บทความที่ได้รับความนิยม


Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

‘ทำกรอบรูป’ ฝึกทำขาย...รายได้ดี!



ถึงแม้ “อาชีพทำกรอบรูป” จะต้องใช้ความชำนาญและทักษะเฉพาะทาง แต่ถ้าใครสนใจจริงก็สามารถเรียนรู้ได้ไม่ยาก อย่างเช่น “สัญญา ศรีวิเชียร” เจ้าของธุรกิจรับทำกรอบรูป ที่ได้เรียนรู้และฝึกหัดด้วยตนเองจนเกิดความชำนาญ และสามารถเปิดร้านทำเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับตนเองได้เป็นอย่างดี
ที่วันนี้ คอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอให้พิจารณา...

สัญญา ศรีวิเชียร เจ้าของร้านรับทำกรอบรูป เล่าว่า ยึดอาชีพนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยเริ่มจากการศึกษาเรียนรู้วิชาชีพแขนงนี้ด้วยตนเอง ก่อนที่จะยึดเป็นอาชีพ และสามารถเปิดร้านรับทำกรอบรูปของตัวเองได้ในที่สุด ทั้งนี้ เขาบอกว่า แรงบันดาลใจที่จะยึดอาชีพนี้ เริ่มขึ้นหลังจากที่เรียนจบชั้น ม.6 และตั้งใจว่าจะออกมาทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว ซึ่งตอนแรก ๆ ก็ยังไม่รู้ว่าจะประกอบอาชีพอะไร จนได้มาเห็นพี่คนหนึ่งที่ยึดอาชีพวาดภาพขาย ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า อุปกรณ์อย่างเฟรมผ้าใบและกรอบรูปเป็นสิ่งของที่ทั้งศิลปินที่วาดภาพขาย รวมถึงคนทั่วไปต้องใช้ จึงเกิดไอเดียที่จะเปิดร้านทำกรอบรูปขึ้น จากคนที่ไม่มีพื้นฐานการทำกรอบรูปมาก่อนเลย แต่สุดท้ายก็สามารถที่จะพัฒนาฝีมือ จนทำเป็นอาชีพได้...

’ตอนนั้นไม่มีความรู้เรื่องการทำกรอบรูปเลย แต่ก็ตัดสินใจไปซื้อเครื่องตัดไม้สำหรับทำกรอบรูป จากนั้นจึงกลับมา ทดลองฝึกหัดทำด้วยตนเอง ลองผิดลองถูกอยู่ 1 ปี จนฝีมือเริ่มเข้าที่ก็ตัดสินใจทำขาย โดยเริ่มจากการทำกรอบรูปขนาดเล็ก ๆ ก่อนที่จะพัฒนาชิ้นงานให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และมีรายละเอียดที่มากขึ้น ซึ่งก็ทำเรื่อย ๆ มาจนถึงปัจจุบัน“ เจ้าของร้านทำกรอบรูปกล่าว

ทุนเบื้องต้น สำหรับคนที่จะเปิดร้านทำกรอบรูป สัญญาบอกว่า ใช้เงินลงทุนประมาณ 100,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าอุปกรณ์ เครื่องมือ และวัสดุ ทุนวัสดุ อยู่ที่ 50% จากราคา ซึ่งราคาขาย “กรอบรูป” อยู่ที่ตั้งแต่ 80-9,000 บาท ขึ้นอยู่กับวัสดุ หรือขนาดของกรอบรูป รวมถึงความยากง่ายของชิ้นงานเป็นสำคัญ ส่วนถ้าเป็น “กระจกเงา” ราคาอยู่ที่ตั้งแต่ 150-15,000 บาท

วัสดุอุปกรณ์ ที่จำเป็นต้องใช้ประกอบด้วย เครื่องตัดไม้แบบใช้เท้าเหยียบ, เครื่องตัดไม้แบบใช้มือผลักสไลด์, เครื่องประกอบมุม, ปั๊มลม, ปืนยิงลิ่มหลัง, ไขควง, มีดตัดกระจก, มีดคัตเตอร์, ไม้เส้นกรอบรูป, กระจก, ไม้ฝาหลัง, หูแขวน, ลวดสลิง กระดาษกาว ฯลฯ

ขั้นตอนการทำ “กรอบรูป” เริ่มจากการวัดไซซ์รูปภาพที่ต้องการจะนำมาใส่ในกรอบรูปก่อน หลังจากได้ไซซ์รูปแล้วให้นำไม้เส้นกรอบรูปที่ลูกค้าเลือกไว้ไปทำการตัดด้วย เครื่องตัดไม้แบบใช้เท้าเหยียบ หรือกรณีที่เป็นไม้เส้นกรอบรูปที่มีหน้ากว้าง ก็ให้เปลี่ยนมาใช้เครื่องตัดไม้แบบใช้มือผลักสไลด์ ก่อนตัดให้ทำการตั้งค่าที่เครื่องตัดไม้ก่อน เพื่อให้ได้ขนาดและความยาวที่ต้องการ โดยทำแบบนี้จนได้ไม้เส้นกรอบรูปครบทั้ง 4 ด้าน

หลังจากที่ได้ไม้เส้นกรอบรูปครบแล้ว นำไปเข้าเครื่องประกอบมุม โดยทำการเข้ามุมทีละมุมจนครบทั้ง 4 มุมก็จะได้กรอบรูป จากนั้นทำการวัดกระจกใส และใช้มีดตัดกระจกให้มีขนาดพอดีกับกรอบรูป ทำการตัดไม้ฝาหลังให้เท่ากับแผ่นกระจก เมื่อได้แล้วให้นำกระจกมาวาง ใส่รูปภาพเข้าไปในกรอบรูป และใช้ไม้ฝาหลังปิดด้านหลังกรอบรูป จากนั้นใช้ปืนยิงลิ่มยิงอัดแผ่นไม้ด้านหลังกรอบรูปให้แน่น ติดกระดาษกาวที่ขอบของกรอบรูป ประกอบชุดหูสำหรับแขวนกรอบรูป หรือกรณีเป็น กรอบรูปที่มีขนาดใหญ่และมีนํ้าหนักมาก อาจเปลี่ยนมาใช้ลวดสลิงแทน เพราะรับนํ้าหนักได้มากกว่าการใช้หูแขวนกรอบรูป เป็นอันเสร็จขั้นตอน

การทำ “กรอบกระจกเงา” ก็มีขั้นตอนคล้ายกันกับการทำกรอบรูป โดยเมื่อได้กรอบรูปแล้ว ให้ทำการตัดแผ่นกระจกเงาให้ได้ขนาดกับกรอบรูป จากนั้นทำการติดลงบนกรอบรูป และใช้ไม้ฝาหลังปิดด้านหลังกรอบรูป ซึ่งความแตกต่าง ระหว่างการทำกรอบกระจกเงาและการทำกรอบรูปนั้น จะอยู่ตรงที่การยึดด้านหลัง โดยการทำกรอบกระจกเงาจะใช้ปืนลมยิงตัวแม็คยิงเพื่อยึดไม้แผ่นด้านหลังกรอบ ก่อน จากนั้นตามด้วยการใช้ปืนกาวซิลิโคนยิงยึดขอบกรอบกระจกเงาอีกชั้น เพื่อความคงทนแข็งแรง และป้องกันไม่ให้แผ่นกระจกเงาขยับไปมา ทำการปิดกระดาษกาวทับ

’คนที่เริ่มหัดทำใหม่ ๆ อาจเริ่มจากการนำเศษไม้ มาทดลองทำดูก่อนก็ได้ โดยอาจเริ่มจากการทำกรอบรูปขนาดเล็ก ๆ จนเมื่อฝีมือชำนาญมากขึ้น ถึงจะค่อยนำไม้จริง ๆ มาลองทำ“  เจ้าของร้านทำกรอบรูปได้แนะนำไว้ เผื่อจะมีคนสนใจอาชีพ “ทำกรอบรูป” นี้ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่ง “ช่องทางทำกิน” ที่น่าพิจารณาไม่น้อย

สนใจงาน ’กรอบรูป“ หรือกระจกเงา ไปชมได้ที่ ร้านศิลปชัย ตลาดนัดจตุจักรพลาซ่า โซน C ซอย 3 ห้อง 112 (โทร. 08-5065-5009) และกับอาชีพทำกรอบรูป ที่หลายคนมองว่าทำยากหรือต้องมีทักษะ ความจริงแล้วหากตั้งใจก็สามารถทำเป็นอาชีพได้ไม่ยาก ขอเพียงมีความมุ่งมั่น-ตั้งใจที่จะทำกินจริง ๆ อาชีพทำกรอบรูปนี้ ก็สามารถใช้ทำเป็น ’ช่องทางทำกิน“ ได้แน่นอน...

