บทความที่ได้รับความนิยม


Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

เติมเต็มช่องว่าง ให้เป็นผนังสวย...! *

อีก หนึ่งไอเดีย การจัดสวนระเบียงขนาดเล็ก ที่เน้นการตกแต่งผนังให้ดูโดดเด่น จากการจัดเรียงกลุ่มของวัสดุที่หลากหลาย กลายเป็นผนังที่ให้ผิวสัมผัสอันสนุกสนาน น่าจะถูกใจผู้อยู่อาศัยคอนโด ทาวน์เฮาส์ หรือ เจ้าของสวนขนาดเล็ก เป็นแน่แท้ ขั้นตอนการทำไม่ยาก ลองติดตามกันดู...

รายละเอียดพื้นที่


เป็นระเบียงบ้านทาวน์เฮาส์ที่ต่อเพิ่มออกมาจากห้องนอน 

ได้แดดครึ่งวันบ่าย สามารถปลูกไม้ดอก ไม้ใบที่ต้องการแสงแดดรำไร ได้อย่างสบาย

ระเบียงโครงเหล็กรับน้ำหนักได้ไม่มากนัก ไม่ควรวางกระถางที่มีน้ำหนักเยอะ 

ด้านที่ทำผนังเดิมจะโล่ง จึงทำโครงเหล็กและปิดผิวด้วยสมาร์ทบอร์ด เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัว

แนวคิด

การ ออกแบบสวนระเบียงนี้ เราจะเน้นไปที่การสร้างความน่าสนใจให้ผนัง คอนเซปต์คือเป็นผนังบังสายตาจากเพื่อนบ้าน โดยที่นั่งจะอยู่ด้านขวาเมื่อเดินออกจากห้องนอน เวลานั่งสายตาก็จะปะทะกับผนังพอดี เป็นมุมพักสายตาเล็กๆ ยามจิบกาแฟ จึงทำชั้นไม้สองขนาด ให้พอดีกับระยะการมองที่ความสูงจากพื้นราวๆ 1.6 เมตร
ส่วนด้านในช่องว่างใส่วัสดุเป็นเทกซ์เจอร์ให้อัดแน่น ปิดทับด้วยลวดกรงไก่ ลักษณะจะคล้ายกับ “Gabion” ซึ่งปกติจะใช้หิน มีน้ำหนักมาก แต่เรานำมาลดทอนรายละเอียด และเปลี่ยนวัสดุให้มีน้ำหนักเบา เช่น หินฟองน้ำ กระถางดินเผาใบเล็ก และ ท่อนไม้ ใช้เป็นแค่ตัวปิดผิวผนังแทน

วิธีทำ

เตรียมผนัง และ ต่อชั้นไม้

Pic_345575


ติดแผ่นสมาร์ทบอร์ด ใช้วิธีเจาะรู และ ยิงรีเวทติดกับโครงเหล็กกล่อง
ฉาบปูนให้ผนังกลมกลืนกับตัวบ้าน
หลังจากฉาบปูนเสร็จ ก็จะได้ผนังปูนเปลือยที่มีเทกซ์เจอร์ดิบๆ
                                ต่อชั้นไม้ 2 ขนาดด้วยกัน ไว้สำหรับใส่ของประดับ
                                             Dicut และลากเส้นบอกสเกล

Materials
ตัดท่อนไม้จาก เสาไม้ยูคาลิปตัส ออกเป็นท่อนๆ ยาวประมาณท่อนละประมาณ 10 เซนติเมตร
ทุบหินฟองน้ำให้แตกเป็นก้อนเล็ก ขนาดราวๆ ฝ่ามือ
ท่อนไม้ยูคาลิปตัส
ก้อนหินฟองน้ำ
                                               กระถางดินเผาไซส์ 1.5 นิ้ว

ส่วนตกแต่งต่างๆ

ทาสีย้อมไม้ เลือกใช้สีวอลนัท ทาประมาณสองรอบ
ติดตัวแขวนกรอบรูป สำหรับแขวนกับผนัง
ใช้ลวดกรงไก่ปิดด้านหน้า มีแม็กเป็นตัวยึด
เมื่อนำแขวนกับผนังแล้ว จัดเรียงท่อนไม้ตามความต้องการของเราไว้ในช่องว่างของชั้นไม้ ขนาดยาว

ชั้นไม้ที่เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส แบ่งใส่วัสดุสองประเภทสลับกัน           

Check price


งานไม้ทั้งหมดราคา 1,200 บาท

โครงเหล็กทำผนัง 2,000 บาท

แผ่นสมาร์ทบอร์ด หนา 6 มิล 2 แผ่น ราคา 1,000 บาท

ค่าพรรณไม้และของตกแต่ง 800 บาท

ราคาทั้งหมด 5,000 บาท ไม่รวมค่าแรง

รูป Details


ด้านในของชั้นติดผนัง ใส่กระถางดินเผาไซส์เล็กอัดแน่น และ ก้อนหินฟองน้ำ เกิดเป็นเทกซ์เจอร์ที่หลากหลาย สร้างความน่าสนใจให้ผนัง
การจัดเรียงท่อนไม้ จะใช้ไม้ยูคาลิปตัส 3 ขนาดด้วยกัน หั่นเป็นท่อน เพื่อให้วางเรียงได้อย่างสวยงาม
แขวนไม้ดอกล้มลุก อย่าง เจอราเนียมชนิดเลื้อย เติมสีสัน ไม้ชนิดนี้ต้องการ แสงแดดรำไร ต้องการความชื้นในอากาศสูง ชอบอากาศเย็น

ตุ๊กตาแมวเซรามิกน่ารักๆ จาก ร้าน มาลีชูใบ ราคาตัวละ 80 บาท
mood

Tips


ท่อน ไม้ยูคาลิปตัส สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายไม้ก่อสร้าง จะแบ่งขายตามขนาดของหน้าไม้ มีให้เลือกตั้งแต่ หน้า 1.5 - 8 เมตร ความยาวมาตรฐานอยู่ที่ 3 เมตร ราคาก็มีตั้งแต่ 15 – 300 บาท แล้วแต่ความหนาของไม้

หากต้องการให้ไม้ดอกมีสีสันสดใส ควรวางกระถางในบริเวณที่รับแดดครึ่งวัน หรือถ้ารับแดดตลอดทั้งวันจะช่วยให้ดอกมีสีสดยิ่งขึ้น หมั่นรดน้ำสม่ำเสมอ ทุก 1-2 สัปดาห์ ควรใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 จะช่วยให้ต้นสมบูรณ์ยิ่งขึ้น


คอลัมน์  My garden makeover  เรื่อง – ออกแบบ ฐปนา วชิรมาศ ภาพ  อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม ข้อมูลจากนิตยสาร my home .

credit by :  http://www.thairath.co.th/content/life/345575


แนะนำเวบรวมบทความ blog

Read More...


60 ยังแจ๋ว!! เกษียณแล้วยังมีไฟ 'เกษมกิจ โฮเทลส์' อ้าแขนรับ *

เกษมกิจ โฮเทลส์ สวนกระแสตลาดแรงงาน เปิดรับผู้เกษียณอายุจำนวนมาก เข้าร่วมงานกับเครือโรงแรมเกษมกิจ โฮเทลส์ เปิดโอกาสให้ผู้ที่เกษียณอายุแล้วแต่ยังมีไฟอยู่ เข้าร่วมงาน พร้อมให้ความมั่นคง ทั้งสวัสดิการ และรายได้ที่ดี เพื่อรองรับการขยายสาขาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 5 สาขา ภายใน 2 ปีข้างหน้า

 เกษม กิจ โฮเทลส์ ผู้บริหารงานโรงแรมแบรนด์เคป โฮเทล คอลเลคชั่น แคนทารี คอลเลคชั่น และ คามิโอ คอลเลคชั่น ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมในเครือทั้งหมด 17 แห่ง ได้เปิดรับสมัครผู้ที่เกษียณอายุแล้ว ในตำแหน่งบัญชี พ่อครัว ซักรีด ซ่อมบำรุง อาหารเครื่องดื่ม และด้านอื่นๆ เช่น ที่ปรึกษา ในสายงานโรงแรม ทั้งแบบทำงานเต็มเวลา และแบบทำงานบางเวลา ทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายสาขาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 5 สาขา ภายใน 2 ปีข้างหน้า อีกทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานการบริการจากประสบการณ์ ความรู้ ความชำนาญที่สั่งสมมาอย่างยาวนานในกลุ่มผู้เกษียณอายุเหล่านี้ พร้อมให้ความเชื่อมั่นในรายได้ที่มั่นคง และสวัสดิการที่ดี โดยสามารถเห็นได้จากความมั่นคงในการดำเนินงานกว่า 40 ปี และการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ ในหลายปีที่ผ่านมา

