัดแล้วไปวางทาบลงบนไม้สน วาดตามแบบลงบนไม้แล้วใช้เลื่อยฉลุไฟฟ้าตัดตามแบบ โดยขาเก้าอี้ 1 ขา จะต้องตัดแบบ 2 ชิ้น ดังนั้น ขาเก้าอี้ 4 ขา ก็ต้องตัดแบบ 8 ชิ้น
  
หลังจากที่ได้ขาเก้าอี้ที่ตัดออกมาแล้ว ให้นำแบบไม้ 2 ชิ้นมาประกบทำมุมฉากกัน ใช้กาวลาเท็กซ์ติดยึดก่อน พอกาวแห้งก็ใช้ตะปูเข็มตอกยึดอีกทีเพื่อให้แน่นหนา ทำแบบเดียวกับอีก 3 ขา เท่านี้ก็จะได้ขาเก้าอี้มาเตรียมไว้
  
จากนั้นก็นำไม้สน 4 ท่อน มายึดติดกับขาเก้าอี้ทั้ง 4 ขาที่ทำเตรียมไว้ ยึดด้วยตะปูให้แน่น ใช้กระดาษทรายขัดให้เรียบ แล้วทาแล็กเกอร์ รอให้แห้งสนิท ก็จะได้เป็นตัวเก้าอี้ไม้เตรียมรอไว้
  
ขั้นตอนต่อไปเป็นการทำเบาะนั่ง ตัดไม้อัดให้พอดีกับขนาดของเก้าอี้ที่เตรียมไว้ โดยใช้ไม้อัดหนาประมาณ 10 มิลลิเมตร จากนั้นนำฟองน้ำอัด หนาประมาณ 1 นิ้ว ตัดให้พอดีกับไม้อัด มาวางลงบนแผ่นไม้อัด เลือกลายผ้าที่ต้องการมาหุ้มลงบนฟองน้ำกับไม้อัด ดึงผ้าให้ตึง ใช้ตัวยิงแม็กยิงยึดให้แน่น (ผ้าที่ขึงจะต้องตึง มิฉะนั้นเบาะจะไม่สวย)

เมื่อได้เบาะนั่งแล้ว ก็นำเบาะนั่งนี้ไปประกอบติดกับตัวเก้าอี้ที่ทำเตรียมไว้ โดยนำเบาะไปวางด้านบนตัวเก้าอี้ จากนั้นใช้นอตยึดติดให้แน่น เท่านี้ก็จะได้ “เก้าอี้แฮนด์เมด” แนววินเทจ พร้อมจำหน่าย เก้าอี้แฮนด์เมดผลงานของจันทร์ มีขนาดสูง 30 เซนติเมตร เบาะนั่งกว้างขนาด 25x25 เซนติเมตร ตั้งราคาขายอยู่ที่ตัวละ 380 บาท ถ้าลูกค้าสั่งทำในขนาดที่ใหญ่ขึ้น ราคาก็จะสูงขึ้นตามขนาดของเก้าอี้ที่ทำออกมา

ใครสนใจ ’เก้าอี้แฮนด์เมด“ ที่ว่ามานี้ มีร้านขายอยู่ที่ตลาดซิเคด้า หัวหิน ขายทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 17.00-23.00 น. และที่ตลาดนัดรถไฟ โกดัง 3 ล็อก L4 วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 17.00-24.00 น. หรือเข้าไปดูได้ใน www.facebook.com/ทำกะมือ-tamgamue ส่วนเบอร์โทรศัพท์ติดต่อเจ้าของ ’ช่องทางทำกิน“  รายนี้คือ โทร. 08-1906-6676, 08-0051-0588.     

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์

.........................................

คู่มือลงทุน...เก้าอี้แฮนด์เมด

ทุนเบื้องต้น     ประมาณ 5,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัสดุ    ประมาณ 60% ของราคา
รายได้    ราคาขายตัวละ 380 บาท
แรงงาน    1 คนขึ้นไป
ตลาด    ตลาดนัด, แหล่งท่องเที่ยว
จุดน่าสนใจ    จุดขายคือแฮนด์เมดแนววินเทจ         



Read More...


“ช่างเลี่ยมพระ” ถ้าทำดีจะมีงานตลอด

“ช่างเลี่ยมพระ” ถือเป็นหนึ่งในอาชีพที่ไม่ต้องกังวลกับสภาพดินฟ้าอากาศ และมีลูกค้าเข้ามาอย่างไม่ขาดสายโดยไม่ต้องดิ้นรนออกไปหาลูกค้า แต่ก็ต้องอาศัยใจรัก มีทักษะฝีมือและความอดทนมากพอสมควร ดังเช่น นายประพันธ์ ตันเจริญ หรือ “ช่างมีน” วัย 26 ปี ช่างเลี่ยมพระพลาสติกประจำร้าน ป.เจริญศิลป์ (แป๊ะ) สนามพระวัดราชนัดดา กรุงเทพฯ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการประกอบอาชีพนี้ว่า พ่อผมชื่อ นายธนกร ตันเจริญ หรือ “ช่างแป๊ะ” มีอาชีพเป็นช่างเลี่ยมพระกรอบพลาสติกและเปิดร้านรับใส่กรอบพระทั้งกรอบ พลาสติก กรอบสเตนเลส กรอบลาย กรอบไมครอนเงินและทอง จำหน่ายเศียรทุกชนิด รูปปั้นพระ หลอดตะกรุด สร้อยคอ รับสั่งทำล็อกเกต ปั๊มเหรียญและแม่พิมพ์พระต่าง ๆ จึงได้มีโอกาสเห็นพ่อนั่งเลี่ยมพระกรอบพลาสติกมาตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้รู้สึกชื่นชอบงานด้านนี้ไปด้วยโดยเฉพาะเมื่อลูกค้าชมพ่อว่าเลี่ยมพระ ได้สวยงามก็อดภูมิใจลึก ๆ แทนพ่อไม่ได้