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน
คู่มือลงทุน...เปิดร้านกรอบรูป
ทุนเบื้องต้น ประมาณ 100,000 บาท
ทุนวัสดุ ประมาณ 50% จากราคา
รายได้ 80-9,000 บาท
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด งานศิลปะ ของตกแต่ง
จุดน่าสนใจ ทำขายได้ตลอดทั้งปี

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/254851/‘ทำกรอบรูป’+ฝึกทำขาย...รายได้ดี!

Read More...


“น้ำผึ้งป่า” คุณภาพเยี่ยม แต่หายากจากฝีมือ “พรานล่าผึ้ง” เมืองนครฯ


       ท่ามกลางความมืดสนิทของคืนเดือนมืด “ทีมพรานล่าผึ้ง” ของ เฉลิม กาญจนพิทักษ์ ผู้ นำชุมชนเก้ากอ เดินเท้าขึ้นไปบนภูเขาบ้านเก้ากอ ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช เป้าหมายคือรังผึ้งหลวงขนาดใหญ่บนต้นยายพัด ต้นไม้เก่าแก่ 4 คนโอบ สูงร่วม 30 เมตร ยืนต้นตระหง่านมานานอย่างน้อย 2-3 ช่วงอายุคนแล้ว
       
       รังผึ้งหลวงบนต้นยายพัดต้นนี้ได้ถูกหมายตาไว้เป็นแรมเดือนแล้ว หลังจากผึ้งป่าหรือที่รู้จักกันในชื่อผึ้งหลวงได้ “จับรัง” สร้างสะสมน้ำผึ้ง เมื่อถึงคราวเดือน 5 น้ำผึ้งป่าจะหอมหวานดังคำเปรียบเปรย “หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า” นั่นเป็นเรื่องจริง อย่างน้อยการล่าครั้งนี้จะต้องได้น้ำผึ้งป่าหอมหวานมาครองให้ได้ 9-10 ขวด

“น้ำผึ้งป่า” คุณภาพเยี่ยม แต่หายากจากฝีมือ “พรานล่าผึ้ง” เมืองนครฯ

       “วิถีพรานล่าผึ้ง” ของชาวชุมชนแห่งนี้สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติบนเทือกเขาหลวง 
       
       คบไฟสำหรับก่อให้เกิดควันไล่ผึ้งหลวงตัวใหญ่มีเหล็กในที่มีพิษถูกทำด้วย “เปลือกไม้สามแก้ว” เป็นไม้พิษชนิดหนึ่งที่พบมากบนเทือกเขาหลวง แต่ไม่มีพิษกับคน ถูกเตรียมไว้อย่างเพียบพร้อม พร้อมทั้ง “ทอย” ที่ ถูกทำขึ้นจากไม้ไผ่ตงเหลาจนแหลมคม สำหรับตอกเข้าไปในเนื้อต้นไม้เพื่อเป็นทางสำหรับป่ายปีนไปให้ถึงรังผึ้งที่ หมายตาสูงไปกว่า 20 เมตรจากพื้นดิน ทุกอย่างถูกดำเนินการจนเสร็จสิ้นตามขั้นตอน

“น้ำผึ้งป่า” คุณภาพเยี่ยม แต่หายากจากฝีมือ “พรานล่าผึ้ง” เมืองนครฯ

       พรานผึ้งลงมาจากต้นไม้รอท่าให้ “เดือนตก” จะได้เวลาที่มืดสนิทเป็นเวลาที่จะเข้าตีรังผึ้งให้ได้อย่างปลอดภัย โดยที่ไม่ถูกตอบโต้
       
       เมื่อได้เวลาหลังจากพรานผึ้งเอ่ยปากเอ่ยคำขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง และขอรังผึ้ง น้ำผึ้งไปเลี้ยงชีวิตตามความเชื่อแล้ว จึงปีนขึ้นไปบนทอยไม้อย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ช่วยคอยจุดคบไฟโยงขึ้นไปให้ พร้อมทั้ง “แสก” สำหรับใส่ “หัวน้ำผึ้ง” และรังผึ้งที่เต็มไปด้วยตัวอ่อนโยงกลับลงมาบนพื้นดิน เพื่อเข้าสู่กรรมวิธีบีบน้ำผึ้งเช่นเดียวกับทุกฤดูกาล
       
       “วิธีเก็บน้ำผึ้งป่ามีหลายแบบ แบบนี้เรียกว่าตอกทอยขึ้นไปบนต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ และผูกกับไม้ไผ่ขึ้นไปจนถึงรังผึ้ง หลังจากนั้นจะใช้คบไฟที่ทำจากเปลือกไม่สามแก้ว ที่เมื่อจุดแล้วจะมีควันเป็นหลัก ใช้สำหรับไล่ผึ้งออกจากรัง คบไม่มีเปลวไฟ มีเพียงสะเก็ดที่หลุดออกมาจากคบเป็นตัวล่อให้ผึ้งบินตาม” เฉลิม กาญจนพิทักษ์ อธิบาย

“น้ำผึ้งป่า” คุณภาพเยี่ยม แต่หายากจากฝีมือ “พรานล่าผึ้ง” เมืองนครฯ 

       เช่นที่เฉลิมอธิบาย พลันที่พรานผึ้งเริ่มปฏิบัติการท่ามกลางความมืด เห็นได้แค่ละอองสะเก็ดไฟจากเปลือกไม้สามแก้วกระจายเป็นสายลงมาจากคาคบไม้สูง พร้อมกับเสียงผึ้งแตกรังมาเป็นระลอกๆ ทุกคนที่อยู่ด้านล่างต้องปิดไฟฉาย หรือแหล่งกำเนิดแสงไฟใดๆ ก็แล้วแต่ นั่นหมายถึงว่าหากมีแสงไฟผึ้งที่แตกรังจะพุ่งเข้ามาโจมตีทันที
       
       เพียงไม่ถึง 5 นาทีขั้นตอนทุกอย่างจบลง รังผึ้งถูกบรรจงโยงลงมาถึงพื้นดิน โดยมีผู้ช่วยรอรับ แล้วจึงนำไปจัดการเก็บใส่ขวดรักษาคุณภาพ
       
“น้ำผึ้งป่า” คุณภาพเยี่ยม แต่หายากจากฝีมือ “พรานล่าผึ้ง” เมืองนครฯ 

       แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า การเก็บรังผึ้งแต่ละครั้งรังทั้งหมดจะถูกทำลายอย่างย่อยยับ การเก็บเอาประโยชน์จากผึ้งเหล่านี้ พรานผึ้งที่นี่ต่างรู้ดีว่าความคงยั่งยืนจะเกิดขึ้นหากช่วยกันรักษา วิธีการเก็บจึงบรรจงใช้มีดปาดเอาแค่ “หัวน้ำผึ้ง” ที่อยู่บนรวงผึ้งเท่านั้น และเหลือไว้ส่วนหนึ่งพร้อมทั้งตัวอ่อน เพื่อให้พวกมันได้ซ่อมแซมรังและออกลูกออกหลานได้ต่อไป
        