Pic_345908




ม.ล.จีริเนตร กิติยากร
ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เกษมกิจ โฮเทลส์ เปิดเผยว่า “ขณะนี้การมีทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพและมีทักษะในงานเฉพาะด้านนั้นมีความ สำคัญมาก โดยทางองค์กรต่างๆมักเน้นการคัดเลือกบุคคลที่มีประสบการณ์ ความรู้ ความชำนาญในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานบริการ และตำแหน่งที่ปรึกษา ทั้งแบบทำงานเต็มเวลา และแบบทำงานบางเวลา ทั้งนี้บริษัทได้ตระหนักถึงศักยภาพของผู้เกษียณอายุแล้ว ซึ่งล้วนได้สั่งสมประสบการณ์ ความรู้ ความชำนาญมาอย่างยาวนานยังสามารถทำประโยชน์ให้แก่สังคมได้อย่างมาก บริษัทเราตระหนักดีว่าในหลายตำแหน่งงาน การเรียนรู้งานในตำแหน่งนั้นๆ เพียง 6 เดือน ไม่สามารถเทียบได้เลยกับประสบการณ์ในการทำงานจริงถึง 20-30 ปี โดยเฉพาะผู้ที่ยังต้องการทำงาน และยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ เราก็ยังให้โอกาสได้ทำงานต่อไปหลังเกษียณอายุ


นอก จากนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกษียณอายุแต่ไม่ชอบอยู่บ้านเฉยๆ ยังต้องการรายได้ที่มั่นคงเพื่อเลี้ยงชีพต่อไป เข้าร่วมงานกับเกษมกิจ โฮเทลส์ เพื่อช่วยถ่ายทอดประสบการณ์ ความรู้ และความชำนาญไปสู่หนุ่มสาววัยทำงานรุ่นหลัง ในขณะเดียวกันผู้อาวุโสเหล่านี้ก็มีโอกาสได้ปรับตัวเข้ากับแนวทางใหม่ๆในการ ทำงานโดยใช้วิทยาการล่าสุดอีกด้วย” สามารถสอบถามรายละเอียดหรือสมัครเพื่อเข้าทำงานกับทางองค์กรได้ที่ฝ่ายพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ บริษัท เกษมกิจ จำกัด โทร 02-233-8989-98 อีเมล์ ‪job@kasemkij.com‬ หรือเว็บไซต์ ‪www.kasemkij.com‬  

เห็นไหมว่า ถ้าหัวใจยังพร้อมจะทำงาน ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็สามารถทั้งนั้น

credit by

แนะนำเวบรวมบทความ blog

Read More...


งานฝีมือไม่ใช่เรื่องยาก...ขอแค่ทำให้จริง *

เพียงแค่เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ใช้เวลาว่างไปเพิ่มพูนทักษะความรู้จากอาชีพอิสระการถักกระเป๋าด้วยเชือกร่ม ระหว่างที่รอรับส่งลูกไปเรียนพิเศษ มาถึงวันนี้พูดได้ว่าสิ่งที่ “นันทิชา ภู่ทอง” ปรารถนาอยากมีกิจการเป็นของตัวเองก็เป็นจริงขึ้นมาแล้ว เพราะไม่เพียงแต่เธอจะเป็นเจ้าของ ร้าน Cro&Knit ที่แบ่งเบาภาระครอบครัวเท่านั้น นันทิชายังรับถ่ายทอดศิลปะการถักให้ผู้สนใจได้ยึดเป็นอาชีพเสริมอีกด้วย

นันทิชา เล่าว่า ในอดีตเคยทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง แต่ก็ถูกเลิกจ้างงานในปี 2549 ซึ่งเป็นช่วงเศรษฐกิจไทยมีปัญหาจากการเมืองในประเทศวุ่นวาย ทำให้เราต้องมองหางานอิสระทำแทน ก่อนจะมาคลิกที่งานถักกระเป๋าด้วยเชือกร่ม เหตุผลหนึ่งมาจากความชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพราะสมัยเด็กเห็นคุณยายถักทุก วันทำให้อยากรู้อยากทำเป็นบ้างพอมีโอกาสจึงไม่ลังเลที่จะไปหัดเรียนการถัก และยึดเป็นอาชีพในที่สุด

กระเป๋าใบแรกที่ทำสำเร็จดีใจมากเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ ทำให้มีกำลังใจและมุมานะเรียนการถักติดต่อเรื่อยมา จนสำเร็จใบแล้วใบเล่า ช่วงแรกมีคนเห็นก็มาขอซื้อไป หรือบางทีเราให้ญาติสนิทเป็นของที่ระลึกบ้างตามประสา ดีใจที่เวลาให้ใครแล้วผู้รับดีใจและชื่นชอบในงานฝีมือของเรา

ช่วงที่ตกงานเป็นห้วงเวลาที่เราล้มลุกคลุกคลานอยู่นานกว่าที่อะไรต่อมิอะไร จะลงตัว แต่ทำให้เราเรียนรู้ว่าความอดทนและความขยันเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างเนื้อ สร้างตัวเลยทีเดียว อย่างร้านขายงานถักกระเป๋าขายและงานถักต่าง ๆ เช่น กิ๊บติดผม ที่คาดผม หมวกถัก เราใช้เวลาพัฒนาการเรื่อย ๆ ครั้งแรกไปขายตามตลาดตอนเช้า และตลาดนัดในย่านต่าง ๆ จนในที่สุดก็มีทุนมาเปิดร้านที่ เดอะ มอลล์ งามวงศ์วาน ซิตี้ วอล์ก ชั้น 6 เน้นงานโครเชต์เป็นหลัก เป็นงานง่าย ๆที่สามารถทำออกมาแล้วใช้งานได้จริง สไตล์สวย เก๋ มีทั้งงานกระเป๋า, หมวก, ผ้าพันคอ, ตุ๊กตา รวมไปถึงงานเดคูพาจ

นอกจากนี้ยังมีการขายไหมพรมและอุปกรณ์เย็บปักถักร้อยต่าง ๆ เช่น เข็มโครเชต์, ไม้นิตติ้ง แบบตรง, แบบโค้ง, บล็อกไม้, เชือกร่ม และหูกระเป๋าแบบต่าง ๆ งานสำเร็จก็มีให้เลือกซื้อ เลือกชมมากมาย หากยังไม่ถูกใจ ลูกค้าสามารถสั่งทำได้ตามต้องการ ที่สำคัญเรายังรับสอนและให้คำแนะนำแก่สมาชิกอย่างเป็นกันเองตลอดเวลา

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

ภูมิใจทุกครั้งที่คนที่เรียนกับเราและเขาทำได้จริง บางคนทำได้ดีจนสามารถเอาไปจำหน่ายต่อยอด เสริมรายได้ให้ครอบครัวได้อีกทาง เหมือนเรามีส่วนร่วมช่วยให้พวกเขาภูมิใจในความสามารถของตนเองมากขึ้น เป็นการสร้างกำลังใจให้เขาไม่ท้อแท้และสิ้นหวัง

“อยากบอกว่างานฝีมือไม่ใช่เรื่องยาก ขอแค่ทำให้จริง ความยากมันก็หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว หลายครั้งที่เกิดปัญหา เราโชคดีมีเพื่อนดี ครูดี ครอบครัวที่ดีเข้าใจ และให้กำลังใจมาตลอด ดังนั้นหากเกิดปัญหาไม่เคยท้อแท้ คิดเสมอว่าวันนี้ไม่ดี พรุ่งนี้ต้องดี และต้องคิดว่าเราทำได้ อดทน อย่าท้อค่ะ”

ท่านที่สนใจต้องการเรียนรู้ศิลปะการถักเพื่อเสริมรายได้ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ร้าน Cro&Knit ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30-20.00 น. หรือโทร. 08-2445-6544.
จ๊อบแมน
job_man28@yahoo.co.th


แนะนำเวบรวมบทความ blog

Read More...


