บทความที่ได้รับความนิยม


Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

เปิด2หลักสูตรใหม่รับปีกระต่าย


Read More...


สอนถัก "โครเชต์" สินค้าแฮนด์เมดทำเงิน


คมชัดลึก :รูป แบบกระเป๋าสวย เก๋ หลากหลายชนิดเหล่านี้ เป็นสินค้าแฮนด์เมดแท้ ๆ หรือสินค้าที่ทำจากมือล้วนๆ ที่สร้างรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี ด้วยฝีมือของ "สุรางค์รัตน์ ประภัสสราภรณ์" วัย 47 ปี ที่ทั้งเปิดรับสอนผู้ที่สนใจในงานฝีมือจริงๆ ด้วยความเป็นกันเองและไม่คิดค่าตอบแทน เพียงแต่จ่ายค่าวัสดุอุปกรณ์เท่านั้น และขอให้มีใจรัก เธอก็พร้อมที่จะสอนให้เป็นวิทยาทาน 

  สุรางค์รัตน์ เล่าว่าความที่ตัวเองเป็นคนชอบประดิษฐ์งานฝีมือเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งชอบปัก ชอบถักโครเชต์มาตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งถึงวัยทำงานหากมีเวลาว่างก็จะถักปักกระเป๋าลายต่างๆ โดยหาเศษผ้าสวยๆ มีทั้งที่เป็นเศษผ้าจากต่างประเทศทั้งผ้าญี่ปุ่น ผ้าไหม โดยหาซื้อในราคาถูก รวมทั้งผ้าปาเต๊ะของบ้านเรามาเย็บมาปัก ผสมผสานเพื่อให้ได้ทรงเก๋ๆ ไว้ใช้ส่วนตัว เพื่อนๆ และหน่วยงานราชการหลายแห่งเห็นแล้วชอบ สนใจให้เข้าให้สอนให้ชุมชนและเยาวชนในรูปแบบต่างๆ เช่น ตุ๊กตาหมี คิดตี้ โดเรมอน เข้ากับยุคสมัย ทำให้มีวัยรุ่นให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
 
  นอกจากนั้นยังรับสอนงานศิลปะการต่อผ้า เช่น กระเป๋าถือ กระเป๋าใส่สตางค์ ตุ๊กตาไหมพรม ซึ่งตอนนี้มีเยาวชนและวัยทำงานให้ความสนใจหาเวลาว่างมาเรียนการปักผ้าและถัก โครเชต์จำนวนมาก

 ส่วนรายได้ยอมรับว่าดีพอสมควรเริ่มต้นที่ใบละ 10 บาท จนถึงหลักพัน ความที่เป็นสินค้าแฮนด์เมด ในปัจจุบันเป็นที่ต้องการของลูกค้าทั้งวัยรุ่นวัยทำงาน สั่งทำเพิ่มมากขึ้น บางช่วงทำไม่ทัน ต้องนำไปทำในช่วงที่ไปออกงานนิทรรศการต่างๆ ร่วมไปด้วย โดยปักต่อผ้าให้เห็นกันจริงๆ ทำให้ขายดีมาก นอกจากนั้นยังมีวัยรุ่นจำนวนมากให้ความสนใจสมัครเรียนด้วยใจรักอีกด้วย

 ผู้สนใจต้องการสอบถามเรื่องการถักโครเชต์ ปัก ต่อผ้า สามารถติดต่อได้ที่บ้านโครเชต์ เลขที่ 87/117 หมู่ 5 อาคารพาณิชย์หมู่บ้านศรีไพลิน ถนนค่าย อส. ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โทร.0-7722-4267 ได้ทุกวัน
"สุวรรณี บัณฑิศักดิ์  "

Read More...


ไดกิชิ อาหารญี่ปุ่นฝีมือคนไทย


คุณ วิศิษฏ์ ลิ้มประนะ ประธาน กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เดินทางไปร่วมประชุมส่งเสริมอาหารไทยให้กับมิตรประเทศทั่วโลก จึงไปพบกลุ่มคนไทยที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอาหารไทยรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา กลับบ้านมาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ ไดกิชิ ขายอาหารญี่ปุ่นแท้ ๆ แต่ใช้กุ๊กคนไทยและวัตถุดิบเกือบทั้งหมดที่มีในเมืองไทย คุณวิศิษฏ์จึงชวนผมไปกินอาหารญี่ปุ่นที่ไดกิชิ ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบปิ้งย่าง และอาหารญี่ปุ่นสดจากทะเลไทย เช่น ไดกิชิสลัดสด
   
เครื่องปรุง
   
1. เนื้อปลาแซลมอน 3 ชิ้น
   
2. กุ้งต้มหวาน 3 ตัว
   
3. ปูอัด 2 ชิ้น
   
4. ไข่หวาน 3 ชิ้น
   
5. ไข่ปลา 1 ช้อนโต๊ะ
   
6. ผักกาดแก้ว 3 ใบ
   
7. หอมหัวใหญ่ 3 ชิ้น
   
8. บรอกโคลี 3 ชิ้น
   
9. กรีนโอ๊ค-เรดโอ๊ต อย่างละ 3 ใบ
   
10. พริกหวานสามสี อย่างละ 3 ชิ้น
   
11. แตงญี่ปุ่น 4 ชิ้น
   
12. มะเขือเทศ 2 ผล
   
13. หน่อไม้ฝรั่ง 2 ต้น
   
14. บีรูท 3 ชิ้น
   
จัดเรียงผัก และซีฟู้ด ลงบนจานให้สวยงาม
   
เครื่องปรุง น้ำสลัดไดกิชิ
   
น้ำส้มสายชูญี่ปุ่น ซีอิ๊วญี่ปุ่น (โชยุ) น้ำตาล น้ำมันงา งาขาว และพริกไทยป่นตรามือ นำเครื่องปรุงทั้งหมดใส่เครื่องบดปั่นจนละเอียด แล้วราดลงบนผักและซีฟู้ดคลุกให้ทั่ว ไดกิชิ สลัดรสชาติสดอร่อยมากครับ
   
ร้านไดกิชิ อยู่ที่ชั้นใต้ดินติดกับร้านวัตสัน ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ รามอินทรา โทร. 0-2947-6411-3 อาหารญี่ปุ่นที่นี่สดอร่อย ราคาไม่แพงครับ.