       จึงไม่แปลกที่ต้นไม้ใหญ่แทบทุกต้นที่มีผึ้งป่ามาจับรัง เมื่อถึงฤดูกาลลูกหลานของผึ้งจะมาทำรังที่เดิมอย่างน่าเหลือเชื่อ ชาวชุมชนที่นี่จึงมีน้ำผึ้งป่าเก็บออกจำหน่ายได้ทุกปี

“น้ำผึ้งป่า” คุณภาพเยี่ยม แต่หายากจากฝีมือ “พรานล่าผึ้ง” เมืองนครฯ 

       หลังจากได้รังผึ้งและรวงผึ้งมาแล้ว ขั้นตอนของการเก็บแยกเอาน้ำผึ้งจึงเริ่มขึ้น รวงผึ้งที่เต็มไปด้วยน้ำผึ้งถูกแยกออกไว้เฉพาะ แล้วจึงทำการบีบคั้น ก่อนกรองเฉพาะน้ำผึ้ง แยกสิ่งที่ไม่ต้องการออก แล้วจึงบรรจุขวด ส่วนรังตัวอ่อนและไขผึ้ง พร้อมทั้งนมผึ้ง คือสารอาหารสำคัญที่มีคุณค่าสูง และนับเป็นสมุนไพรชั้นดีเยี่ยมถูกเก็บไว้ต่างหาก
       
       ตัวอ่อนผึ้งมีกรรมวิธีการรับประทานตามแต่ถนัด บ้างรับประทานสดพร้อมกับน้ำผึ้ง หรือไปประกอบอาหารเพิ่มความเผ็ดร้อนตามพอใจ

“น้ำผึ้งป่า” คุณภาพเยี่ยม แต่หายากจากฝีมือ “พรานล่าผึ้ง” เมืองนครฯ 

       เฉลิม กาญจนพิทักษ์ ยังบอกอีกว่า ปีนี้เป็นปีทองของวงการผึ้งใน ต.ทอนหงส์ทีเดียว จากความแห้งแล้งยาวนานกว่าทุกปี ชาวบ้านได้จัดทีมเก็บน้ำผึ้งป่าที่มีเป็นจำนวนมากกว่า 20 ทีม เท่าที่สำรวจในขณะนี้มีการเก็บน้ำผึ้งได้แล้วมากกว่า 7 พันขวด จำหน่ายขวดละ 500-1,000 บาท สร้างรายได้ให้อย่างเป็นประวัติการณ์ ขณะนี้มีเม็ดเงินเข้ามาในพื้นที่แล้วกว่า 3.5-4 ล้านบาท 
       
       “ที่สำคัญหลังจากฤดูแล้งแล้วจะมีช่วงที่ชาวบ้านออกหาน้ำผึ้งป่า อีกช่วงคือ เดือน 7-8 ช่วงนี้ในวงการน้ำผึ้งจะรู้ว่าเป็นน้ำผึ้งที่หายาก และมีคุณค่าสูงสำหรับสรรพคุณทางยาคือ ‘น้ำผึ้งขม’ ซึ่งจะเป็นน้ำผึ้งที่มีรสชาติขม อันเกิดจากผึ้งเก็บเอาเกสรดอกไม้และน้ำหวานจากดอกไม้ที่มีรสขม เช่น บอระเพ็ด และพืชที่เป็นสมุนไพรหลายอย่าง น้ำผึ้งประเภทนี้จะมีราคาสูงถึงขวดละกว่า 1 พันบาท และเป็นที่ต้องการสูงมากของตลาด” หัวหน้าทีมล่าผึ้งเล่าให้ฟัง

“น้ำผึ้งป่า” คุณภาพเยี่ยม แต่หายากจากฝีมือ “พรานล่าผึ้ง” เมืองนครฯ

       เกรียงศักดิ์ รักษ์ศรีทอง นายอำเภอพรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ออกสำรวจความเป็นผู้ของชุมชนที่เขาดูแล และติดตามทีมพรานผึ้งไปดูถึงวิถีชีวิตคนกับป่าที่ผสมกันได้อย่างกลมกลืน เขาบอกว่าอำเภอได้มีการเก็บข้อมูลการหาน้ำผึ้งป่าของชาวบ้าน พบว่า ในฤดูกาลนี้ชาวบ้านสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวสูงมาก ที่สำคัญได้แสดงให้เห็นว่าพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างน่าพอใจ และต่างช่วยกันอนุรักษ์แบบพึ่งพาอาศัยกันจนมีความยั่งยืน 
       
       ชาวบ้านต่างดูแลกันและกัน ระมัดระวังกันเองเรื่องคุณภาพของสินค้าที่หามาได้ ไม่มีการปลอมปน ทุกขวดที่บรรจุน้ำผึ้งป่าออกไปขายจะเป็นน้ำผึ้งแท้ทั้งหมด หากใครปลอมปนเจือปนออกมาเขาก็จะล้มละลายในอาชีพหาน้ำผึ้งไปเลย ขณะที่ทางราชการนั้นได้ช่วยส่งเสริมให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติมีความยั่งยืน ชุมชนมีความสุข” นายอำเภอพรหมคีรีกล่าวทิ้งท้าย
       
       สนใจลองติดต่อไปยัง อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช
       
       เรื่อง/ภาพโดย…กฤษณะ  ทิวัตถ์สิริกุล

Read More...


ธุรกิจคาร์แคร์ สุดยอดกิจการน่าลงทุน ...แจกฟรีโปรแกรมบริหารธุรกิจคาร์แคร์


             คาร์แคร์นับเป็นธุรกิจที่น่าใจมากใน ปัจจุบัน ถ้านับจากตัวเลขของผู้ใช้รถที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วจะเป็นตัวเลขที่ สวนทางกับเวลาว่างที่ผู้ใช้รถที่นับวันจะยิ่งมีน้อยลงไปทุกที ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน เสียเวลาไปกับรถติดบนท้องถนน การใช้เวลากับครอบครัว เวลาว่างที่ผู้ใช้รถจะหันมาดูแลรถของตัวเองก็ยิ่งเหลือน้อยกรอปกับอ่อนเพลีย จากการทำงานหนักจึงเป็นสาเหตุให้คนใช้รถส่วนใหญ่เริ่มหันไปใช้บริการ Car Care เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว

ขอบคุณภาพจากคาร์แคร์ ซ.รามคำแหง52/2
ขอบคุณภาพจากคาร์แคร์ ซ.รามคำแหง52/2

         ธุรกิจคาร์แคร์ คืออะไร? คาร์แคร์เป็นธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลรถยนต์มีหลายระดับขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น position and target segmentator ทุนทรัพย์ ทำเลยที่ตั้ง มีตั้งแต่ดูแลแบบง่ายภายนอก ล้าง ขัด เคลือบ จนกระทั่งถึงการดูแลแบบครบวงจรซึ่งอาจต้องใช้ความรู้ เครื่องมือที่อยู่ในระดับสูงขึ้นไปอีกระดับ รวมไปถึงธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องการจัดจำหน่ายสินค้า อุปกรณ์ วัสดุที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ การซ่อมบำรุงรักษารถยนต์