ต้นไม้ให้เช่า บริการน่าสน-เงินสวย *

อาชีพงานประดิษฐ์ และงานบริการ สามารถรวมเป็นธุรกิจหนึ่งเดียวได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยกระตุ้นหรือเพิ่มความน่าสนใจได้แล้ว ก็ยังถือว่าเป็นการต่อยอดทางธุรกิจได้อย่างดี อย่างเช่นธุรกิจ ’ต้นไม้เช่า“ ของ “เสาวลักษณ์ สุขโต” ที่เริ่มต้นจากการผลิตต้นไม้-ดอกไม้ประดิษฐ์ ก่อนจะแตกยอด ’ช่องทางทำกิน“ ขยายเป็นธุรกิจบริการให้เช่าได้อย่างน่าสนใจ...

เสาวลักษณ์ เจ้าของร้าน “ลูกปลา ต้นไม้ประดิษฐ์เช่า” เล่าให้ฟังว่า ได้แรงบันดาลใจในการทำธุรกิจตรงนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ โดยมีโอกาสได้ทำงานนอกเวลาตามโรงแรมต่าง ๆ เกี่ยวกับงานจัดเลี้ยงอยู่เป็นประจำ จึงมองเห็นว่างานจัดเลี้ยงมักจะต้องใช้ต้นไม้และดอกไม้เพื่อประดับประดางาน ให้สวยงาม แต่บางครั้งลูกค้าที่มีงบประมาณจำกัดอาจจะมีเงินทุนไม่มากพอที่จะซื้อต้นไม้ และดอกไม้ประดับเหล่านี้ จึงมองว่าหากเปิดเป็นธุรกิจให้เช่าต้นไม้หรือดอกไม้ประดิษฐ์สำหรับใช้จัด ตกแต่งก็น่าจะยึดทำเป็นอาชีพได้ จึงเปิดร้านและรับงานเรื่อยมา โดยลูกค้าส่วนใหญ่มีตั้งแต่ลูกค้างานแต่งงาน งานจัดเลี้ยงทั่วไป รวมไปถึงงานตกแต่งสถานที่ให้กับบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ซึ่งรับงานได้ตลอดทั้งปี...

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade


“จุดเด่นของร้านเรา อยู่ที่ลูกค้าสามารถเลือกสรรต้นไม้หรือดอกไม้ประดิษฐ์ที่จะใช้ได้หลาก หลายกว่าการต้องซื้อสินค้าแบบขายขาด อีกทั้งต้นไม้และดอกไม้ประดิษฐ์ของที่ร้านก็สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบและขนาด ได้ตลอดเวลา เพราะเป็นสินค้าที่ทางร้านได้ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง ปัจจุบันมีหน้าร้านอยู่ที่ตลาดขายส่งต้นไม้ ใกล้กับตลาด อ.ต.ก. ถนนกำแพงเพชร จตุจักร” เสาวลักษณ์เจ้าของธุรกิจต้นไม้เช่ากล่าว

นอกจากที่ระบุมา เธอยังใช้ช่องทางการติดต่อผ่านเฟซบุ๊ก เป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับให้ลูกค้าติดต่อสอบถามสินค้าและการบริการ ในชื่อ www.facebook.com/lookpla.artificial.tree โดยมีทั้งลูกค้าในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

เสาวลักษณ์แนะนำว่า คนที่คิดจะทำธุรกิจนี้ สิ่งที่ควรมีคือความรู้เรื่องต้นไม้ดอกไม้ เพราะแม้จะเป็นของประดิษฐ์ ของปลอม ทำเลียนแบบ แต่ก็ควรที่จะสามารถให้คำแนะนำเรื่องชนิด สี และรูปแบบของต้นไม้ ให้ลูกค้าได้ด้วย ต่อมาก็คงเป็นเรื่องใจรักการบริการ เพราะเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและความอดทน ซึ่งหากไม่มีใจรักชอบที่จะทำงานด้านนี้ ก็คงจะลำบาก

ทุนเบื้องต้นอาชีพนี้ธุรกิจนี้ เงินลงทุนหากไม่รวมค่าสถานที่หรือค่าเช่าร้าน ส่วนใหญ่จะเป็นค่าผลิตสินค้า คือการทำต้นไม้และดอกไม้ประดิษฐ์เพื่อเก็บสต๊อกไว้สำหรับให้ลูกค้าเลือก ก็อยู่ที่ประมาณ 500,000 บาท ส่วนทุนหมุนเวียน สำหรับร้านของเสาวลักษณ์ จะอยู่ที่ประมาณ 50,000 บาทต่อเดือน เป็นค่าซ่อมแซม ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าจ้างแรงงาน ค่าวัสดุตกแต่ง ขณะที่รายได้นั้น คิดค่าบริการที่ 40% จากราคาขายเต็มของสินค้า โดยเริ่มต้นที่ 1,500 บาทขึ้นไป

ขั้นตอนบริการ เริ่มจากรับทราบความต้องการของลูกค้า ว่าต้องการใช้ต้นไม้หรือดอกไม้ชนิดใด สรุปในเรื่องของสถานที่หรือพื้นที่การจัดตกแต่ง จากนั้นกลับมาเลือกต้นไม้และดอกไม้ประดิษฐ์ที่จะใช้ว่ามีจำนวนเท่าใด ทำการวาดภาพร่างแบบการจัดตกแต่งเพื่อส่งให้ลูกค้าตัดสินใจ เมื่อตกลงหรือได้ข้อสรุปแล้ว ก็นำแบบมาแก้ไขปรับปรุงให้ลงตัวอีกครั้ง

จากนั้นทำการส่งแบบอีกครั้งเพื่อสรุปข้อมูลครั้งสุดท้าย แล้วจึงนำต้นไม้หรือดอกไม้ประดิษฐ์ไปตกแต่งยังสถานที่ที่ลูกค้าต้องการ ตรวจสอบความเรียบร้อยครั้งสุดท้าย ส่งมอบงาน เมื่อเสร็จงานแล้วก็ทำการถอดและย้ายสินค้ากลับ

“รายละเอียดของงานจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของลูกค้า โดยส่วนใหญ่เราจะเผื่อเวลาให้ลูกค้าไว้พอสมควร ทั้งก่อนติดตั้ง และตอนย้ายสินค้ากลับ จุดสำคัญของธุรกิจนี้คือการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความประทับใจให้ลูกค้า ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีก หรือแนะนำร้านให้กับลูกค้าคนอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งเราก็ได้ลูกค้าจากการบอกปากต่อปากค่อนข้างมาก” เป็นคำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจในอาชีพนี้...

ใครสนใจต้นไม้เช่า ต้องการติดต่อเสาวลักษณ์ ก็ติดต่อไปได้ที่ โทร.08-9811-6604, 08-5324-1415 หรือติดต่อทางอีเมล sukto5212@gmail.com ซึ่ง ’ต้นไม้เช่า“ นี่ก็เป็นอีก ’ช่องทางทำกิน“ อีกธุรกิจ ที่ปรับตัวเข้ากับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ได้อย่างน่าสนใจ.
.......................................................
คู่มือลงทุน...ต้นไม้ให้เช่า
ทุนเบื้องต้น ประมาณ 500,000 บาท
ทุนหมุนเวียน ประมาณ 50,000 บาท/เดือน
รายได้ ค่าเช่า 40% จากราคาขาย
แรงงาน 2 คนขึ้นไป
ตลาด งานจัดเลี้ยง, งานอีเวนต์ต่าง ๆ
จุดน่าสนใจ ทำเงินต่อยอดจากต้นไม้ประดิษฐ์
ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ : เรื่อง / พิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์ : ภาพ
Credit by http://www.dailynews.co.th/article/384/203495


แนะนำเวบรวมบทความ blog

Read More...


