บทความที่ได้รับความนิยม


Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

'หมวกปักกระดุม' ไอเดียงานปัก...ทำเงิน


“กระดุม” วัสดุที่ใช้สำหรับเสื้อผ้า ได้ถูก “ชาคริต เพ็ชรวงษ์” นำมาต่อยอดด้วยความคิดสร้างสรรค์ จนเกิดเป็น “ลวดลาย” แปลกใหม่ ทำให้หมวกหน้าตาธรรมดากลายเป็นงาน “หมวกปักกระดุม” ที่นอกจากจะสวยจนสะดุดตาแล้ว ก็ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าใหักับชิ้นงานได้อย่างน่าสนใจ ที่วันนี้ ทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอ...

ชาคริต เจ้าของงานหมวกปักกระดุมแฮนด์เมด ที่ใช้ชื่อชิ้นงานว่า Kritcaps เล่าว่า ตนเองเรียนจบทางด้านศิลปะ เมื่อก่อนเคยทำงานออกแบบกราฟิกให้กับผู้ผลิตหมวกจากต่างประเทศ โดยยึดอาชีพดังกล่าวอยู่นานกว่า 5 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจทำธุรกิจหมวกของตนเองขึ้นเป็นอาชีพเสริม เพราะมองว่า... หมวกเป็นสินค้าที่ขายได้ตลอดทั้งปี และขายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงยังสามารถนำมาประยุกต์เพื่อทำเป็นของขวัญ-ของฝากได้ตามโอกาสต่าง ๆ จึงคิดว่าธุรกิจนี้น่าจะมีโอกาส ซึ่งหลังจากนั้นจึงเริ่มมองหาไอเดียที่จะนำมาใช้ผลิตชิ้นงาน โดยมองว่าลวดลายของหมวกตกแต่งที่มีอยู่ในตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นการนำไหมพรมกับเข็มหมุดมาประดับ แต่ยังไม่มีใครนำวัสดุอย่างกระดุมเข้ามาใช้ จึงคิดว่า หากนำกระดุมเข้ามาตกแต่ง ผสานเข้ากับไอเดียการออกแบบที่มีอยู่ ก็น่าจะสร้างจุดเด่นให้ชิ้นงานที่ทำได้ จึงกลายเป็นหมวกปักกระดุมนี้ขึ้นมา

เขา เล่าว่า เริ่มต้นใช้กระดุมปักลวดลายที่หมวกแก๊ปก่อน เพราะหมวกแก๊ปส่วนใหญ่จะเป็นผ้า ซึ่งน่าจะเย็บง่ายกว่าหมวกประเภทอื่น จากนั้นจึงลองทำชิ้นงานขึ้นมา และได้พบว่า กระดุมในตลาดทั่วไปจะหนา อีกทั้งพื้นผิวกระดุมส่วนใหญ่จะมีผิวด้าน ไม่มันเงา ไม่สวยงาม จึงตัดสินใจสั่งทำกระดุมชนิดพิเศษขึ้นมา สำหรับใช้ในงานที่ทำขึ้นมาเป็นการเฉพาะ โดยใช้เวลาทดลองทำอยู่ประมาณ 2-3 เดือน จากนั้นจึงลองนำสินค้าไปขายผ่านทางเฟซบุ๊กคือที่ www.facebook.com/kritcaps ซึ่งกระแสตอบรับดีมาก ๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น และขายตามแหล่งท่องเที่ยวเป็นหลัก

ทั้ง นี้ หมวกปักกระดุม 1 ใบ จะต้องใช้เวลาทำค่อนข้างนาน เพราะเป็นการปักกระดุมด้วยมือทั้งหมด โดยจำนวนของกระดุมที่ใช้สำหรับปักหมวกแต่ละทรงนั้น จะมีจำนวนกระดุมที่ใช้แตกต่างกัน อาทิ หมวกแก๊ป จะต้องใช้กระดุมประมาณ 200-250 เม็ด หมวกทรง ปานามา ใช้กระดุมประมาณ 100-150 เม็ด และหมวกปีกกว้าง ใช้กระดุมประมาณ 50-100 เม็ด ขึ้นกับลวดลายที่ใช้ตกแต่งหมวก

ทุน เบื้องต้น ใช้เงินลงทุน ประมาณ 2,000 บาท ทุนวัสดุ อยู่ที่ประมาณ 30% จากราคา ซึ่งราคาขายอยู่ที่ 350-550 บาท โดยแตกต่างกันไปตามรูปทรงของหมวก ที่มีขายอยู่ 4 แบบด้วยกัน คือ หมวกแก๊ป, หมวกทรงปานามา, หมวกปีกกว้าง และหมวกทรงไมเคิล วัสดุอุปกรณ์ ที่จำเป็น ประกอบด้วย หมวกรูปทรงต่าง ๆ, กระดุม, เข็มเบอร์ 5, ด้ายวีนัส และกรรไกร