 “ในปัจจุบันแม้จะมีธุรกิจคาร์แคร์ออกมา หลากหลายรูปแบบพร้อมกับการแข่งขันที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่ก็ยังมีโอกาสสำหรับผู้ที่อยากจะทำธุรกิจคาร์แคร์นี้ เพราะปัจจัยของความสำเร็จ (key of success) ยังเป็นเรื่องของคุณภาพ งานบริการและทำเลที่ตั้งเป็นสำคัญ เป็นธุรกิจที่กลุ่มลูกค้านั้นมี Brand Loyalty สูง หากลูกค้าพอใจ ลูกค้ามีโอกาสที่จะกลับมาใช้บริการซ้ำในอัตราที่สูงมากทีเดียว”

 คาร์แคร์ต้องเริ่มอย่างไร? จะเริ่มคาร์แคร์จะเรียกว่าง่ายก็ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความพยายามครับ
       1. รู้จักตัวเราเองก่อน การรู้จักตัวเองไม่ได้หมายถึงรู้ตัวเองทางกายภาพหรือเรื่องส่วนตัวทั่วไป การรู้จักตัวเองคือการวิเคราะห์ตัวเอง เช่น “ความพยายาม” ไม่มีความรู้ไม่เป็นไรความรู้ขวนขวายหามาได้เสมอ “มีวินัย” ไม่ว่าจะเป็นกองทัพในยุคไหนก็ตามหากขาดวินัยก็ไม่อาจประสบความสำเร็จได้ “ทุนทรัพย์” แม้เสบียงจะเหลือน้อยเพียงไรก็สามารถจัดการบริหารได้เสมอ สำคัญคือต้องกำหนดขอบเขตทุกอย่างเป็นรูปแบบ การทำอะไรเกินตัวโดยไม่มีการวางแผนสุดท้ายก็จะเป็นการทำลายตัวเอง

       2. ทำเลที่ตั้ง ทำเลที่ตั้งดีนั้นมีชัยไปกว่าครึ่ง โดย Business model หลักของธุรกิจคาร์แคร์เป็นการดึงให้ลูกค้ามาหาเรา มาใช้บริการกับเรา ลูกค้าต้องเดินทางมาเอง ไม่ว่าจะเป็นการที่ลูกค้าตั้งใจมาใช้บริการหรือเป็น ทางผ่าน ลูกค้าก็มี Cost เสมอ ทั้งต้นทุนที่จับต้องได้ (Tangible Costs) เช่น ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร ค่าจิปาถะ หรือต้นทุนที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Costs) ความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย สภาพจิตใจที่ต้องเจอภาวะบนท้องถนน เป็นต้น การที่เราอยู่ทำเลที่ตั้งดีลูกค้าก็ให้ใจเรามาครึ่งหนึ่งแล้วครับ
Recommended Tip : ทำเลที่เหมาะสมสำหรับคาร์แคร์ควรเป็นทำเลที่รถผ่านง่าย สะดวก ทำเลที่อาจใช้เป็นจุดผักผ่อนระหว่างรถติด ทำเลที่อยู่ใกล้สถานที่ที่ต้องใช้เวลาในการทำธุระ เช่นระหว่างการซื้อสินค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ปั้มน้ำมัน ปั้มแก๊ส เป็นต้น

       3. คู่แข่งขัน การวิเคราะห์แค่ตัวเรานั้นยังไม่เพียงพอต่อความสำเร็จในธุรกิจคาร์แคร์ การซื้อใจลูกค้าได้เราต้อง “รู้ทั้งเขา รู้ทั้งเรา” สิ่งที่เราพอจะรู้ของเขาได้นั้นสามารถแยกวิเคราะห์เป็น รูปแบบธุรกิจของเขาว่ากลุ่มลูกค้าหลักเป็นใคร รถยนต์ที่นำมาใช้ในระดับไหน การบริการของเขามีอะไรบ้าง คุณภาพของวัสดุ วัตถุดิบที่นำมาใช้ เป็นต้น ซึ่งการจะรู้เขาได้นั้นเราต้องเป็นลูกค้าไปใช้บริการของเขาเลยจะดีที่สุด แล้วค่อยมากำหนดตัวเราต่อไปว่าจะชนกับเขาได้ไหมหรือเลี่ยงเขาไปกลุ่มเป้า หมายอื่นหรือทำเลอื่น

       4. ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับคาร์แคร์ให้มากที่สุด ทั้งความรู้เบื้องต้นเช่นการล้าง เคลือบ ไปจนถึงความรู้ เทคนิคต่างๆ อยู่เสมอ ซึ่งตอนนี้มีธุรกิจเกี่ยวกับคาร์แคร์ออกมามากมายไม่ว่าทั้งในประเทศและต่าง ประเทศ การหาความรู้ทั้งเก่าและใหม่ เทคโนโลยี่ต่างๆ ที่หาได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เช่นจากใน youtube ก็หาพวกคำว่า “how to car wash” “car care tips” “car care products” มีมากมายแต่ส่วนใหญ่ให้ลองหาจากเว็บไซต์ต่างประเทศ เทคโลโนยีจะมากกว่าในไทยพอสมควร พยายามคิดวางกรอบจำลอง (Simulator) ในการให้บริการ-ใช้บริการหลายๆ รูปแบบเพื่อกำหนดงานบริการของเราได้อย่างมีเป้าหมาย

       5. กำหนดแผนธุรกิจให้รัดกุม กลุ่มลูกค้าหลัก ลูกค้ารอง ทำไมต้องกำหนดกลุ่มลูกค้าด้วยนั้นหลายๆ คนอาจจะสับสนกับเรื่องที่ลูกค้าทุกคนเข้ามาใช้บริการนั้นก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องทำให้ยุ่งยากด้วย ขออธิบายอย่างนี้ครับ การกำหนดกลุ่มลูกค้าหลัก กลุ่มลูกค้ารอง เป็นการกำหนดเพื่อให้ “เราสามารถวางกลยุทธเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายของเราได้ตรง จุดมากที่สุดและทันท่วงทีต่อการแข่งขันกับคู่แข่ง” การว่านแหไม่ใช่เรื่องเลวร้ายแต่อาจจะใช้ไม่ได้กับยุคของการแข่งขันใน ปัจจุบันเสียแล้ว

Recommended Tip : การทำจุดพักผ่อนแบบครบวงจร เป็นตัวเสริมจุดขายที่แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบาย อาหาร เครื่องดื่ม เทคโนโลยี มุมหรืออุปกรณ์สำหรับเด็ก เป็นต้น

ขอบคุณภาพจากสามเหลี่ยมคาร์แคร์
ขอบคุณภาพจากสามเหลี่ยมคาร์แคร์

       6. ทรัพยากรมนุษย์ เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้อย่างถึงที่สุดของงานบริการทุกชนิด คาร์แคร์ก็เป็นงานบริการรูปแบบหนึ่งที่ต้องใช้คน ใช้พนักงานที่ต้องการความใส่ใจกับงานบริการที่ตัวเองทำ ซึ่งจะขัดแย้งกับอัตราการเข้าออกของพนักงานที่มีอยู่เสมอแต่ไม่ใช่ปัญหาที่ เลี่ยงไม่ได้ การซื้อใจและควบคุมคุณภาพของพนักงานก็เป็นความสำคัญดังเช่นกองทัพที่ไม่อาจ สู้ศึกใหญ่ได้ถ้าภายในยังเกิดปัญหา
แต่ในปัจจุบันมีรูปแบบธุรกิจคาร์แคร์ง่ายกว่านั้นขึ้นมากโดยที่แยกกับต้น ทุนที่สูงขึ้นตามมาก เช่น ทัั้งที่ขายแฟรนไชส์คารแคร์ครบวงจนชื่อดังต่างๆ การรับออกแบบวางระบบคาร์แคร์ตั้งแต่ศูนย์ การรับเป็นที่ปรึกษาการทำธุรกิจคาร์แคร์ การอบรมคารแคร์ หรือพวกแฟรนไชส์สินค้าที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจคาร์แคร์ แม้กระทั่งแฟรนไชส์ Car Care on side service บริการกันถึงที่ก็เริ่มมีกันบ้างแล้ว หากใช้บริการของหน่วยงานเหล่านี้ สิ่งที่เราจะได้โดยแลกกับต้นทุนที่เสียไปคือ ความรู้ในการทำคาร์แคร์ (Know-How) ระบบการทำงานของธุรกิจ (Besiness Model) ชื่อเสียง (Brand) เวลา (Time) ซึ่งมีตั้งแต่หลักแสนจนถึงหลักล้าน