เผยกลยุทธ์ทำโชห่วยให้รวยยั่งยืน *

ร้านโชห่วยเป็นที่รู้จักคุ้นหูคุ้นตาประชาชนคนไทยเป็นอย่างดี โดยเป็นร้านขายของกิน ของใช้ ที่เป็นปัจจัยพื้นฐานของผู้บริโภคจึงทำให้คนไทยมีความผูกพันกับธุรกิจนี้มา ช้านาน แต่ปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีกลยุทธ์ด้าน การแข่งขันที่ได้เปรียบกว่า ทำให้พฤติกรรมในการจับจ่ายของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ส่งผลให้ร้านโชห่วยจำนวนมากต้องปิดตัวลง บัญญัติ คำนูณวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้าน เซเว่น อีเลฟเว่น อธิบายภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยว่า ปัจจุบันมีอัตราการขยายตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เกิดภาวะแข่งขันที่รุนแรงเช่นเดียวกับในประเทศชั้นนำต่างๆ ทั่วโลก เนื่องจากมาตรการต่างๆ ที่ภาครัฐนำมาใช้ในการเพิ่มกำลังการซื้อให้ผู้บริโภคเพื่อช่วยกระตุ้น เศรษฐกิจ ประกอบกับรูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบาย ธุรกิจค้าปลีกจึงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน


เซ เว่น อีเลฟเว่น จึงปรับเปลี่ยนจุดยืนจากร้านสะดวกซื้อเป็นร้านอิ่มสะดวกขายสินค้าอาหารและ เครื่องดื่มเป็นหลัก ทำให้มีสินค้าแตกต่างไปจากร้านโชห่วยดั้งเดิม ถือว่าเซเว่นฯ และร้านโชห่วยไม่ใช่คู่แข่งกัน ตรงกันข้ามสินค้าของแต่ละฝ่ายต่างเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ทำให้สามารถอยู่ร่วมกันเป็นอย่างดีและในฐานะที่เซเว่นฯ เป็นธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของคนไทยและประสบความสำเร็จในธุรกิจมาตลอด 20 ปี จึงได้ร่วมกับกรมการค้าภายใน สถาบันเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ สมาคมพัฒนาธุรกิจปลีกทุนไทยและหอการค้าจังหวัดระยองจัดสัมมนา ทำโชห่วยให้รวยอย่างยั่งยืน ครั้งที่ 5 ขึ้น เพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับร้านโชห่วยหรือธุรกิจค้าปลีกแบบดั้ง เดิมของคนไทยด้วยกันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อมุ่งหวังมีส่วนร่วมพัฒนาร้านโชห่วยของไทยให้มีศักยภาพเข้มแข็ง มีความสามารถในการแข่งขันและดำรงธุรกิจให้อยู่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป

สำหรับ การทำโชห่วยอย่างไรให้รวยอย่างยั่งยืนนั้น นริศ ธรรมเกื้อกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้บรรยายอย่างน่าสนใจว่า เทคนิคการบริหารจัดการค้าปลีกทันสมัย อันดับแรกคือ ลูกค้า เราต้องเอาลูกค้าเป็นตัวตั้งและออกไปสำรวจความต้องการของลูกค้าว่าลูกค้า ต้องการอะไรและไม่ต้องการอะไร อันดับที่สองคือ ตลาด สำรวจว่าตลาดอยู่ที่ไหน ลูกค้ามีกี่กลุ่มและแต่ละกลุ่มมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร อันดับที่สามคือ การวางแนวทางการดำเนินธุรกิจ ว่าการแข่งขันเป็นอย่างไร สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร และการกำหนดสินค้าและบริการว่าควรเป็นแบบไหนจึงจะเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย อันดับที่สี่คือ ความยึดมั่นของธุรกิจ เช่น ความชัดเจนของธุรกิจที่ทำและความยึดมั่นในแนวคิดแนวทางที่กำหนดไม่วอกแวก

อันดับ ที่ห้าคือ ทำเลหรือช่องทางจัดจำหน่าย ที่เหมาะสมกับแนวคิดของธุรกิจ เช่น ย่านที่มีการค้าเยอะๆ มีผู้คนผ่านมากที่สุด อันดับที่หก คือ การจัดการภายในร้าน ได้แก่ ชั้นวางควรตั้งอยู่ที่ใด สินค้ากลุ่มใดควรอยู่ที่ใด ปริมาณเท่าใด โดยจัดให้เป็นหมวดหมู่เป็นระเบียบเรียบร้อยและการสั่งซื้อสินค้าควรสั่งให้ ตรงกับความต้องการของลูกค้าและมีเพียงพอไม่เสียโอกาส ที่สำคัญคือ ตัด, คัด, สั่ง, เรียง หมายถึงการจัดวางหรือจัดเรียง ถ้าสินค้าไหนลูกค้าไม่ต้องการก็ ตัด ออก และ คัด ไว้แต่สินค้าที่ลูกค้าต้องการควร สั่ง สินค้าให้พอดีรวมทั้งจัด เรียง ให้ถูกต้อง และควรบันทึกการขายเพื่อเก็บข้อมูล
ลำดับสุดท้ายอันดับที่เจ็ด คือ การใช้ข้อมูลกับข้อเท็จจริง โดยการเก็บข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์จริง สถานการณ์จริง ระบุถึงเวลาที่เกิดปริมาณที่เกิดและคุณภาพที่เกิด จากนั้นนำมาวิเคราะห์ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าในครั้ง ต่อไป

นอกจากเทคนิคการบริหารจัดการค้าปลีกแล้ว นริศ ยังให้สูตรการสั่งสินค้าด้วยดังนี้ F+M-I=O โดย F คือ การพยากรณ์ (Forecast) ว่าจะขายดีหรือไม่ดีในอนาคต M คือ จำนวนของในคลัง (Mini mum Stock) เผื่อพอขายได้กี่วันจนกว่าของใหม่จะมาส่ง I คือ รายการสินค้าที่มีอยู่ในร้าน (Inventory) นับจำนวนของในคลังคงเหลือก่อนสั่ง และ O คือ (Order) ยอดสั่งที่ถูกคำนวณแล้ว อย่างไรก็ตามการสร้างเครื่องหมายการค้า (Brand) ก็เป็นสิ่งสำคัญโดยจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อร้านได้ รวมทั้งสามารถให้ลูกค้าต่อรองได้ ถ้าเรามีทั้งหมดนี้จะทำให้ลูกค้าเกิดการซื้อซ้ำและไม่เปลี่ยนไปหาคู่แข่ง อย่างแน่นอน

"การสัมมนาครั้งนี้ได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ ธุรกิจหลายอย่าง จากที่เรารู้แค่ 60-70 เปอร์เซ็นต์ก็ได้เพิ่มมาอีกประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์"

สินีนาฎ และอัญชิสา เพชรพาณิชย์ สองพี่น้องเจ้าของร้านอาหารที่เข้าร่วมงานสัมมนา บอกพร้อมเล่าเพิ่มเติมว่า เดิมทีทำร้านอาหารแต่มีความคิดอยากทำร้านโชห่วยหรือร้านขายของฝากเพิ่มเติม แบบครบวงจร พอทราบข่าวจึงเดินทางมาร่วมสัมมนาด้วย ทำให้ได้ความรู้มากกว่าเดิมเป็น 10 เท่า และความรู้ที่ได้ครั้งนี้นำไปประยุกต์ร้านของตัวเองเพื่อเป็นการดึงดูด ลูกค้า ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาร่วมงานครั้งนี้

ด้าน ธัญญานุช อาจรักษา สาวเจ้าของธุรกิจค้าปลีกรายย่อย บอกถึงวัตถุประสงค์ที่มาร่วมงานสัมมนาว่า อยากได้ไอเดียและแนวความคิดใหม่ๆ ไปพัฒนาร้าน รวมทั้งศึกษาธุรกิจอย่างอื่นที่แตกต่างจากแนวเดิมควบคู่ไปด้วย หลังได้ร่วมสัมมนาแล้วรู้สึกว่าได้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นหลายอย่าง และรู้สึกดีใจที่หน่วยงานต่างๆ ได้ให้ความสำคัญ เพราะนานแล้วที่ไม่มีใครจัดงานในลักษณะนี้ ที่สำคัญไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วย โดยเฉพาะเซเว่นฯ ตนไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่งและรู้สึกดีที่ภาคเอกชนก็มีส่วนร่วมในการขับ เคลื่อนและพัฒนาธุรกิจค้าปลีกของไทยที่มีมายาวนานตั้งแต่รุ่นต่อรุ่น

ธุรกิจ โชห่วยจะไม่มีวันตายถ้าผู้ประกอบการยอมรับความเปลี่ยนแปลงและปรับปรุง ร้านให้ทันสมัยเข้ากับยุคสมัยอยู่ตลอดเวลาจะทำให้มีประสิทธิภาพสามารถแข่ง ขันกับธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป