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากออกแบบลวดลาย เลือกสีของหมวกกับเลือกสีของกระดุมที่จะใช้ จากนั้นนำเข็มเบอร์ 5 มาทำการร้อยเส้นด้ายเข้าไป โดยในแต่ละเข็มจะใช้ด้ายจำนวน 8 เส้นร้อยเข้าไว้ด้วยกัน เสร็จแล้วนำกระดุมมา 1 เม็ดวางไว้บริเวณด้านบนของหมวก โดยเริ่มจากการเย็บกระดุมทางด้านขวาล่าง เพื่อขึ้นเป็นฐานของลายที่จะใช้ในการปักหมวก สำหรับการเย็บกระดุมนั้นให้เย็บไขว้กัน 1 รอบเพื่อให้กระดุมติดแน่นกับหมวก เมื่อเย็บกระดุมเม็ดที่ 1 แล้วก็ทำการขึ้นกระดุมเม็ดที่ 2 ต่อไปเลย โดยขั้นตอนนี้ ต้องคอยดู หรือระวังอย่าให้ช่องไฟหรือช่องว่างระหว่างกระดุมนั้น ห่างหรือถี่กันจนเกินไป โดยให้เย็บกระดุมแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เย็บเรียงเป็นแนวเส้นตรงทีละแถว ทีละชั้น เริ่มจากแถวล่าง ก่อนที่จะค่อย ๆ เย็บเรียงซ้อนกันขึ้นไปจนถึงด้านบนสุดของหมวก ซึ่งปมด้ายจะถูกซ่อนไว้ใต้กระดุม โดยเมื่อเย็บหรือปักลวดลายบนหมวกได้ตามต้องการแล้ว ก็นำยี่ห้อสินค้ามาเย็บติดบริเวณด้านข้างของหมวก เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำหมวกปักกระดุม

’การปักในแต่ละลายจะใช้ กระดุมมากน้อยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับลายและทรงของหมวก ความยากของงานหมวกปักกระดุมนี้อยู่ที่ขั้นตอนการเย็บหรือปักกระดุม เพราะเป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ทั้งความประณีต ต้องใช้ความอดทนสูง ซึ่งถ้าหากใจร้อนก็อาจจะทำให้เย็บกระดุมชิดเกินไป ซ้อนกันเกินไป หรือห่างเกินไป ก็จะทำให้ลายบนหมวกดูแล้วไม่สวย ข้อควรระวังก็คือ ต้องเว้นช่องว่างหรือจัดวางช่องไฟของกระดุมให้พอดี ลายของหมวกจึงจะออกมาดูสวย เรียบร้อย ไม่บวมนูนจนไม่สวยงาม“ ...เป็นคำแนะนำจากเจ้าของชิ้นงาน ซึ่งงานหมวกปักกระดุมนับว่าน่าสนใจ สำหรับคนที่กำลังมองหา “ช่องทางทำกิน” เป็นอาชีพเสริม

สนใจงาน “หมวกปักกระดุม” โทร. 08-9033-5598 และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นงานไอเดีย ที่ใช้เป็น “ช่องทางทำกิน” ได้อย่างน่าสนใจ จากการนำเรื่องของดีไซน์มาประยุกต์กับความคิดสร้างสรรค์.
สุรางค์รัตน์ เจนการ :เรื่อง / สันติ มฤธนนท์:ภาพ
...................................................................................................
คู่มือลงทุน...หมวกปักกระดุม
ทุนเบื้องต้น ประมาณ 2,000 บาท
ทุนวัสดุ ประมาณ 30% จากราคา
รายได้ ราคา350- 550 บาทต่อใบ
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด กลุ่มวัยรุ่น แหล่งท่องเที่ยว
จุดน่าสนใจ ทุนวัสดุต่ำ ทำเป็นอาชีพเสริมได้

credit  :  http://dailynews.co.th/Content/Article/274420/_หมวกปักกระดุม_+ไอเดียงานปัก...ทำเงิน

Read More...


'ช่างเล็ก' กับงานแนวๆสร้างสุขให้คนปั่น

ความชอบและการตัดสินใจที่มาถูกที่ถูกเวลา มักจะเป็นจุดเริ่มต้น ทำให้หลายคนประสบความสำเร็จในอาชีพมาแล้ว “สรวัชร์ ชยาเมธิสุรัตน์” หรือช่างเล็ก เป็นผู้หนึ่งที่เริ่มจากความชื่นชอบในรถจักรยาน ก่อนจะกระโจนเข้าสู่สนามแข่งขัน ในนาม “อเล็กซ์ฟรีไลท์” และปัจจุบันกลายเป็นเจ้าของร้าน LPR รับซ่อมรถจักรยานโดยเฉพาะ

20 ปีมานี้ “ช่างเล็ก” คลุกคลีกับงานซ่อมและประกอบรถจักรยานอย่างต่อเนื่อง ทุกวันจะมีลูกค้ามาใช้บริการไม่ขาดสาย หน้าที่ของเขาคือให้บริการตามสเปกที่ลูกค้าต้องการ

“ช่างเล็ก” บอกว่า ส่วนมากการประกอบรถจักรยาน จะต้องสอบถามลูกค้าก่อนว่าชอบรถประเภทไหน เพื่อให้ตรงความต้องการของเจ้าของที่จะมาประกอบรถคันนั้นจริง ๆ เราจะไม่โน้มน้าวให้ลูกค้าใช้รถหรืออุปกรณ์ที่ทางร้านมีอยู่แล้ว แต่จะเน้นความต้องการของเจ้าของรถคันนั้นมากกว่า