เตือนใจสักนิดก่อนทำธุรกิจ: การลงทุนทำธุรกิจทุกรูปแบบมีความเสี่ยง แต่เป็นความเสี่ยงที่สามารถศึกษาหาความรู้ ควบคุม วิเคราะห์ และประเมิณได้

แจกฟรีโปรแกรมบริหารธุรกิจคาร์แคร์ 

CarCare Genius (โปรแกรมบริหารงานร้านคาร์แคร์ ล้างรถ เคลือบสี) โปรแกรมบริหารจัดการธุรกิจคาร์แคร์ Carcare Genius ระบบเพิ่ม ศักยภาพให้กับธุรกิจคาร์แคร์ของคุณ ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ครอบคลุมการทำงาน ตอบโจทย์ของผู้ประกอบการธุรกิจคาร์แคร์

Download : http://software.thaiware.com/download.php?id=11538


CarCare Management Systems (โปรแกรมคาร์แคร์ บริหารงาน ธุรกิจคาร์แคร์) ระบบบริหารจัดการ สำหรับ ธุรกิจคาร์แคร์ ใครที่ทำธุรกิจล้างรถ เคลือบสี ล้างภายนอก ภายใน เก็บประวัติลูกค้า ทำรายงานให้ได้ แจกฟรี

Download : http://software.thaiware.com/download.php?id=11172

Read More...


‘ปลูกถั่ว’ ชนิดต่างๆ สร้างรายได้เสริมน่าสน


อาชีพเกษตรกรชาวนา ในประเทศไทยมักประสบปัญหาต่าง ๆ หลากหลาย ภาวะภัยแล้งก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลถึงเกษตรกร ดังนั้นการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย เช่น พวกพืชตระกูล “ถั่ว” ทั้ง ’ถั่วลิสง-ถั่วเขียว-ถั่วเหลือง“ เพื่อเป็นรายได้เสริมจึงน่าพิจารณา เพราะเป็นพืชที่การปลูกนั้นลงทุนน้อย ปลูกได้ทั้งแบบใช้น้ำและไม่ต้องใช้น้ำ โดยให้ผลผลิตที่สูง ขั้นตอนการปลูก การดูแลก็ง่าย ซึ่งกับข้อมูลการปลูกถั่วสร้างรายได้ให้เกษตรกรนี้ ทาง สุขสันต์ สุทธิผลไพบูลย์ หรือที่ใช้นามปากกาว่า “เกษตรกร 1074” ซึ่งระบุว่า ตนเองเป็นอดีตผู้ตรวจฯ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มาให้ข้อมูลผ่านทีม ’ช่องทางทำกิน“ ทั้งแบบที่ใช้น้ำและไม่ใช้น้ำปลูก วันนี้ ณ ที่นี้ก็ได้นำมาบอกต่อ เผื่อจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้เสริมให้กับผู้ที่ทำอาชีพเกษตร...

สุขสันต์ บอกว่า ได้ทดสอบจัดระบบปลูกถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วเขียวผิวมัน ถั่วเขียวผิวดำ ถั่วเขียวผิวแดง ถั่วนิ้วนางแดง ถั่วพุ่มแดง ทั้งก่อนนาปีและหลังนาปี ทั้งที่ใช้-ไม่ใช้น้ำ ซึ่งเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2557 กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่า ปีที่แล้วฝนแล้ง ประชาชนควรเก็บกักน้ำไว้ ส่วนทางชลประทานก็ไม่ค่อยมีน้ำให้ทำนาปรัง วันที่ 2 พฤษภาคมจึงไปที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ประศุก ได้ข้อมูลจาก สาธิต อินทรทุต หมอดินอาสาหมู่ 8 ฝ่ายเกษตร อบต. กับ สมนึก อยู่วัตร หมอดินอาสาหมู่ 4 โดยทั้ง 2 คน เล่าว่า ปกติเกษตรกรหมู่ 4-6 ต.ประศุก ปลูกถั่วลิสงขายฝักสดมานานแล้ว โดยจะปลูกช่วงเดือนพฤศจิกายน หลังเกี่ยวข้าวนาปี ซึ่งเป็นการปลูกถั่วลิสงแบบไม่อาศัยน้ำ

ทั้งนี้ การปลูกถั่วลิสงแบบไม่ใช้น้ำ นั้น จะอาศัยความชื้นที่เหลือในดิน
ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการปลูกถั่วลิสง แจกแจงต่อไร่ได้ดังนี้... การเตรียมดินโดยใช้รถไถทำการไถเตรียมดินให้พร้อมในการปลูก ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 บาท หลังจากที่เตรียมดินเรียบร้อยแล้วก็นำเมล็ดพันธุ์ถั่วลิสงลงปลูก โดยหยอดหลุมละประมาณ 3-4 เมล็ด ค่าเมล็ดพันธุ์ประมาณ 3,700 บาท นอกจากนั้นก็เป็นค่าสารกำจัดแมลงและฮอร์โมน ประมาณ 2,500 บาท ส่วนค่าจ้างถอนต้นถั่วปลิดฝัก ประมาณ 3,400 บาท รวมค่าใช้จ่ายต่อไร่ในการปลูกถั่วลิสงแบบไม่ใช้น้ำอยู่ที่ประมาณ 10,600 บาท

...ผลผลิตถั่วลิสงต่อไร่ ได้ฝักสดทั้งเปลือกประมาณ 1,700 กิโลกรัม ขายได้ราคากิโลกรัมละประมาณ 20 บาท ได้เป็นเงินประมาณ 34,000 บาท เกษตรกรผู้ปลูกถั่วลิสงจะมีรายได้ขั้นต้นหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 23,400 บาท ต่อไร่...

หลังจากเก็บถั่วลิสงไปแล้ว ก็หันมา ปลูกถั่วเขียวพันธุ์กำแพงแสน 2 มีค่าใช้จ่ายในการปลูกดังนี้... สูบน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูกครั้งเดียว มีค่าใช้จ่ายเป็นค่าน้ำมันดีเซลประมาณ 100 บาทต่อไร่ จากนั้นทำการไถด้วยรถไถ 1 ครั้ง นำถั่วเขียวพันธุ์กำแพงแสน 2 หว่านในพื้นที่ปลูกให้ทั่ว ซึ่งจะใช้เมล็ดพันธุ์อยู่ที่ประมาณ 7 กิโลกรัมต่อไร่ คิดเป็นค่าใช้จ่ายในการใช้เมล็ดพันธุ์อยู่ที่ประมาณ 315 บาท หลังจากที่ทำการหว่านเมล็ดพันธุ์แล้วก็ใช้โรตารี่กลบ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 400 บาท การดูแลถ้ามีหนอนม้วนใบให้ใช้สารกำจัด ซึ่งค่าสารกำจัดแมลงประมาณ 70 บาทต่อไร่ เมื่อถึงเวลาเก็บผลผลิตก็มีค่าจ้างรถเกี่ยวนวดเสร็จ ประมาณ 500 บาท รวมรายจ่ายที่ใช้ในการปลูกถั่วเขียวอยู่ที่ประมาณ 1,385 บาทต่อไร่
...ได้ผลผลิตประมาณ 150 กิโลกรัมต่อไร่ ขายได้ในราคากิโลกรัมละประมาณ 24 บาท จะได้เงินประมาณ 3,600 บาท เพราะฉะนั้น เกษตรกรที่ปลูกถั่วเขียวจะมีรายได้ขั้นต้นหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วอยู่ที่ ประมาณ 2,215 บาทต่อไร่...