เปิดตำนานแฟรนไชส์ เซเว่น อีเลฟเว่น สาขาแรกในไทย
บุญมี บุญยิ่งสถิตย์ หรือ เฮียมิ้ง เป็นแฟรนไชส์ซีของเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาแรกของไทยมากว่า 18 ปี โดย บุญมี เล่าย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อนว่า รับช่วงกิจการร้านโชห่วยอยู่ที่ถนนเพชรบุรีซอย 5 ต่อจากบิดา มีลูกค้ามากมาย แต่ด้วยความที่ขายของคนเดียวนั่งเฝ้าหน้าร้านเหมือนปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ลูกค้าอยากได้อะไรจะหยิบให้ผ่านมือเราตลอด ยอมรับว่าทำธุรกิจแบบนี้เหนื่อย ต่อมามีร้านค้าปลีกติดแอร์มาเปิดใกล้ๆ เจ้าของเป็นพี่น้อง 2-3 คนอายุยังน้อย แต่ก็สามารถทำได้โดยไม่มีประสบการณ์ จึงคิดอยากเปลี่ยนแปลงบ้างประกอบกับมีเจ้าหน้าที่จากซีพีออลล์ มาติดต่อซึ่งตอนนั้นมีความคิดอยากปรับปรุงร้านโชห่วยเป็นแบบใส่กระจกติดแอร์ วางชั้นให้สวยงาม นำเคาน์เตอร์มาติด จึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนร้านโชห่วยมาเป็นแฟรนไชส์ซีรายแรกของบริษัทที่เปิด ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534

ช่วงที่ทำ 3 เดือนแรกยอมรับว่าเหนื่อยมากกว่าทำโชห่วย เพราะเราไม่เคยใช้พนักงาน ร้านก็เปิดตลอด 24 ชั่วโมง คิดดูว่าจะนอนอย่างไร อีกทั้งมีสินค้าอยู่ในสต๊อกมูลค่าเกือบล้านและพนักงานที่เข้ามาในร้านไว้ใจ ได้หรือไม่ แต่ก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดีเพราะบริษัทได้อบรมเราให้เรียนรู้วิธีบริหารพนักงาน พฤติกรรมของลูกค้า การจัดเรียงสินค้า ตลอดจนนำระบบบัญชีที่มีคุณภาพมาใช้ รวมทั้งช่วยอบรมพนักงานและเข้ามาดูแลเราตลอดจนมีกำไรเปิดสาขาที่ 2 ซึ่งสาขาที่ 2 นี้เปิดมาได้ประมาณ 12 ปี และสาขาที่ 3 เปิดได้ปีกว่า
ปัจจุบันบุญมีเป็นแฟรนไชส์ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 3 สาขา แต่ละสาขาล้วนตั้งอยู่ในทำเลใกล้เคียงกัน แต่ถึงแม้จะอยู่ใกล้กันก็ไม่ได้เป็นปัญหาเพราะแต่ละร้านมีลูกค้าคนละกลุ่ม กัน โดยมี สาธิต บุญยิ่งสถิตย์ หรือ ฮุย ลูกชายช่วยสืบทอดกิจการ
บุญมีบอกด้วยความภาคภูมิใจว่า ถือเป็นโชคดีของเขาที่ตัดสินใจมาเป็นแฟรนไชส์ซีของเซเว่นฯ จึงทำให้ครอบครัวมีธุรกิจที่มั่นคงและเป็นสมบัติที่ทำให้เขาสามารถส่งเสีย ลูกชายจนเรียนจบปริญญาตรีมาช่วยรับช่วงกิจการต่อจนถึงทุกวันนี้
เคล็ดลับเถ้าแก่ยุคใหม่สู่การเป็นเศรษฐี
เคล็ดลับแบบไม่ลับของ ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ โออิชิ หรือราชาชาเขียวโออิชิ ได้นำประสบการณ์จริงจากการทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาถ่ายทอดว่า "การทำธุรกิจอยู่ที่ความเชื่อและเข้าใจในธุรกิจนั้นๆ ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานหรือการศึกษาด้านนั้นๆ เพราะผมเองก็ไม่มีความรู้ทางด้านชาเขียว แต่ที่สำเร็จได้เพราะผมจะชอบถาม โดยถามจากคนที่มีความรู้คนละนิดละหน่อย และนำมารวมกันก็ได้เป็นความรู้ที่มาก นอกจากนี้เรายังต้องกล้าที่จะคิดอะไรใหม่ๆ และไม่เหมือนคนอื่น ที่ สำคัญต้องกล้าที่จะเปลี่ยนถึงแม้ว่าเราจะคิดว่าสิ่งนั้นดีที่สุดแล้วก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น ชาเขียวรสต้นตำรับ เป็นชาเขียวที่มียอดขายดีอยู่แล้ว แต่ตนก็ต้องคิดรสชาติใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาด้วยเพื่อเป็นอีกทางเลือกให้ลูกค้า เพราะลูกค้าคือหัวใจของการขาย
สำหรับ พัลลภ กำลา ประธานกรรมการ ชายสี่หมี่เกี๊ยว เล่าถึงประสบการณ์ชีวิตก่อนเป็นเสี่ยว่า "ผมจบ ป.4 ไม่เข้าใจคำว่าซีเอสอาร์หรือคำศัพท์อะไรเกี่ยวกับธุรกิจเลย แต่เป็นคนมีความฝัน จึงเป็นการจุดประกายเริ่มต้นทำให้มีวันนี้"
พร้อมให้เคล็ดลับว่า การทำธุรกิจร่วมกับคนหมู่มากเป็นธุรกิจที่ยากสุดคือการควบคุมคน ถ้าเราสามารถควบคุมได้ก็ชนะไป 100 เปอร์เซ็นต์ โดยเน้นใส่ใจไปที่คนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นลูกน้องหรือลูกค้า พยายามให้สวัสดิการที่เป็นธรรมและโปรโมชั่นที่คุ้มค่า รวมทั้งรู้จักปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดทำสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น
ทีมวาไรตี้

Credit by http://news.sanook.com/

แนะนำเวบรวมบทความ blog

Read More...


เริ่มทำธุรกิจเล็กๆ อย่างไรดี *

"เราเชื่อว่ามีหนุ่มสาวพนักงานออฟฟิศจำนวนไม่น้อยที่อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ ผ่านการลงทุน ทำ ธุรกิจเล็กๆ ขึ้นมาสักอย่าง แต่บางคนก็อาจจะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ทั้งที่จริงๆ แล้วก่อนจะลงทุนไปกับสิ่งใดนั้น เราควรจะมีแนวทางที่ชัดเจนก่อน จะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจเพราะทุนหายกำไรหดอีกต่อไป...ฉบับนี้จึงขอแนะนำ 6 เทคนิคในการเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ ให้ประสบผลสำเร็จ"


1.ก่อนอื่นต้องสำรวจดูว่าธุรกิจเล็กๆ ที่คุณอยากทำนั้น เป็นงานอดิเรกที่ชอบหรือถนัดหรือไม่ เพราะคนเราถ้าทำในสิ่งที่ชอบและถนัด โอกาสที่จะพัฒนาต่อยอดมาเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะมีมากกว่างานที่ไม่มีความชำนาญ ดังนั้น
ถ้าคิดจะทำธุรกิจอะไร ต้องเลือกในสิ่งที่เราชอบหรือรักที่จะทำเป็นอันดับแรก
2.ก่อนที่คุณจะออกจากงานประจำ คุณ ต้องมีความมั่นใจว่าธุรกิจเล็กๆ นั้นจะทำกำไรได้ดี และต้องสำรวจด้านการตลาดว่าสินค้าหรือบริการของเรามีผู้มาซื้อหรือใช้บริการ หรือไม่ ตรงกับความต้องการของลูกค้าหรือไม่ เพื่อลดความเสี่ยง แนะนำว่าแรกๆ ควรทำธุรกิจเล็กๆ แบบ Part Time ไปก่อน เช่น ใช้เวลาในตอนเย็นหรือสุดสัปดาห์ หรือเข้าหุ้นกับเพื่อนเพื่อกระจายความเสี่ยง ลองดูว่ากิจการจะไปรอดหรือไม่ แล้วจึงมาคิดว่าจะออกจากงานประจำมาทำอย่างเต็มตัวดีหรือไม่
3.ต้องระลึกไว้เสมอว่างานประจำสร้างรายได้ให้ทุกเดือน โดยเป็นงานที่คุณลงแรง ใช้สมองทำงานโดยไม่มีต้นทุนที่เป็นตัวเงินเลย ในทางตรงกันข้าม การทำธุรกิจเล็กๆ จะต้องมีต้นทุนในเรื่องค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างพนักงาน ค่าต้นทุนสินค้า