“เรายึดหลักว่าคนที่มาประกอบรถจักรยานมีความต้องการ อยากเห็นหน้าตารถจักรยานเป็นแบบไหน เมื่อทราบความต้องการแล้ว จะได้แนะนำว่าคนนั้นจะเหมาะกับรถประเภทใด เช่น ต้องการความเร็วจะแนะนำให้ใช้รถจักรยานเสือหมอบ ต้องการขี่เดินทางไกลจะแนะนำเป็นจักรยานทัวริ่ง อยากขี่ทางลุย ๆ ก็จะแนะนำเป็น จักรยานเสือภูเขา หรือขี่ในเมืองจะเป็นรถจักรยานพับเพื่อความสะดวกสบาย”

งานของเราไม่เน้นว่าลูกค้าจะต้องมาใช้สินค้าในร้าน ถ้าลูกค้ามีของที่จะนำมาประกอบจักรยานเอง ผมจะนำมาประกอบเป็นคันให้ได้เลย สนนค่าแรงประมาณ 500-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการประกอบและเซตรถคันนั้น แต่กรณีที่ลูกค้าไม่มีอุปกรณ์ที่จะนำมาประกอบจักรยาน และให้เราเป็นคนสั่งของเพื่อมาทำรถจักรยาน 1 คัน ก็สามารถทำให้ได้เช่นกัน ซึ่งขั้นตอนการจัดหาอะไหล่และอุปกรณ์จักรยานนั้น ทำได้ 2 ทาง คือ 1. จัดหาจากตัวแทนจำหน่าย และ 2. ทางอินเทอร์เน็ต

ทุกครั้งที่ทำรถเสร็จ และได้เห็นความพึงพอใจของลูกค้า ช่างเล็กก็จะรู้สึกมีความสุขไปด้วย เพราะงานของเขาขายคุณ ภาพและความพอใจให้ลูกค้า วันนี้ร้านของช่างเล็กไม่ได้เน้นเพียงแค่ประกอบหรือซ่อมจักรยานที่มีราคาแพงเท่านั้น แต่ยังรับซ่อมจักรยานทุกประเภท อาทิ จักรยานแม่บ้าน จักรยานเด็ก จักรยานตามท้องตลาดทั่วไปด้วย เรียกว่ารับซ่อมทุกประเภทก็ว่าได้

“ผมมีหลักคิดว่าการประกอบรถให้ลูกค้าแต่ละคนจะต้องทำให้เหมือนเป็นรถของช่างเอง ช่างขี่รถจักรยานดีเท่าไหน รถของลูกค้าก็จะต้องออกมาดีเท่านั้น เมื่อประกอบเสร็จจะให้ลูกค้ามาลองก่อน เพื่อปรับสรีระลูกค้าให้เข้ากับรถ รวมทั้งปรับเซตแก้ไขให้เป็นตามความต้องการของลูกค้าคนนั้น ๆ”

“ช่างเล็ก ยังบอกว่า อาชีพนี้อุปสรรคอยู่ที่คู่แข่งเยอะ เป็นผลมาจากคนเมืองมีค่านิยมขี่รถจักรยานเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง แต่เรามั่นใจว่างานคุณภาพ บวกการบริการด้วยใจจะทำให้งานของเราเหนือกว่าคู่แข่งได้ ทั้งนี้สำหรับคนที่สนใจงานแนว ๆ นี้ จะต้องเริ่มมาจากใจรักก่อน และต้องมีเงินลงทุนพอสมควร และเมื่อลงเงินทุนไปแล้ว ช่วงแรกรายได้แต่ละเดือนอาจแค่เสมอตัวก่อน แต่เมื่อมีลูกค้าให้ความไว้วางใจ หรือมีการบอกกันปากต่อปากมากขึ้น ผลตอบแทนจะเพิ่มเป็นเงาตามตัว อย่างผมช่วงที่งานเข้าร้านเยอะ ๆ เห็นรายได้แล้วก็หายเหนื่อยเลยนะครับ

ท่านใดสนใจและอยากเรียนรู้งานแนว ๆ ให้มากขึ้น แวะไปได้ที่ร้าน LPR ตั้งอยู่ตรงพระราม 8 ข้างหนังสือพิมพ์สยามรัฐ หรือโทร. 08-1136-9228 ติดต่อช่างเล็กโดยตรง.

“จ๊อบแมน”

job_man28@yahoo.co.th

credit by : http://dailynews.co.th/Content/Article/271304/index.html

Read More...


'อัฏฐวัฒน์' กับเส้นทางช่างแกะสลักปืน


ถ้าไม่ใช่คนวงการนักเลงปืน น้อยคนนักยากจะรู้จักอาชีพ “ช่างแกะสลักปืน” ผู้สรรค์สร้างลวดลายศิลปะและความอ่อนช้อยบนกระบอกปืนได้อย่างงดงาม แต่หากจะว่าไปแล้วบนถนนสายอาชีพนี้ยังมีคนทำอยู่เพียงแค่หยิบมือเท่านั้น