สำหรับการ ปลูกถั่วเหลืองในพื้นที่นาหลังนาปี มีกรณีตัวอย่างที่ อ.สรรพยา โดยได้ทาง อรรัมภา เรืองทับ และ ประนอม ชื่นจันทร์ เกษตรกรที่ปลูกถั่วเหลืองมานานแล้วให้ข้อมูล โดยเกษตรกรทั้ง 2 อธิบายไว้ว่า หลังปลูกข้าวนาปี  ก็ให้ใช้รถเล็กไถพื้นที่นา 2 รอบ มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 200 บาทต่อไร่ หลังจากที่ไถปรับเตรียมที่นาเรียบร้อยก็นำเมล็ดพันธุ์ ถั่วเหลืองพันธุ์นครสวรรค์ 1 หว่านให้ทั่ว ใช้ประมาณ 15 กิโลกรัมต่อไร่ คิดเป็นเงินค่าเมล็ดพันธุ์ประมาณ 450 บาทต่อไร่ แต่ถ้าใช้เมล็ดพันธุ์ลูกผสม เบอร์ 3 ก็จะมีค่าใช้จ่ายต่อไร่ประมาณ 1,500 บาท (พันธุ์ลูกผสม เบอร์ 3 ให้ผลผลิตดี รสอร่อย ทยอยตัดได้นานวัน)

หลังจากที่ทำการหว่านเมล็ดพันธุ์เสร็จแล้ว จะใช้คอซังฟางข้าวคลุม หรือจะไม่คลุมพื้นที่ปลูกก็ได้ สำหรับการดูแล การให้น้ำจะให้น้ำทุก ๆ 15-20 วัน เป็นจำนวนประมาณ 5 ครั้ง ส่วนปุ๋ยใช้สูตร 15-15-15 โดยต่อไร่ใช้ปุ๋ยอยู่ที่ประมาณ 16 กิโลกรัม คิดเป็นค่าปุ๋ยประมาณ 300 บาทต่อไร่ ค่าสารกำจัดแมลง ประมาณ 500 บาท หลังจากปลูกได้ 75 วันก็สามารถเก็บผลผลิตได้  โดยมีค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าจ้างตัดต้นริบใบอยู่ที่ประมาณ  2,400 บาท รวมค่าใช้จ่ายการปลูกต่อไร่ประมาณ 3,850-4,900 บาท
...ผลผลิตต่อไร่ จะได้ประมาณ 1,200 กิโลกรัม ขายได้เงินประมาณ 20,000 บาท เพราะฉะนั้น เกษตรกรผู้ปลูกจะมีรายได้ขั้นต้นหลังจากหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ  15,100-16,150 บาทต่อไร่...
ทั้งนี้  ทาง สุขสันต์ สุทธิผลไพบูลย์ หรือ “เกษตรกร 1074” บอกไว้อีกว่า หลังจากปลูกถั่วแล้ว พอถึงฤดูฝนก็ทำนาปีต่อ ซึ่งสำหรับถั่วเขียวผิวมันนั้นสามารถปลูกในช่วงนาปีได้ โดยการหว่านเมล็ดปลูกบนคันนา คันคลองส่งน้ำ-ระบายน้ำ เป็นต้น

นี่ก็เป็นกรณีศึกษา การ ปลูกถั่วชนิดต่าง ๆ หลังนาปี  ทั้งแบบใช้และไม่ใช้น้ำในช่วงที่น้ำแล้ง ที่ไม่สามารถปลูกข้าวหรือพืชอื่น ๆ ได้ ซึ่งจากที่ว่ามา การปลูกถั่วก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ’ช่องทางทำกิน“ ให้กับผู้ที่มีอาชีพด้านเกษตร เพราะสามารถจะสร้างรายได้เสริมได้เป็นอย่างดี ลงทุนน้อย ไม่ต้องการน้ำ ปลูกง่าย ดูแลไม่ยาก...ณ ที่นี้ก็นำข้อมูลมาให้ลองพิจารณากันดู.
............................................................
คู่มือลงทุน...ปลูกถั่วเสริมรายได้
ทุนเบื้องต้น ขึ้นอยู่กับรูปแบบการมีพื้นที่
ทุนปลูก 1,385-10,600 บาทต่อ 1 ไร่
รายได้ 2,215 -23,400 บาทต่อ 1 ไร่
แรงงาน ขึ้นกับขนาดพื้นที่ที่ใช้ปลูก
ตลาด ติดต่อพ่อค้ามารับซื้อถึงที่
จุดน่าสนใจ เสริมรายได้จากอาชีพหลัก
บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/253228/‘ปลูกถั่ว’+ชนิดต่างๆ+สร้างรายได้เสริมน่าสน

Read More...


'เกลือขัดผิวสมุนไพร' เสริมความงามสร้างเงิน



“เกลือ” ในความเข้าใจทั่วไป คือ เครื่องปรุงรสสำหรับการประกอบอาหารชนิดหนึ่งที่ให้รสเค็ม แต่ความจริงแล้ว เกลือสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง อาทิ ล้างผลไม้, ทำความสะอาดร่างกาย และสิ่งของ,ถนอมอาหาร, ป้องกันยุง, รักษาความสดของดอกไม้, กำจัดเชื้อรา รวมไปถึงเป็นส่วนประกอบหลักของ “เกลือขัดผิวสมุนไพร” และ “สบู่ดอกเกลือ” โดยทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...
           
นัทธมน  สิทธิประสาท หรือ “จอย” เจ้าของ “นัทธมน เกลือขัดผิวสมุนไพรพิเศษ” หรือ Natthamon  HERBAL SALT SCRUB  เล่าว่า เพิ่งหันมาผลิตเกลือขัดผิวสมุนไพร และสบู่ดอกเกลือเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนหน้านี้ ตนทำงานเป็นพนักงานบริษัทมานาน ต่อมาเห็นว่ากิจการสามีซึ่งทำเกลือส่งตามโรงงานอุตสาหกรรมน่าจะแตกยอดไปทำ ผลิตภัณฑ์อย่างอื่นได้ และตัวเองก็สนใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ขัดผิว และบำรุงผิวจากสมุนไพรมานานแล้ว เจอที่ไหนก็ต้องซื้อมาลองใช้ จึงคิดว่าในเมื่อที่บ้านก็มีเกลือของตัวเองน่าจะมาทำสินค้าใหม่ ๆ ได้ จึงเริ่มศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติของสมุนไพรหลาย ๆ ชนิด รวมทั้งไปเรียนการทำผงขัดผิวสมุนไพรกับชมรมอนุรักษ์สมุนไพรไทย และนำสมุนไพรมาผสมผสานดัดแปลงให้เข้ากันกับเกลือที่มีอยู่

“จุดเด่นของเกลือขัดผิวสมุนไพร คือ ใช้เกลือเม็ดละเอียดเกิดจากการฆ่าเชื้อหรือที่เรียกว่าสตุ แล้วจึงนำมาโม่จนเนื้อละเอียดเหมือนแป้ง ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังไม่ว่าจะใช้กับตัวหรือผิวหน้า รวมทั้งไม่ใส่สารกันบูด โดยจะผลิตแบบแห้ง ไม่ชื้น  ลูกค้าสามารถนำมาผสมกับน้ำ กับนม หรือน้ำผึ้ง ได้ตามต้องการ ที่สำคัญผสมสมุนไพรมากถึง 8 ชนิดเข้าด้วยกันทำให้มั่นใจว่าจะถูกใจลูกค้าที่รักสวยรักงามแน่นอน” นัทธมนกล่าว