 

ครั้น “ช่างมีน” เรียนจบปวช.สาขาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคจุฬาภรณ์ (ลาดขวาง) จ.ฉะเชิงเทราและไปทำงานด้านช่างยนต์มาระยะหนึ่ง แต่ก็เปลี่ยนใจหันมาประกอบอาชีพช่างเลี่ยมพระกรอบพลาสติกโดยได้รับการถ่าย ทอดวิชาเลี่ยมพระจากพ่อในช่วงปลายปีพ.ศ. 2549 เนื่องจากมีใจรักงานด้านนี้และต้องการสืบทอดกิจการของพ่อ

การเลี่ยมพระใส่กรอบเป็นงานพิถีพิถัน เริ่มแรกต้องทำแบบพิมพ์ก่อน และทำพลาสติกไส้กลาง หลังจากนั้นก็ทำกรอบพลาสติกด้านหน้าและด้านหลัง จากนั้นก็นำพระมาเข้าไว้ในพลาสติกไส้กลางแล้วนำมาประกบกันและฉีดน้ำยาเข้าไป โดยต้องไม่ให้ถูกเนื้อพระ และขั้นตอนสุดท้ายเจียขอบพระที่เลี่ยมพลาสติกให้ได้รูปตามที่ต้องการและตะไบ หูให้สวยงาม ซึ่งหากเป็นเซียนพระนิยมให้ทำเป็นหูกลม

อย่างไรก็ตาม “ช่างมีน” ยอมรับว่า งานเลี่ยมพระกรอบพลาสติกซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษคือ พระผง เนื่องจากต้องระมัดระวังไม่ให้เนื้อพระแตกบิ่น ซึ่งจากประสบการณ์เลี่ยมพระเจองานชิ้นที่หินสุด ๆเป็นการเลี่ยมพระของขวัญวัดปากน้ำรุ่น 2 เนื่องจากขอบพระบางมาก ๆ โดยเฉลี่ยแต่ละวันจะมีงานเข้ามาอยู่ที่วันละ 7-8 ชิ้น และคิดค่าเลี่ยมอยู่ที่ชิ้นละ 100 บาท แต่หากเป็นพระที่มีขนาดใหญ่ค่าเลี่ยมอยู่ที่ชิ้นละ 150-200 บาท ใช้เวลาเลี่ยม 50 นาที-1 ชั่วโมง หรือฝากพระไว้ให้เลี่ยมก็ใช้เวลา 1-2 วัน และมีรายได้ประมาณเดือนละ 24,000 บาท

“ผมชอบอาชีพนี้เพราะเป็นงานศิลป์และเป็นอาชีพอิสระ ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร ผมเรียนรู้วิชาชีพนี้จากพ่อ หัดงานอัดกรอบพระธรรมดาอยู่กับบ้านนาน 1 ปี จากนั้นจึงฝึกเลี่ยมพระกรอบพลาสติกอีก 1 ปี ฝีมือจึงเข้าที่เข้าทาง ผมพยายามพัฒนาฝีมือและเทคนิคการเลี่ยมพระให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เช่น การนำเอาปืนแก๊ปมาลนพลาสติกไส้กลาง การกดกรอบพลาสติกด้านหน้าและด้านหลังให้โป่งได้รูปก่อนที่จะนำไปอัดเข้ารูป กับพลาสติกไส้กลาง การนำพลาสติกที่เลี่ยมพระมาล้างน้ำ ช่วยให้การเลี่ยมพระกรอบพลาสติกมีความสวยงามและใสมากขึ้น บางครั้งผมก็ใช้วิธีครูพักลักจำจากช่างเลี่ยมพระฝีมือดีคนอื่น ๆ เพื่อให้ได้เทคนิคใหม่ ๆ ที่ทันสมัย” ช่างมีนเล่าถึงการทำงาน

“ช่างมีน” บอกทิ้งท้ายว่า การทำงานนั้นยึดหลัก 2 ข้อคือ “ถ้าทำดีงานจะมีมาตลอด รวมทั้งจะต้องหมั่นขวนขวายหาความรู้จากช่างคนอื่น ๆ และดูว่าวงการพระเครื่องมีการพัฒนาไปถึงไหนเพื่อพัฒนาทักษะฝีมือและเทคนิค การเลี่ยมพระให้มีความสวยงามและเข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ” ซึ่งรู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งเมื่อลูกค้าชมว่าเลี่ยมพระได้สวยงามและเชื่อว่า การที่ลูกค้าได้พระที่เลี่ยมสวย ๆ ไปขึ้นคอ จะช่วยชักนำจิตใจให้ลูกค้าประพฤติตนเป็นคนดีอยู่ในครรลองแห่งศีลธรรม

ทั้งนี้ พบกับ “ช่างมีน” ได้ที่ร้าน ป.เจริญศิลป์ (แป๊ะ) แผงที่ 104-105 วัดราชนัดดาราม ถนนมหาไชย แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-18.00 น. ติดต่อโทร.0-2224-3188, 0-2685-4716, ช่างแป๊ะ โทร. 08-5152-2455, ช่างมีน โทร. 08-4076-4468.
จ๊อบแมน
job_man28@yahoo.co.th
credit by : http://www.dailynews.co.th/article/376/164377




Read More...


ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0










































 
Blogger Tips and TricksLatest Tips And TricksBlogger Tricks
Do it your self,handmade,HandiCraft,งานฝีมือ,อาชีพเสริม,ช่องทางทำเงิน บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.