“อัฏฐวัฒน์ ครรชิตวัฒนา” หรือ “วัฒน์” เป็นผู้หนึ่งที่รักและหลงใหลในเสน่ห์ของอาวุธ “ปืน” ซึ่งสะสมมากว่า 10 ปี จนเป็นจุดเริ่มต้นทำให้หันมาสนใจการแกะสลักลวดลายบนปืนในที่สุด
10 ปีมานี้ “วัฒน์” ศึกษาค้นคว้า และคิดค้นศาสตร์ด้านนี้มาไม่น้อย กระทั่งสามารถยึดเป็นอาชีพจวบจนวันนี้ เป็นวันที่เขาสั่งสมประสบการณ์มามากกว่า 6 ปี จนก้าวขึ้นเป็นนักแกะสลักปืนมือหนึ่งของเมืองไทยไปแล้ว

“วัฒน์” ย้อนความหลังถึงจุดเริ่มต้นการเป็นนักแกะสลักปืนว่า ผมเห็นที่ต่างประเทศมีปืนสวย ๆ ทำให้เกิดความรู้สึกชื่นชอบ และอยากครอบครอง ประกอบกับในไทยไม่มีช่างทางด้านนี้โดยเฉพาะ จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ผมเริ่มศึกษางานแกะสลักปืน โดยอาศัยความชอบด้านศิลปะที่ตนเองมี จนได้มาพบกับอาจารย์ชาวต่างชาติท่านหนึ่ง ที่เผยแพร่ผลงานการแกะสลักปืนผ่านทางเว็บไซต์ จากนั้นได้เริ่มพูดคุยถึงงานการแกะสลักปืน จนทราบว่าท่านเป็นบุคคลที่มีฝีมือระดับต้น ๆ ของโลก ยิ่งทำให้เกิดความประทับใจ จึงได้มีโอกาสขอความรู้จากท่านได้สอนให้ความรู้ในการแกะสลัก การใช้เครื่องมือ รวมไปถึงข้อแนะนำต่าง ๆ

จากนั้นเป็นต้นมา “วัฒน์” ใช้เวลาฝึกฝนราว 5-6 ปี ก่อนเริ่มนำผลงานออกสู่สาธารณะจนกลายเป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักสะสม ทำให้ปัจจุบัน “วัฒน์” มีงานหลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่อง
ทว่านอกจากความรักและความสนใจที่มีต่องานศิลปะบนกระบอกปืนแล้ว ก็ใช่ว่าหนทางในอาชีพนี้จะราบรื่น เนื่องจากประเทศไทยมีกฎหมายเรื่องการครอบครองอาวุธปืน ถ้ามีการเปลี่ยนผ่านมือจะมีความยุ่งยากไม่น้อย

“เรื่องนี้ผมอยากให้กฎหมายเปิดช่องว่าง หรือผ่อนผันให้ช่างได้ครอบครองปืน เนื่องจากข้อกฎหมายที่ว่าห้ามเปลี่ยนมือ เรารับงานมาก็ผิดกฎหมาย ตรงนี้ทำให้ทำงานลำบาก ที่ผ่านมางานแบบนี้จึงไม่เป็นที่เปิดเผยมากนัก”

“วัฒน์” บอกว่า ถึงแม้อาชีพช่างแกะสลักปืนจะมีอุปสรรคมากแค่ไหน แต่เขายังคงรักและเดินหน้าทำงานนี้ต่อไป ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อสร้างสรรค์ผลงานผ่านกระบอกปืนอย่างที่เขาตั้งใจว่าจะเป็นงานที่มีชิ้นเดียวในโลก “ลายที่ผมทำจะเป็นลายที่คิดเอง ออกแบบเอง เป็นแบบใหม่ทุกชิ้น เพราะต้องการให้เป็นผลงานชิ้นเดียวในโลก ดังนั้นการทำงานจึงต้องใช้เวลา และอารมณ์ในการสร้างสรรค์ผลงานสูงมากครับ”
“ถ้าถามผมว่างานแกะสลักปืนให้คุณค่าอะไรแก่สังคมบ้างนั้น ผมมองว่าคุณค่าของอาชีพนี้ อยู่ที่การได้สร้างสรรค์ลวดลายศิลปะ ผ่านไอเดีย ใส่จินตนาการลงบนกระบอกปืน ให้นักเลงปืนทั่วโลกได้จดจำ ตราบนานเท่านาน”

มาถึงบรรทัดนี้คงเห็นแล้วว่าเส้นทางชีวิตของ “วัฒน์” นั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ สำหรับท่านที่สนใจใคร่รู้จักตัวตนของคุณวัฒน์ให้มากกว่านี้ ติดต่อได้ที่โทร. 08-4719-3313 หรือเฟซบุ๊ก อัฏฐวัฒน์ ครรชิตวัฒนา.
“จ๊อบแมน”
job_man28@yahoo.co.th

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/267946/‘อัฏฐวัฒน์’+กับเส้นทางช่างแกะสลักปืน

Read More...


‘หมอนรองเขียน’ ทำเงินจาก ‘อเนกประสงค์’


ดีไซน์ดีบวกกับมีความคิดสร้างสรรค์ยังใช้เป็น “ช่องทางทำกิน” ได้อย่างดี ยิ่งใส่เอกลักษณ์และประโยชน์ใช้งานที่หลากหลายเข้าไปด้วยแล้ว โอกาสที่จะทำเงิน รวมถึงได้รับความสนใจจากลูกค้าก็ยิ่งมีมากขึ้น อย่างเช่น “หมอนรองเขียนอเนกประสงค์” ของ “ทัศน์พาชื่น นิตยะ” ที่วันนี้ ทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลนำมาให้พิจารณา...