อุปกรณ์ ในการทำเกลือขัดผิวสมุนไพร และ สบู่ดอกเกลือ หลัก ๆ มี กระทะไฟฟ้า, เตาแก๊ส, ครก-สาก, กะละมังผสม. เครื่องโม่, หม้อตุ๋น, ทัพพี, เหยือกพลาสติกตวง, ช้อนคนสบู่, แม่พิมพ์สบู่ และภาชนะใส่ส่วนผสมขนาดต่าง ๆ

ส่วนประกอบ เกลือขัดผิวสมุนไพร มี เกลือทะเล(สตุ) 1 กก., ขมิ้นชันผง 10 กรัม, ไพลผง 5 กรัม, ว่านนางคำผง 30 กรัม, ลิ้นทะเลผง 50 กรัม, สารส้ม(สตุ) 25 กรัม, พิมเสนผง 2.5 กรัม, ทานาคาผง 100 กรัม และเมนทอล 2.5 กรัม ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดนี้ซื้อได้ที่ร้านเวชพงศ์ หรือร้านเจ้ากรมเป๋อ ย่านแยกจักรวรรดิ

นัทธมน บอกว่า การสตุ คือ การนำเกลือทะเลเม็ดที่ผ่านการโม่เป็นเกลือละเอียดแล้ว หรือสารส้ม มาคั่วในกระทะเหล็ก หรือกระทะไฟฟ้า เพื่อทำการไล่ความชื้นให้หมดไป ซึ่งเป็นการฆ่าเชื้อโรคไปในตัว
อย่างไรก็ตาม สำหรับเกลือที่นำมาสตุจนได้ที่แล้ว ให้นำไปร่อนให้ได้ผงเกลือที่ละเอียด เพื่อให้เหลือเกลือที่เนื้อละเอียดเหมือนแป้ง ซึ่งจะไม่ระคายเคืองเวลานำไปใช้

วิธีทำ เกลือขัดผิวสมุนไพร นำพิมเสน และสารส้ม มาตำให้ละเอียดแล้วเทลงในกะละมังผสม จากนั้นนำส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดค่อย ๆ เทลงไปในกะละมังผสม ใช้ทัพพีค่อย ๆ คน ผสมให้เข้ากันจนสมุนไพรและเกลือรวมเป็นเนื้อเดียวกัน โดยสังเกตได้จากสีของเกลือขัดผิวสมุนไพรจะมีสีเหลืองอ่อน ไม่มีสีขาวของเกลือให้เห็น เสร็จแล้วนำลงบรรจุในบรรจุภัณฑ์พลาสติกใส ขนาด 100 กรัม และ 200 กรัม ขายในราคาขวดละ 90 บาท และ120 บาทตามลำดับ

นอกจากนี้ นัทธมน ยังได้บอกสูตร “สบู่ดอกเกลือ” เพิ่มเติมมาอีกด้วย โดยเจ้าตัวอธิบายว่า  ดอกเกลือ เป็นผงเล็ก ๆ มีสีสันขาวเป็นประกายแวววาว ลอยจับตัวกันเป็นแพอยู่เหนือน้ำบนผืนนาเกลือ ชาวนาเกลือจะต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อรีบช้อนดอกเกลือ ก่อนที่แดด และสายลมจะทำให้ดอกเกลือจมลงด้านล่าง ดอกเกลือ ที่เก็บได้ในเวลาเช้านี้มีไอโอดีนสูง และเป็นดอกเกลือที่สะอาด ไม่ได้สัมผัสกับพื้นดิน หรือตากลมตากฝุ่นอยู่นาน นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุอื่น ๆ อีกหลายชนิดที่สำคัญต่อร่างกายสูงมาก จึงมีคุณภาพสูง ด้วยเหตุที่มีปริมาณน้อย ราคาจึงค่อนข้างแพง

ส่วนผสมของสบู่ดอกเกลือ ประกอบด้วย กรีเซอรีน (หรือก้อนสบู่ธรรมชาติ มีสีขาว มีขายสำเร็จรูปตามโรงเรียนสอนทำสบู่ทั่วไป) 500 กรัม, ขมิ้นผง และทานาคา 1/4 ช้อนชา ผสมกับน้ำเล็กน้อย, หัวน้ำหอม(กลิ่นน้ำนมข้าว) 10 มิลลิกรัม และดอกเกลือละลายน้ำอีก 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ สบู่ดอกเกลือ นำส่วนผสมของกรีเซอรีนลงไปตุ๋นในหม้อด้วยความร้อน  80 องศาเซลเซียส รอจนกระทั่งกรีเซอรีนละลายเป็นน้ำเสร็จแล้วปิดไฟ จากนั้นเทกรีเซอรีนที่ละลายเป็นน้ำแล้วลงในกระบอกตวงพลาสติก เทส่วนผสมของขมิ้นผงและทานาคาที่ละลายน้ำผสมแล้วลงไป ตามด้วยหัวน้ำหอม(กลิ่นน้ำนมข้าว) และดอกเกลือละลายน้ำ แล้วคนผสมให้เข้ากัน สังเกตได้ว่าเนื้อสบู่จะมีสีเหลืองอ่อน และส่งกลิ่นหอม  เทส่วนผสมของสบู่ลงในแม่พิมพ์สบู่ที่เตรียมไว้จนครบ ปล่อยทิ้งไว้  30 นาที สบู่จะเย็น ให้แกะออกมาจากพิมพ์ นำไปซีลด้วยพลาสติกใสให้เรียบร้อย

โดยนัทธมน บอกว่า สบู่ 1 ก้อน จะมีน้ำหนัก 70 กรัม และ90 กรัม ขายในราคาก้อนละ 30-35 บาท และ 40-50 บาท ตามลำดับ

ใครสนใจ เกลือขัดผิวสมุนไพร และ สบู่ดอกเกลือ ติดต่อ นัทธมน  สิทธิประสาท เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 09-1793-6142.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล :รายงาน
สุนิสา ธนพันธสกุล :ภาพ
................................................................................................
คู่มือลงทุน...เกลือขัดผิวสมุนไพร
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 40-50% ของราคาขาย
รายได้ ราคา 90-120 บาท/100-200 กรัม
แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ชุมชน, งานออกร้าน, ร้านสปา
จุดน่าสนใจ เป็นการต่อยอดวัตถุดิบเพิ่มมูลค่า

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/251741/_เกลือขัดผิวสมุนไพร_+เสริมความงามสร้างเงิน

Read More...