 เริ่มต้นทำธึรกิจเล็กๆ ทำอย่างไรดี

4.ข้อคิดสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การลงทุนทำธุรกิจที่ต้องกู้เงินมาเป็นทุน นอกจากจะต้องเสียดอกเบี้ยแล้ว รายได้จะต้องเก็บไว้บางส่วนเพื่อจะจ่ายคืนหนี้ด้วย จึงต้องระวังว่าอย่ากู้เงินมามากเกินไป มิฉะนั้นรายได้หรือกำไรจากการค้าขายอาจจะต้องนำมาจ่ายดอกเบี้ยและคืนเงินต้น จนหมด เท่ากับทำแล้วเหนื่อยฟรี ไม่ได้อะไรเลย
5.กิจการของคุณจะต้องมีเงินสดสำรองไว้เป็น Safety เสมอ เพราะธุรกิจมีทั้งขาขึ้นและขาลง ในระหว่างขาขึ้นกระแส
เงิน สดก็จะหมุนเวียนได้ดี แต่บางครั้งถ้าเกิดมีคู่แข่งมากขึ้น หรือสินค้าไม่เป็นที่ต้องการ ก็อาจทำให้คุณขายสินค้าได้น้อยลง ดังนั้น จึงต้องมีเงินสดไว้คอยจุนเจือในช่วงเวลาที่ขายสินค้าหรือบริการได้น้อยด้วย
6.นอกจากนี้ ในการทำธุรกิจมักจะมีลูกค้ามาขอซื้อเชื่อ ซึ่ง ถ้าปล่อยไว้นานเข้าจะกลายเป็นหนี้เสีย เก็บเงินไม่ได้ ทำให้กิจการของคุณขาดเงินทุนหมุนเวียนได้ จึงควรขายสินค้าและบริการเป็นเงินสดเท่านั้น ถ้าทำได้อย่าขายเชื่อ และหมั่น
เก็บเงินมาให้ได้เร็วๆ อย่าปล่อยให้ลูกค้าติดค้างเงินนานๆ

ผู้หญิง สุขภาพผู้หญิง ผู้ชาย ความงาม ทรงผม แต่งตัว เสื้อผ้าแฟชั่น sexy
ทุกๆเรื่องที่คุณอยากรู้ http://women.sanook.com
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!
Credit by http://women.sanook.com/


แนะนำเวบรวมบทความ blog

Read More...


ไผ่กิมซุง อาชีพเสริมโดนใจคืนทุนได้เร็ว *

ช่วงเศรษฐกิจแบบนี้คนว่างงานมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นะคะ หลายคนที่มีงานประจำก็ยังจะหางานเสริม อาชีพเสริมกันอยู่ก็มีมาก เพราะด้วยข้าวของราคาแพงขึ้น (แต่ค่าแรงยังคงต่ำเช่นเดิม) ก็คงไม่แปลกอะไรที่คนมีอาชีพอยู่แล้วอย่างเราๆ จะหันมาหาอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ค่ะ

และวันนี้อาชีพหนึ่งที่น่าสนใจที่ทาง Sanook Women จะมีมาแนะนำนั่นก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจนั่นคือ "การปลูกไผ่กิมซุง" ค่ะ หลายคนอาจจะคิดว่าแค่ต้นไผ่จะสามารถสร้างรายได้ ได้อย่างไร ต้องขอตอบว่าได้ค่ะ เพราะ ต้นไผ่สามารถนำมาแปรรูปได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น หน่อไม้ใช้ประโยชน์ต่อการบริโภคและขาย สร้างที่อยู่อาศัย ทำเครื่องมือเครื่องใช้ในครัวเรือน เช่นตะเกียบ เครื่องดนตรี ของเล่น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทำเยื่อกระดาษ นำไปเผาทำเป็นถ่าน ใช้ประโยชน์ด้านการดูดกลิ่น หรือนำไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้หลากหลายชนิด ใช้ในอุตสาหกรรม จากที่เล่ามาก็จะเห็นได้ว่าไผ่หนึ่งกอเราสามารถใช้ประโยชน์ได้แทบทุกส่วนเลย ละคะคุ้มค่าจริงๆเลย

 

เราได้เห็นประโยชน์ของต้นไผ่แล้วใช่ไหมค่ะ ทีนี่เรามาทำความรู้จักกับเจ้าต้นไผ่กิมซุงให้มากขึ้นดีกว่าค่ะ ตอนนี้หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่าทำไมจะต้องเป็นไผ่กิมซุง ไผ่กิมซุ่ง เป็นไผ่ที่นำเข้ามาจากประเทศจีน เป็นไผ่ที่เจริญเติบโตและให้ผลผลิตเร็วมากอีกทั้งยังดูแลง่ายเมื่อเทียบกับ ไม้เศรษฐกิจชนิดอื่นอย่างยางพาราหรือยูคาลิปตัส เพราะใช้เวลาปลูกเพียงแค่ 6-8 เดือนก็สามารถเก็บหน่อมารับประทานหรือจำหน่ายได้


ไผ่กิมซุ่ง เป็นไผ่กลุ่มหน่อใหญ่ ลำต้นสูง 20 ถึง 25 เมตร ลำมีสีเขียว ปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็ว และให้หน่อไม้เมื่อต้นมีอายุ 6-8 เดือน จุดเด่นของไผ่พันธุ์นี้ คือ หน่อไม้ไม่มีขน เปลือกบาง เนื้อหนา น้ำหนักดี รสหวานกรอบ  การไว้ลำไผ่ต่อกอจะไว้เพียง 4-5 ลำเท่านั้น ส่วนการเก็บผลผลิตให้ได้คุณภาพดี ควรเก็บหน่อที่มีความยาวไม่เกิน 40 เซนติเมตร ถ้าใหญ่กว่านี้ หน่อจะแก่เกินไป และมีเสี้ยน ขายไม่ได้ราคา ข้อสำคัญ ระหว่างเก็บผลผลิต ไม่ควรปล่อยให้หน่อเจริญเติบโตเป็นลำไผ่ เพราะอาหารจะไม่ไปเลี้ยงหน่อ ทำให้หน่อไม้ที่เกิดมาใหม่ฝ่อได้
โดยวิธีการปลูกนั้นไม่ยาก สามารถปลูกได้กับทุกสภาพอากาศ ทุกสภาพดิน เพียงแค่คุณลงทุนซื้อต้นไผ่ ซึ่งราคานั้นไม่แพงมากเฉลี่ยนต้นละ 50 ถ้าซื้อมากก็จะยิ่งถูกลง (ส่วนใหญ่ก็จะซื้อมาขยายพันธุ์กันทีละเป็นร้อยๆ ต้น) และเมื่อปลูกได้ตามระยะเวลาที่กำหนด บางเจ้าที่ขายพันธุ์ไผ่มาก็จะขอรับซื้อคืนเลยก็มี


ซึ่งสามารถขายได้ทุกส่วนของต้น ไม่ว่าจะเป็นหน่อขายเป็นหน่อไม้ ลำไผ่ กิ่งแขนงเอามาตอนเพื่อขายต่อหรือขยายพันธุ์ได้อีก ส่วนราคาที่รับซื้ออยู่ที่ประมาณ 20-30 บาท/ก.ก. เป็นราคาส่งที่ตลาดรับซื้อนะค่ะ ส่วนราคาปลีกแล้วแต่พื้นที่ค่ะ ถ้าตัดจากต้นอายุ8เดือน การให้ผลผลิตโดยเฉลี่ย30-50ก.ก./ไร่/วัน และที่สำคัญสามารถขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งหรือปักชำได้ อายุเพียง6-8เดือนท่านก็สามารถขยายพันธุ์เพื่อจำหน่ายได้ ถือเป็นเรื่องง่ายเลยที่มีตลาดมารองรับเสร็จ ไม่ต้องวิ่งหาตลาดระบายของ แถมได้เงินคืนในระยะเวลาอันสั้นไม่ถึงปี........เห็นอย่างนี้แล้วใครที่มอง หาอาชีพเสริม อยู่การปลูกไผ่กิมซุงก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้ เสริมนะคะ

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก rakbankerd.com ,pantown.com ,sewii.doae.go.th

Credit by http://women.sanook.com/

แนะนำเวบรวมบทความ blog

Read More...