ทัศน์พาชื่น เจ้าของชิ้นงานหมอนรองเขียนที่ใช้ชื่อสินค้าว่า Ban Busrin Lap Desk เล่าว่า...เคยทำงานในบริษัทนมและไอศกรีมมาก่อน หลังจากนั้นจึงลาออกและมาลงทุนเปิดร้านอาหารและร้านไอศกรีมของตนเองขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังทำอยู่ ระหว่างนั้นต้องเดินทางไปเยี่ยมลูกชายที่สหรัฐอเมริกา และมีโอกาสได้เห็นหมอนรองเขียนแบบนี้ จึงคิดว่า...น่าสนใจ และเมืองไทยก็ยังไม่มีชิ้นงานในลักษณะนี้ จึงเกิดความคิดที่จะลองนำรูปแบบของชิ้นงานดังกล่าวมาปรับปรุงเพื่อผลิตเป็นสินค้าขึ้น โดยหลังจากกลับมาถึงเมืองไทยได้ให้ลูกชายช่วยออกแบบ จากนั้นจึงทดลองทำชิ้นงานขึ้น ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 เดือนกว่าจะลงตัว จนได้หมอนรองเขียนอเนกประสงค์ตามรูปแบบที่ต้องการ

’ตอนที่เห็นครั้งแรกก็รู้สึกสนใจ เพราะเมืองไทยยังไม่มีชิ้นงานประเภทนี้ ทั้งมองว่า...เป็นสินค้าที่ใช้งานได้หลากหลาย หรือใช้ได้อเนกประสงค์ จึงเกิดไอเดียที่จะนำมาผลิตเพื่อจำหน่าย“ ...เป็นที่มาของไอเดียหมอนรองเขียนที่ว่านี้

สำหรับการใช้งาน เจ้าของชิ้นงานกล่าวว่า...หมอนรองเขียนอเนกประสงค์นี้ ใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่น ใช้รองคอมพิวเตอร์แบบพกพาหรือโน้ตบุ๊กบนตัก เพื่อกันความร้อน, ใช้รองถาดอาหารเพื่อรับประทานอาหาร ขณะอยู่บนเตียงหรือตอนนั่งดูทีวี หรือจะใช้เป็นหมอนรองอ่านหรือเขียนหนังสือ ขณะอยู่บนรถหรือบนเตียงนอนก็ได้ เพราะสามารถปรับการใช้งานให้รองรับกับอิริยาบถต่าง ๆ ตามต้องการ จึงเป็นที่มาของหมอนรองเขียนอเนกประสงค์ ทั้งนี้ นอกจากจะขายผ่านทางเฟซบุ๊ก คือที่ www.facebook.com/Banbusrinlapdesk แล้วก็ยังมีวางจำหน่ายที่ร้าน บ้านบุศรินทร์ อาคารพญาไทเพลส ชั้น G ซึ่งเป็นร้านอาหารและไอศกรีมของตนเองอีกด้วย

’หมอนรองเขียนสามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย โดยเน้นการใช้ประโยชน์ที่หลากหลาย และปรับเปลี่ยนองศาได้ตามความต้องการ“ ...เจ้าของชิ้นงานกล่าว

ทุนเบื้องต้น ใช้เงินลงทุนประมาณ 10,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ ทุนวัสดุ อยู่ที่ประมาณ 60% จากราคา ซึ่งราคาขายอยู่ที่ 250-300 บาท โดยหมอนรองเขียนจะมี 2 ขนาด คือ ขนาดความหนา 1.5 นิ้ว กับความหนา 2 นิ้ว

วัสดุอุปกรณ์ ที่จำเป็น ประกอบด้วย บอร์ดไม้อัด (ความหนา 2 มิลลิเมตร โดยตัดให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 12x16 นิ้ว), จักรเย็บผ้า, เม็ดโฟมขนาดเล็ก, ผ้าคอตตอนลวดลายต่าง ๆ และกาวร้อน เป็นต้น

’ที่เลือกใช้บอร์ดไม้อัด เพราะคงทนแข็งแรงกว่าบอร์ดกระดาษแข็ง โดยราคาบอร์ดไม้ที่สั่งตัดตกอยู่ที่แผ่นละ 20-30 บาท แต่ถ้าต้องการประหยัดต้นทุนส่วนนี้ หรือยังผลิตไม่มากนักอาจใช้วิธีนำบอร์ดไม้อัดมาตัดเองก็จะลดต้นทุนส่วนนี้ได้มาก ส่วนเม็ดโฟมนั้น จะช่วยทำให้หมอนรองเขียนปรับรูปร่างได้ตามพื้นผิวที่ใช้วาง“... เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับ “วัสดุ” ที่ใช้ในการทำหมอนรองเขียนนี้