‘ตุ๊กตาแฮนด์เมด’ น่ารัก+โดนใจ...ขายดี


“สินค้าแฮนด์เมด” ที่เป็นงานขายไอเดีย จำเป็นต้องมองหา “จุดเด่น” เพื่อใช้เป็นจุดขายให้กับสินค้า ทั้งนี้ ผู้ผลิตชิ้นงานจะต้องมีการปรับตัวตลอดเวลา ต้องรู้จักหาไอเดียแปลกใหม่มาใช้เพื่อสร้าง “ความน่าสนใจ” ให้กับสินค้า อย่างเช่นเจ้าของชิ้นงาน  “ตุ๊กตาแฮนด์เมด” รายนี้ ซึ่งสร้างจุดเด่นให้สินค้าด้วยการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ จนเป็น “ช่องทางทำกิน” ได้อย่างน่าสนใจ ที่วันนี้ คอลัมน์นี้มีมานำเสนอ...
พรรณวดี โชติกุลพงศา เจ้าของงานตุ๊กตาแฮนด์เมดที่ใช้ชื่อสินค้าว่า chocoz เล่าว่า จุดเริ่มต้นที่หันมาสนใจผลิตชิ้นงานนี้ เกิดขึ้นตอนที่ได้ทำตุ๊กตาตัวแรกให้กับน้องสาวของเธอ โดยนำเศษผ้าที่เหลือจากการตัดเย็บเสื้อผ้ามาเป็นวัสดุในการทำตุ๊กตา ซึ่งหลังจากทำเสร็จและมอบให้กับน้องสาวแล้ว ปรากฏว่า เพื่อน ๆ ของน้องสาวชอบกันมาก จึงเกิดความคิดที่จะทำเป็นชิ้นงานเพื่อขาย โดยเริ่มจากการฝากให้น้องสาวนำไปขาย จากนั้นจึงหยิบจับและทำเป็นอาชีพเรื่อยมา

’เห็นว่างานตุ๊กตาแฮนด์เมดนี้ น่าจะขายได้ ตอนที่เริ่มทำใหม่ ๆ ก็ลองนำไปวางขายตามตลาดนัดงานฝีมือทั่วไป ปรากฏว่าขายได้ ก็เลยมีกำลังใจที่จะทำต่อ โดยตุ๊กตาที่ทำขึ้นจะออกแบบเองทั้งหมด และพยายามคิดแบบใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อให้สินค้าในร้านหลากหลาย ไม่จำเจ“ ...เจ้าของงานตุ๊กตาแฮนด์เมดกล่าว

ตุ๊กตาแฮนด์เมดของพรรณวดี มีหลายรูปแบบ เช่น ตุ๊กตาพวงกุญแจ ตุ๊กตาตั้งโชว์ ตุ๊กตาหมอนอิง และตุ๊กตาหมอนแบบต่าง ๆ โดยทั้งหมดจะมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางร้าน โดยนอก จากรูปแบบตุ๊กตาที่เน้น “ขายความน่ารัก” แล้ว ก็ยังเพิ่มลูกเล่นด้วยการ “ติดตัวอักษร” เพื่อทำเป็นชื่อหรือข้อความต่าง ๆ ตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งลูกค้าจะชอบมาก ๆ และจะยิ่งขายดีในช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ อาทิ เทศกาลปีใหม่ วันวาเลนไทน์ เป็นต้น

ทุนเบื้องต้น สำหรับคนที่จะทำธุรกิจ นี้ ใช้เงินลงทุนประมาณ 30,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ในการทำงานตุ๊กตา ทุนวัสดุ อยู่ที่ 40% จากราคา ซึ่งราคาขายอยู่ที่ 39-690 บาทขึ้นไป โดยขึ้นกับขนาดและความยากง่าย

วัสดุอุปกรณ์ ที่จำเป็น ประกอบด้วย ผ้ายืด (ควรเลือกผ้าที่มีความยืดหยุ่นสูง ไม่ขาดง่าย), ใยสังเคราะห์, จักรเย็บผ้า,  เข็มกับด้าย, กรรไกร, กระดาษแข็ง, ดินสอ, กาวUHU, ปากกาเพอร์มาเน้นท์ (ปากกาสำหรับเขียนแผ่นซีดี)  และวัสดุสำหรับตกแต่งตุ๊กตา อาทิ ตัวอักษร โบ ริบบิ้น ฯลฯ

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากออกแบบแพทเทิร์นสำหรับขึ้นรูปตุ๊กตา โดยวาดแบบตุ๊กตาที่ต้องการลงกระดาษแข็ง เมื่อวาดเสร็จแล้ว ให้ตัดกระดาษแข็งตามรูปที่วาดไว้ จากนั้นนำกระดาษแข็งที่ตัดเสร็จมาวางทาบลงบนผ้า ใช้ดินสอวาดตามแบบหรือแพทเทิร์นตุ๊กตา  และตัดผ้าตามแบบนั้น โดยเว้นขอบผ้าให้ห่างจากเส้นที่วาดประมาณ 1 เซนติเมตรไว้สำหรับการเย็บ

เมื่อได้ผ้าที่ตัดตามแบบแล้ว จากนั้นให้นำผ้าทั้งสองชิ้นมาประกบกัน ทำการเย็บตามแนวเส้นดินสอที่วาดไว้ โดยเย็บให้เหลือรูผ้า หรือช่องว่างของผ้าไว้ประมาณ 3 นิ้ว สำหรับยัดใยสังเคราะห์ ซึ่งเมื่อเย็บเสร็จแล้วให้ทำการกลับด้านผ้า จากนั้นยัดใยสังเคราะห์เข้าไปให้เต็มตัวของตุ๊กตา ทำการเย็บปิดรูผ้า หรือช่องว่างนั้นให้ปิดสนิท

จากนั้น เมื่อได้ตัวของตุ๊กตาแล้ว เริ่มทำการ ตกแต่ง โดยนำผ้าที่ตัดทำเป็นรูปดวงตามาเย็บติดที่ใบหน้าของตุ๊กตา ใช้ปากกาเพอร์มาเน้นท์ทำการวาดปาก ให้กับตัวตุ๊กตา ทำการติดตัวอักษรเพื่อทำเป็นชื่อ หรือข้อ ความต่าง ๆ ตามต้องการด้วยกาวก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำตุ๊กตาแฮนด์เมดแล้ว 
’งานตุ๊กตาแฮนด์เมดทำไม่ยากอยู่ที่จะออกแบบให้ตุ๊กตามีจุดเด่นโดนใจกับ ลูกค้าอย่างไรมากกว่า หัวใจสำคัญของที่ร้านอยู่ที่จะพยายามคิดแบบใหม่ ๆ ให้กับ ตุ๊กตา และผลิตออกมาขายเรื่อย ๆ เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือก นอกจากนี้กับคนที่ทำอาชีพแฮนด์เมด ผลิตงานฝีมือแบบนี้ การคิดแบบและผลิตงานรูปแบบใหม่ ๆ ออกมาอย่างสม่ำเสมอ ก็ยังเป็นผลดี เพราะถือว่าเป็นการหนีคู่แข่งในตลาดได้อีกด้วย“...พรรณวดีกล่าว

สนใจงาน “ตุ๊กตาแฮนด์เมด” ไปชมได้ที่ ห้างฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชั้น 3 ทุกวันเสาร์ (โทร. 08-7032-0106) หรือทางเฟซบุ๊ก Chocozidea ซึ่งงานตุ๊กตาแฮนด์เมดนี้เป็น “ช่องทางทำกิน” ที่ทำขายได้ตลอดปี และจะขายดียิ่งขึ้น...ในช่วงเทศกาลต่าง ๆ.
.........................................................................................
คู่มือลงทุน...ตุ๊กตาแฮนด์เมด
ทุนเบื้องต้น ประมาณ 30,000 บาท
ทุนวัสดุ ประมาณ 40% จากราคา
รายได้ ราคา 39-690 บาทขึ้นไป
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด ขายออนไลน์ ตลาดนัดงานฝีมือ
จุดน่าสนใจ ขายได้ทั้งปี ยิ่งเทศกาลยิ่งขายดี
บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

credit by :   http://www.dailynews.co.th/Content/Article/251567/‘ตุ๊กตาแฮนด์เมด’+น่ารัก%2Bโดนใจ...ขายดี

Read More...


ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0










































 
Blogger Tips and TricksLatest Tips And TricksBlogger Tricks
Do it your self,handmade,HandiCraft,งานฝีมือ,อาชีพเสริม,ช่องทางทำเงิน บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.