ขยะลวด...ถักทอจินตนาการ *

วันนี้เราจะพามาชมการทำเศษลวดเป็นงานศิลปะ กระทั่งสามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้ ที่บ้านคุณเต๋า-สมชาย แซ่ตั้ง ซึ่งเหมาะกับช่วงเศรษฐกิจฟุบเช่นนี้เป็นอย่างยิ่งค่ะ 
 
จุดประกายจินตนาการ เพียงก้าวแรกที่เจ้าของบ้านใจดีเปิดประตูต้อนรับ เราก็ถูกสะกดไว้ด้วยความสวยงามของต้นไม้ลวดที่สูงใหญ่ราว 2 เมตร ที่แผ่กิ่งก้านสาขาอ่อนช้อยอยู่ภายในบ้าน ด้วยเส้นสายลายถักที่สอดประสานกันอย่างประณีตบรรจง ต้นไม้นี้จึงไม่เหลือความแข็งกระด้างซึ่งเป็นธรรมชาติของเส้นลวดให้เราได้ สัมผัสถึง คุณเต๋าเล่าถึงแรงบันดาลใจว่าแรกเริ่มเดิมทีนั้น สนใจปลูกบอนไซตามคุณพ่อ ซึ่งเป็นงานที่ต้องทำงานอยู่กับลวดตลอดเวลา เมื่อมีขยะเหลือใช้จากลวดจึงเริ่มนำมาประดิดประดอย

ดัดลวด, งานแฮนด์เมด  

“เศษลวดไม่ว่าจะสั้นหรือยาวแค่ไหนให้เก็บไว้ เพราะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ สร้างสรรค์งานได้ อย่างเศษลวดจากราวตากผ้า ไม้แขวนเสื้อ ขยะเศษลวดทั้งจากที่บ้าน ที่ทำงาน นำมาให้ได้ทั้งนั้น” หลังจากจดๆ จ้องๆ อยู่นาน ก็ชักจะคันไม้คันมือ อยากลองทำกับเขาบ้าง เราไปลงมือทำกันดีกว่าค่ะ งานลวด ไม่ยากอย่างที่คิด คุณเต๋าเล่าถึงงานลวดว่ามีด้วยกัน 3 ประเภท คือ ดัด พัน และถัก “สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทำ เริ่มจากชิ้นเล็กๆ ง่ายๆ ตามที่ใจเราชอบ สังเกตจากสิ่งรอบๆ ตัว เช่น ตัวสัตว์ต่างๆ ดอกไม้ แล้วร่างรูปแบบง่ายๆ ในกระดาษก่อน จากนั้นนำเส้นด้ายมาขดตามที่รูปร่างตามเราต้องการ เพื่อกะความยาวของลวดที่จะใช้ ตัดลวดตามความยาวนั้น แล้วค่อยลงมือดัดทำ เศษลวดเก่าออกสีหมอง ก็สามารถนำมาพ่นสีสเปรย์ให้ใหม่ได้” จากการพัฒนางานอย่างไม่หยุดนิ่ง คุณเต๋าก็สามารถผลิตของใช้ต่างๆ ออกมามากมาย เช่น ที่หนีบนามบัตร ที่แขวนต่างหู เชิงเทียน โคมไฟ ทั้งยังนำมาผสมผสานเข้ากับวัสดุอื่นๆ ได้ตามจินตนาการเช่น ตอไม้ ขวดแก้ว ลูกปัด พลาสติก จนได้ของใช้ที่สวยงามแปลกตา คุยกันไปคุยกันมา ในที่สุด มือใหม่อย่างเราก็สามารถสร้างสรรค์ที่เสียบนามบัตรที่มีรูปร่างสีสรรค์ออกมา ได้สวยไม่น้อย ตอนนี้เห็นด้วยกับคุณเต๋าร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะว่า งานลวดทำให้จินตนาการเป็นจริงได้ง่ายนิดเดียว สนใจเรียนฟรี คุณสมชาย แซ่ตั้ง (เต๋า) สอนอยู่ที่ ตลาดนัดสนามหลวง 2 (ส่วนขยายศูนย์อาหารโซน 1) วันเสาร์ สนใจติดต่อ 081-816-2595  

ขอบคุณข้อมูล : นิตยสารชีวจิต

Credit by

แนะนำเวบรวมบทความ blog

Read More...


Rhapsody แฟชั่นเปรี้ยว ซ่า ของเจ้าตัวจิ๋ว *

ในแวดวงแฟชั่น ดวง - วรรณพร โปษยานนท์ เป็นที่รู้จักดีในฐานะไอคอนด้านการแต่งตัวคน หนึ่งของเมืองไทย แต่แต่งคนเดียวยังไม่พอ เธอจึงแบ่งเวลาว่างอันน้อยนิดมาออกแบบเสื้อผ้าเด็กในแบบฉบับของตัวเองที่ แก่นเซี้ยว เปรี้ยว ซ่าไม่เหมือนใคร

เสื้อผ้าสีสดไซส์จิ๋วเหล่านี้เป็นฝีมือการออกแบบของเธอร่วมกับเพื่อนสนิทอีกคนคือ ดวง - ดวงกมล อมาตยกุล ภายใต้ชื่อ Rhapsody ซึ่งมีความหมายถึงบทเพลงหรือบทกวีที่เป็นอิสระ

ทั้ง 2 สาวแบ่งงานกันทำชัดเจน โดยดวง (ดวงกมล) ซึ่งเรียนมาทางด้าน Finance ดูแลด้านกำไร-ขาดทุน การคิดราคาขาย ส่วนในด้านดีไซน์และคอนเสปท์ในการโปรโมทแบรนด์เป็นหน้าที่ของดวง (วรรณพร) ไม่รวมถึงงานที่ต้องช่วยกันทำทั้งคู่อย่างวางแผนโปรโมชั่นแต่ละเดือน โดยมีพนักงานที่เหลืออีกไม่กี่คน คือ พนักงานขายและฝ่ายบัญชีเท่านั้น


"ตอนแรกแค่คุยกับเพื่อนว่า อยากมีอะไรทำด้วยกันขำๆ เป็นร้านเสื้อผ้าเด็กที่ขายที่บ้านแค่นั้นเอง แต่พอเริ่มทำแล้วเลยต้องทำจริงจัง เพราะมีคนสนใจเยอะ มีสื่อมาถ่ายรูป ก็เลยคิดว่าทำเล่นๆ ไม่ได้แล้ว"
ส่วนเหตุผลที่เลือกทำเสื้อผ้าเด็กไม่ทำเสื้อผ้าผู้ใหญ่ ทั้งๆ ที่ชอบแต่งตัวมาก...นั้น วรรณพรให้เหตุผลว่ามาจากตอนที่ไปเรียนต่อที่มิลาน แล้วเห็นพ่อแม่ลูกแต่งตัวเปรี้ยวทั้งครอบครัว จึงเกิดแรงบันดาลใจ อยากมาทำที่เมืองไทยบ้าง

"แบรนด์ดังๆ ของเมืองนอกจะทำเสื้อผ้าเด็กหมดเลย มีแฟชั่นโชว์ของเด็กโดยเฉพาะ ช่วยจุดประกายให้ดวงอยากทำเสื้อผ้าเด็ก แล้วเมืองไทยตอนนี้ก็ให้ความสนใจเสื้อผ้าเด็กมากขึ้น เราก็คิดว่ามันเป็นตลาดที่คนสนใจมากขึ้นและไม่มีใครทำเสื้อผ้าเด็กสไตล์นี้ ออกมา"

หลังจากเก็บข้อมูลอยู่เป็นปีก่อนจะส่งแบบให้โรงงานเย็บเสื้อผ้าเด็กโดย ตรง ซึ่งถ้าไม่ได้ลองทำคงไม่มีใครรู้ว่า เสื้อผ้าเด็กจะมีรายละเอียดมากขนาดนี้ อย่างฝีเข็มก็ต้องตรวจสอบคุณภาพอยู่สม่ำเสมอ ต้องฟอกผ้าหลายครั้งเพื่อให้ผ้านิ่มใส่สบาย ส่วนตะเข็บก็ต้องเย็บให้ได้มาตรฐานเด็กจะได้ไม่ระคายเคืองเวลาใส่ ฯลฯ เรียกว่าใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่เสื้อผ้าชุดแรกจะออกมาในชื่อว่า Music Collection ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายพฤศจิกายนปีที่แล้วที่โชว์รูมในบ้านของเธอเอง โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ ลายพิมพ์ผ้าโดดเด่น สีสันสดใส มีสไตล์ มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เจาะจงกลุ่มลูกค้าที่ชอบแต่งตัวกันทั้งครอบครัว

"พ่อแม่ที่ชอบเสื้อผ้าดวงจะเป็นพวกแต่งตัวเก่ง ลูกก็แต่งตัวเก่งตามไปด้วย เป็นเด็กแต่งตัวจัด (หัวเราะ)"