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากหุ้มบอร์ดไม้อัดก่อน โดยนำบอร์ดไม้อัด ขนาด 12x16 นิ้ว มาขัดด้วยกระดาษทรายเพื่อลบเสี้ยนไม้ จากนั้นเช็ดทำความสะอาดฝุ่นผงให้สะอาด เมื่อได้แล้วนำผ้าที่เลือกไว้มาทำการหุ้มบอร์ดไม้อัด โดยผ้าที่ใช้ต้องตัดให้ใหญ่กว่าบอร์ดไม้อัด ประมาณ 2 นิ้ว เมื่อหุ้มเสร็จแล้วให้ยึดติดด้วยกาวร้อนให้แน่น จากนั้นวางพักทิ้งไว้

ต่อไปเริ่มทำส่วนที่จะใช้เป็น “ตัวหมอนรองเขียน” โดยนำผ้าที่เลือกไว้มาตัดให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้ใหญ่กว่าบอร์ดไม้อัด ประมาณ 5 นิ้ว หลังจากนั้นทำการเย็บมุมทั้ง 4 มุม โดยเย็บให้เฉียงเล็กน้อย เมื่อเย็บเสร็จแล้วตัวของผ้าก็จะมีลักษณะคล้ายกับกระทง จากนั้นนำผ้าที่เย็บมุมแล้วติดลงบอร์ดไม้อัด ทำการยึดติดด้วยกาวเพียง 3 ด้าน โดยเว้นไว้ 1 ด้านสำหรับใช้เป็นช่องว่างในการยัดเม็ดโฟมเข้าไป การใส่เม็ดโฟมเข้าไปในตัวหมอนรองเขียน ควรให้พอประมาณ อย่าให้แน่นหรือหลวมเกินไป เมื่อใส่เม็ดโฟมเสร็จแล้ว ทำการพับด้านที่เหลือติดกับบอร์ดไม้ จากนั้นยึดติดด้วยกาวให้แน่นเป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำหมอนรองเขียน

’หมอนรองเขียนนี้ มีขั้นตอนไม่มาก สามารถเรียนรู้ได้ไม่ ยาก หากใครที่มีพื้นฐานงานผ้ามาบ้างก็จะยิ่งเป็นเร็วขึ้น“...เจ้าของชิ้นงานกล่าวแนะนำ สำหรับคนที่สนใจอยากจะฝึกหัดทำชิ้นงานนี้ เพื่อสร้างอาชีพ-สร้างรายได้

สนใจงาน “หมอนรองเขียน” โทร. 08-9779-9791, 0-2644-7500 หรือเข้าไปชมสินค้าได้ตามช่องทางต่าง ๆ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นงานไอเดีย ที่ใช้เป็น “ช่องทางทำกิน” ได้อย่างน่าสนใจ จากการนำเรื่องของดีไซน์มาประยุกต์กับความคิดสร้างสรรค์.

...........................................................................................

คู่มือลงทุน...ทำหมอนรองเขียน

ทุนเบื้องต้น ประมาณ 10,000 บาท

ทุนวัสดุ ประมาณ 60% จากราคา

รายได้ ราคา 250-300 บาทต่อชิ้น

แรงงาน 1 คนขึ้นไป

ตลาด กลุ่มเครื่องใช้

จุดน่าสนใจ วิธีทำไม่ยาก คู่แข่งน้อย

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ /สุรางค์รัตน์ เจนการ : เรื่อง
พิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์ : ภาพ

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/271232/‘หมอนรองเขียน’+ทำเงินจาก+‘อเนกประสงค์’

Read More...


ประดิษฐ์ที่วางมือถือจากฝาครีม


กลับมาพบกับ Trend can do ทุกวันศุกร์แบบนี้เช่นเคย สัปดาห์นี้ "ไทยรัฐออนไลน์" พาคุณไปดีไอวายที่วางมือถือกันรอยขีดข่วนหลังโทรศัพท์มือถือได้อย่างดีเว่อร์...
สาวๆ ที่รักความสวยความงาม ก็มักมีเครื่องสำอางและอุปกรณ์เสริมความงามหลากหลายชนิด และมักทิ้งบรรจุภัณฑ์เมื่อผลิตภัณฑ์หมด บรรจุภัณฑ์เมื่อผลิตภัณฑ์หมด เราจึงอยากชวนสาวๆ นำของเหลือใช้นี้มา D.I.Y. ให้เป็นของใช้เลอค่าด้วยฝีมือคุณเอง
เชื่อได้เลยว่าหลายคนต้องเจอกับปัญหาบริเวณหลังมือถือเป็นรอยอย่างแน่นอน เราจะขจัดปัญหานั้นทิ้งไปด้วยการดีไอวายที่วางมือถือ (Mobile Pad) ที่สามารถช่วยป้องกันการขีดข่วนบริเวณด้านหลังของโทรศัพท์มือถือ


สิ่งที่ต้องเตรียม
1.ฝาหลอดครีม Oriental Princess Natural sunscreen for body 
2.กล่องบรรจุภัณฑ์กระดาษ 1 กล่อง
3.ลูกปัด
4.แผ่นกันลื่น
5.ดินญี่ปุ่นหรือดินน้ำมัน
ขั้นตอนการทำ 
1.เตรียมฝาหลอดครีม แล้วนำดินญี่ปุ่นมาอัดด้านล่างของฝาให้แน่น

นำดินญี่ปุ่นมาอัดด้านล่างฝา

2.เมื่อดินญี่ปุ่นแข็งตัว ตัดกระดาษกล่องเป็นวงกลมมาปิดฐานที่ด้านล่าง

ตัดกระดาษกล่องเป็นวงกลม

3.ติดลูกปัดบริเวณรูตรงกลางของฝา

ติดลูกปัดบริเวณรูตรงกลาง

4.ตัดแผ่นกันลื่นเป็นวงกลมขนาดพอดีด้านบนของฝา และทากาวปิดทับลงบนฝา

ตัดแผ่นกันลื่นเป็นวงกลม

5.ตกแต่งด้วยริบบิ้นหรือลูกไม้ให้สวยงาม

ตกแต่งด้วยริบบิ้นหรือลูกไม้

Read More...


‘รองเท้าผ้าขาวม้า’ เปลี่ยนเชย..เป็นเงิน!


“ผ้าขาวม้า” ที่อาจดูเชยเกินไปสำหรับคนรุ่นใหม่นั้น ถูกเจ้าของชิ้นงานไอเดียดีนำมา “พลิกแพลง-เพิ่มลูกเล่น” จนเกิดเป็นชิ้นงานทำเงินได้อย่างน่าสนใจ ด้วยการนำลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของผ้าขาวม้ามาผสมผสานเข้ากับไอเดียการออกแบบ จนกลายเป็นชิ้นงาน “รองเท้าผ้าขาวม้า” ที่นอกจากจะไม่เชยแล้ว ยังถูกใจ-โดนใจกับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นด้วย ที่วันนี้ ทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอ

ประสบโชค น่วมขยัน เจ้าของชิ้นงาน “รองเท้าผ้าขาวม้า” เล่าว่า... ด้วยความที่ครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับรองเท้ามานานถึงกว่า 40 ปี จึงคุ้นเคยและมีความรู้เกี่ยวกับการทำรองเท้า ประกอบกับมีเพื่อนที่เปิดโรงงานผลิตผ้าขาวม้าอยู่ที่ จ.ราชบุรี จึงเกิดไอเดียที่จะนำวัสดุชนิดนี้มาผสมผสานเข้ากับงานรองเท้าที่ทำอยู่ จนเกิดเป็นรองเท้าผ้าขาวม้านี้ขึ้นมา

’ไอเดียนี้เริ่มจากเพื่อนที่มีโรงงานทำผ้าขาวม้ามาสั่งให้ช่วยผลิตรองเท้าจากผ้าชนิดนี้ให้หน่อย จึงลองทำขึ้นมา แต่ยังไม่ได้คิดว่า... จะนำไปวางขาย โดยลองเอารูปรองเท้าที่ทำเสร็จโพสต์ขึ้นบนเฟซบุ๊กก่อน เพื่อให้เพื่อน ๆ กับคนรู้จักช่วยวิจารณ์ ปรากฏว่า...มีคนชอบมาก จึงตัดสินใจผลิตรองเท้าออกมาขายซึ่งนอกจากขายในเฟซบุ๊กแล้วก็นำสินค้าที่ผลิตขึ้นออกไปขายตามงานแสดงสินค้าต่าง ๆ เรื่อยมา ซึ่งผลตอบรับที่ผ่านมาถือว่าน่าพอใจ” ...เจ้าของชิ้นงานกล่าวถึงความเป็นมาของชิ้นงานนี้

จุดเด่นของรองเท้าผ้าขาวม้า ประสบโชค กล่าวว่า... หลัก ๆ อยู่ที่เอกลักษณ์ของผ้าขาวม้า ที่มีกลิ่นไอความเป็นไทยสูง ซึ่งลวดลายของผ้าขาวม้าที่บางคนมองว่าดูเชยหรือไม่ทันสมัยนั้น หากนำมาปรับแต่งดัดแปลงให้ดีก็กลายเป็นชิ้นงานที่น่าสนใจขึ้นมาได้ โดยเจ้าของชิ้นงานยังบอกอีกว่า... ระยะหลัง ๆ มีการปรับเปลี่ยนโดยเน้นใช้ผ้าขาวม้าที่มีลวดลายและสีสันสดใสขึ้น เพื่อดึงดูดความสนใจของ “กลุ่มลูกค้าวัยรุ่น” โดยรองเท้าที่ทำเน้นผลิต “รองเท้าผู้หญิง” เป็นหลัก โดยมีไซซ์ให้เลือกตั้งแต่ 36-40 และนอกจากรองเท้าผ้าขาวม้าที่ทำขึ้นมาแล้ว ยังมีชิ้นงานอื่น ๆ ที่ทำขึ้นจากผ้าขาวม้าด้วย อาทิ ตุ๊กตา, ผ้าพันคอ, หมอนรองคอ, หมอนอิง, หมวก, กล่องทิซชู, กระเป๋า, เคสโทรศัพท์มือถือ, พวงกุญแจ, สมุดโน้ต รวมถึงเครื่องแต่งกายอย่างเช่น เสื้อ กางเกง และกระโปรง เป็นต้น เพื่อให้ชิ้นงานหลากหลาย ทำให้ลูกค้าไม่เบื่อ โดยเขาจะเป็นคนออกแบบเองทั้งหมด...