เสียงดนตรี ที่สวมใส่ได้
ด้วยความที่เป็นที่รู้จักดีอยู่ในฐานะผู้หญิงที่ แต่งตัวมีสไตล์ ผลงานของเธอจึงเต็มไปด้วยความโดดเด่น แล้วพัฒนามาเป็นเสื้อผ้าเด็ก 'แนว' ฉบับกระทัดรัด ไม่เหมือนเสื้อผ้าเด็กแบบที่เห็นกันทั่วไป

"เวลาออกแบบ ดวงก็ใส่ความเป็นตัวดวงเข้าไปด้วย อย่างดวงชอบลายจุด ลายเส้น ลายเสือ สีเขียว ก็จะใส่ลงไปในชุด เหมือนได้เห็นดวงในฉบับจิ๋ว ดังนั้นคนที่ชอบดวงแต่งตัว เขาจึงตามมาดูผลงานที่ดวงสร้างด้วย แต่ดวงก็ตั้งใจทำด้วยนะคะ ไม่ใช่อาศัยแค่ความเป็นจุดสนใจอย่างเดียวมาทำ"

การทำงานของเธอเริ่มด้วยการวาดโครงเสื้อแล้วส่งไปให้โรงงานทำแพทเทิร์น หรือบางครั้งก็ปรับแบบจากชุดผู้ใหญ่ที่เธอชอบ จนกระทั่งได้ออกมาในคอลเล็คชั่นแรก 30 แบบทั้งชายและหญิง อายุ 2 - 6 ขวบ ใช้เงินลงทุนก้อนแรกล้านกว่าบาท โดยวางแผนว่าจะออกปีละ 2 ครั้ง ไม่รวมคอลเล็คชั่นย่อยที่จะออกตามมาเรื่อยๆ
ส่วนที่มาของคอลเล็กชั่นดนตรีนี้ วรรณพรบอกว่า ปิ๊บ - อธิชัย โปษยานนท์ สามีของเธอที่เป็นมือกลองวง Siam Secret Service มีส่วนอย่างมากที่ทำให้เธอเกิดแรงบันดาลใจ

"พี่ปิ๊บจะช่วยด้านแรงบันดาลใจในการดีไซน์ เพราะเขาเป็นนักดนตรี เราก็ได้ไปงานที่เจอนักดนตรีเยอะ คอนเซปท์ของเราจึงไม่หลุดไปจากดนตรี รวมทั้งกลุ่มผู้กำกับ นักเขียน สถาปนิก คนติสท์ๆ เราจะมองจากคนที่เราเจอเขาแต่งตัว แล้วมาคิดว่า ลูกเขาจะใส่เสื้อผ้าอะไรกัน เป็นกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนมาก"

Rhapsody จึงเริ่มต้นด้วยการวางขายที่บ้าน เน้นขายคนรู้จัก โดยไม่วางขายตามห้างสรรพสินค้า เพราะอยากรู้ว่า คนไทยจะชอบกับเสื้อผ้าเด็กสไตล์นี้หรือไม่ ตามมาด้วยการทดลองวางร้านเสื้อผ้าเด็กที่ทองหล่อก่อนในราคาขาย 570 - 2,200 บาท

"ดวงวาง positioning ตัวเองไว้ว่าเป็น exclusive แนวติสท์ๆ หน่อย ตอนแรกเลยไม่ได้ขายที่ห้าง เพิ่มจะเริ่มที่เอ็มโพเรียมเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมาและที่ The Myth ศูนย์การค้าเกษรเมื่อเดือนที่แล้ว"

ส่วนในแง่ผลตอบรับนั้นดีเกินคาดทั้งสื่อที่ให้ความสนใจ ตลอดจนคุณพ่อคุณแม่ในแวดวงสังคมที่ล้วนแต่เป็นลูกค้าขาประจำตั้งแต่ขายที่ บ้านอย่างอย่าง บุรินทร์ กรูฟไรเดอร์, บอย โกสิยพงษ์, แหม่ม คัทลียา ฯลฯ ซึ่งเธอยืนยันว่าความสำเร็จทั้งหมดนี้ "มาจากความแตกต่างของตัวเสื้อผ้าเอง ไม่ใช่แค่เฉพาะว่า 'ดวง วรรณพร' เป็นคนดีไซน์"

นอกจากนี้ เธอยังได้เปิดตัวแบรนด์จิวเวลรี่ชื่อ Melody ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเสื้อผ้าของ Rhaphody โดยจะเปลี่ยนคอนเซปท์ไปตามคอลเล็คชั้นเสื้อผ้า โดยมีดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง Mark Ketteingham ซึ่งเคยฝากผลงานด้านการออกแบบจิวเวอรี่ให้ Givency และ Ericksonbeamon มาร่วมงาน โดยเริ่มต้นเครื่องประดับอย่างกำไลและสร้อยคอ โดยมีแผนจะขยับขยายสินค้าเพิ่ม เช่น ที่ติดผมและกระเป๋าสำหรับเด็ก แต่จะอยู่ภายใต้ชื่ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเสียงดนตรีอันเป็นลูกเล่นให้ลูกค้าไม่เบื่อกับชื่อแบรนด์ เดิมเพียงชื่อเดียว

เปรี้ยวได้ แต่ห้ามหวาน
นอกเหนือไปจากงานประจำในตำแหน่ง Director of Marangoni Information Center แห่งสถาบัน Maragoni ประเทศอิตาลี ซึ่งเธอรับผิดชอบดูแลในด้านการแนะแนวและให้ข้อมูลการศึกษาต่อตลอดจนเป็นตัว แทนสถาบันประจำประเทศไทย อันเป็นสถาบันเดียวกับที่เธอจบการศึกษาระดับปริญญาโทในสาขา Fashion Promotion ซึ่งทำให้เธอต้องวิ่งวุ่นทั้งกับงานประจำและธุรกิจของเธอเองที่เพิ่งจะเริ่ม ไม่ถึงปี
"ชีวิตยุ่งมากค่ะ แต่มีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก งานก็จุกจิกมากมาย ทุกวันต้องมาตรวจแบบเสื้อผ้าเด็กที่โรงงานส่งมาว่าขนาดโอเคมั้ย แบบเป็นยังไงบ้าง วันหยุดต้องไปเช็คกับคนขายว่า ลูกค้าที่มาซื้อเป็นใคร ใส่พอดีมั้ย ต้องแก้ไขอะไรบ้าง"

สิ่งที่ต้องมาปรับปรุงในภายหลังจากที่วางขายไปแล้วจึงมีรายละเอียดมากมาย อาทิ ปรับขนาดเพราะไซส์เด็กไทยไม่เหมือนเด็กฝรั่งที่ใช้เป็นต้นแบบในตอนแรก ตลอดจนปรับสีและสไตล์ให้ชัดเจน
"อย่างดวงชอบสีเทา เพราะมันเท่ๆ แต่ขายไม่ได้ เพราะเด็กชอบสีสดใสจริงๆ หรือพ่อแม่ชอบ เด็กไม่ชอบ มันแล้วแต่อารมณ์เด็ก บางทีซื้อไปแล้วมาขอเปลี่ยน ลูกไม่ยอมใส่ อย่างลายจุดสีพาสเทลขายไม่ออกเลย ลูกค้าจะชอบแบบแรงๆ กัน ก็จับจุดได้แล้วว่าห้ามหวาน เพราะถ้าแบบหวานๆ เขาจะไปซื้อแบรนด์อื่นแทน"
ถึงตอนนี้จากที่เคยวางแผนเจาะกลุ่ม Niche Market เธอเริ่มอยากขยายลุ่มลูกค้าให้มากขึ้นเพื่อเปิดตลาดต่างประเทศในอนาคต

"อยากขยายฐานให้กว้างขึ้นแล้ว อยากให้มีพ่อแม่กลุ่มอื่นๆ บ้าง ไม่ใช่แค่คนรู้จักเรา ก็เลยไปออกแฟร์ตามงานโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลบ้าง แล้วพอแบรนด์เมืองไทยแข็งแรงก็จะขยายต่อไปในต่างประเทศ"

ในเวลาว่าง (เท่าที่พอจะหาได้) สาวสวยคนนี้ ยังปลีกตัวไปพักผ่อนด้วยการไปเที่ยวทะเล ก่อนจะกลับมาทำงานหนักอีกครั้ง ตามประสาคนรุ่นใหม่ที่ไม่ยอมหยุดนิ่ง

Credit by http://women.sanook.com/

แนะนำเวบรวมบทความ blog

Read More...


ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0










































 
Blogger Tips and TricksLatest Tips And TricksBlogger Tricks
Do it your self,handmade,HandiCraft,งานฝีมือ,อาชีพเสริม,ช่องทางทำเงิน บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.