’ลูกค้าเป็นกลุ่มวัยรุ่น ดีใจที่ส่วนใหญ่บอกว่า... ชิ้นงานที่ทำนอกจากดูไม่เชยแล้ว ยังดูร่วมสมัย ตรงนี้ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วที่ตีโจทย์ผ้าขาวม้าแตก“ ...เป็น “วิธีคิด” ที่ผู้ผลิตสินค้ารายอื่น ๆ น่านำไปปรับใช้

ทุนเบื้องต้น ใช้เงินลงทุนประมาณ 20,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าอุปกรณ์กับเครื่องมือ ทุนวัสดุ อยู่ที่ประมาณ 30% จากราคา ซึ่งราคาขายอยู่ที่คู่ละ 590 บาท

วัสดุอุปกรณ์ ที่จำเป็น ประกอบด้วย ผ้าขาวม้า, จักรเย็บผ้า, หุ่นรองเท้า, มีดบล็อก, คีม, ค้อน, ตะปู, กรรไกร, กาวยาง, เครื่องอัดรองเท้า, พื้นรองเท้า, ยางส้นรองเท้า, หนังซับใน, ฟองน้ำ, ผ้าดิบ เป็นต้น โดยผ้า 1 ผืนใช้ทำรองเท้าได้ประมาณ 10 คู่

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากเลือกทำแบบหรือแพตเทิร์นรองเท้า จากนั้นนำผ้าขาวม้าไปเคลือบกาวเพื่อรักษารูปทรง เสร็จแล้วนำผ้าขาวม้าที่ได้มาวางบนผ้าดิบแล้วใช้กาวยางทาเพื่อยึดติดไว้ ทำการตัดแพตเทิร์นเพื่อขึ้นแบบรองเท้า และให้นำหนังซับในรองเท้ามาทำการประกบกับผ้าดิบ จากนั้นใช้จักรเย็บผ้าเย็บให้ติดกัน โดยเมื่อเย็บเสร็จแล้ว ให้นำมาขึ้นรูปทรงรองเท้ากับหุ่นรองเท้า ใช้มือดึงให้ผ้าแน่นเข้ากับหุ่นรองเท้า จากนั้นใช้ค้อนตอกตะปูเพื่อยึดให้ติดแน่นอีกครั้งหนึ่ง เสร็จแล้วนำพื้นรองเท้าทากาวติดกับยางส้นรองเท้ากับหนังรองเท้า โดยใช้มีดบล็อกตัดให้เป็นรูปทรง และนำมาติดเข้าที่ด้านในของพื้นรองเท้า จากนั้นจึงนำรองเท้าเข้าเครื่องอัดรองเท้า เพื่อดันทรงรองเท้าให้แน่น

ขั้นตอนต่อมา ให้นำผ้าขาวม้ามาตัดเป็นเส้นตรงประมาณ 1-2 เส้น เพื่อใช้สำหรับทำเชือกรองเท้า หรือทำเป็นโบสำหรับตกแต่งให้รองเท้า โดยใช้วิธีเจาะรูที่รองเท้าแล้วใช้ผ้าขาวม้าที่ตัดเป็นเส้น ๆ ร้อยเข้าไปแทนการใช้เชือกผูกรองเท้าแทนการเย็บ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำรองเท้าผ้าขาวม้า

’ผ้าขาวม้ามีข้อเสีย คือชายผ้ามัก หลุดลุ่ยง่าย การวางลายจึงต้องวางให้ตรง ไม่บิดเบี้ยว โดยเทคนิคที่ช่วยทำให้ผ้าขาวม้าไม่ขาดลุ่ย คือให้นำผ้าไปเคลือบก่อนเพื่อทำให้อยู่ทรง“ ...เป็นคำแนะนำจากเจ้าของชิ้นงานรายนี้

สนใจงาน “รองเท้าผ้าขาวม้า” โทร. 08-1822-7561, 08-1880-2288 หรือชมสินค้าได้ที่ ร้านอิมปานิ ตลาดน้ำอัมพวา ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และที่ www.facebook.com/pakapa.phakaomah ทั้งนี้ ผ้าขาวม้าถือเป็นวัสดุหนึ่งที่มีการต่อยอด-ดัดแปลง เป็นชิ้นงานได้หลากหลาย ซึ่งชิ้นงานนี้เป็นอีกหนึ่ง “ช่องทางทำกิน” ที่ทำเงินจากวัสดุผ้าขาวม้า...

.....................................................................................

คู่มือลงทุน...รองเท้าผ้าขาวม้า

ทุนเบื้องต้น ประมาณ 20,000บาท

ทุนวัสดุ ประมาณ 30% จากราคา

รายได้ ราคา 590 บาทต่อคู่

แรงงาน 1 คนขึ้นไป

ตลาด กลุ่มผู้หญิง แหล่งท่องเที่ยว

จุดน่าสนใจ ทุนวัสดุต่ำ เพิ่มมูลค่าให้วัสดุ

สุรางค์รัตน์ เจนการ : เรื่อง/สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/269572/‘รองเท้าผ้าขาวม้า’+เปลี่ยนเชย..เป็นเงิน!

Read More...


ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0










































 
Blogger Tips and TricksLatest Tips And TricksBlogger Tricks
Do it your self,handmade,HandiCraft,งานฝีมือ,อาชีพเสริม,ช่องทางทำเงิน บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.