ขุนขยับ แม่มะลิ
chaisang_k@yahoo.co.th

Read More...


กิฟต์ช็อปเบเกอรี่

กิฟต์ช็อปเบเกอร์ ของขวัญของที่ระลึก ไอเดียดีต่อยอดจากซองใส่โทรศัพท์มือถือจากญี่ปุ่น ทำเป็นรายได้เสริมอีกทางจากการรับจ้างผลิตชิ้นงานตามคำสั่ง ตามที่ลูกค้าต้องการ ทำให้สินค้าสามารถขายได้ตลอดทั้งปี

กิฟต์ช็อปเบเกอรี่

อาชีพผลิตสินค้างานประดิษฐ์ จุดสำคัญอยู่ที่วิธีคิด และเมื่อกล้าคิดก็ต้องกล้าที่จะทำ อย่างเช่นเจ้าของธุรกิจอายุน้อยรายนี้ที่สามารถเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองได้ แม้ขณะที่ยังเรียนไม่จบ กับงาน กิฟต์ช็อปเบเกอรี่

กิ๊ฟ-ณัฐชุดา ตรีบูรณภงศ์ วัย 21 ปี เจ้าของงานไอเดีย ช่องทางทำกิน รูปแบบนี้ เล่าว่า ขณะนี้ยังศึกษาอยู่ในคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ด้วยความที่เป็นคนชอบงานฝีมือ จึงอาศัยเวลาว่างหัดทดลองทำประดิษฐ์ชิ้นงานขึ้นโดยอาศัยความรู้จากตำราและ อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งข้อมูลในการศึกษาค้นคว้า โดยเริ่มจากการทำขึ้นเป็นของขวัญของที่ระลึกเพื่อมอบให้เพื่อนและคนรู้จัก

ต่อมาได้มองว่างานอดิเรกตรงนี้สามารถทำเป็นอาชีพได้ ใช้เวลาว่างจากการเรียนมาทำได้ และไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านเพราะสามารถเผยแพร่สินค้าผ่านทางเว็บไซต์ จึงตัดสินใจทำจริงจัง โดยขายผ่านเว็บไซต์ http:// gukgif-deco.exteen.com ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดี โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิง


กิฟต์ช็อปเบเกอรี่
 
 
ไอเดียมาจากซองใส่โทรศัพท์มือถือจากญี่ปุ่น คิดว่าน่าจะนำมาต่อยอดดัดแปลงเป็นสินค้าในรูปแบบของเราได้ สินค้าที่ทำขึ้นจะเน้นไปที่งานจำลองมาจากรูปแบบของเค้กหรือเบเกอรี่ ซึ่งถ้าเป็นในต่างประเทศจะเรียกงานแนวนี้ว่างานสวีท เดโค (sweet deco) ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่น เจ้าของงานกล่าว

รูปแบบสินค้าส่วนใหญ่จะเน้นที่งานจำลองมาจากเบเกอรี่เป็นหลัก อาทิ เค้กปลอม, คัพเค้ก โดยนำมาเป็นส่วนประกอบของสินค้าที่สามารถทำออกมาได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นกับไอเดียและจินตนาการเป็นสำคัญ โดยสินค้าที่ผลิตขึ้น มีอาทิ เค้กวันเกิดปลอม, คัพเค้ก, ตลับใส่คอนแทคเลนส์, ตุ้มหู, แหวน, กระจก, กรอบรูป, ที่ห้อยโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น และนอกจากสินค้าที่ผลิตพร้อมขาย เจ้าของงานบอกว่ายังมีรายได้เสริมอีกทางจากการรับจ้างผลิตชิ้นงานตามคำสั่ง ตามที่ลูกค้าต้องการ ทำให้สินค้าสามารถขายได้ตลอดทั้งปี และจะเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษในช่วงเทศกาล เพราะอยู่ในกลุ่มของตกแต่งของขวัญ และของที่ระลึก

ทุนเบื้องต้นอาชีพนี้ ใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 บาทขึ้นไป ส่วนใหญ่เป็นค่าอุปกรณ์และเครื่องมือ ส่วนทุนวัตถุดิบ อยู่ที่ประมาณ 30% จากราคาขาย ซึ่งสินค้ามีราคาขายตั้งแต่ 29 บาท ไปจนถึง 600 บาท
วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำชิ้นงาน ประกอบด้วย กาวอะคริลิก, หัวบีบเค้ก, สีอะคริลิก, กรรไกร, คัตเตอร์, ปากคีบ, ที่ปาดหน้าเค้ก, กระดาษรองขนม, สีเพนท์ขวดโหล และวัสดุตกแต่งตามต้องการ โดยแหล่งซื้อกาวอะคริลิกสามารถหาซื้อได้ตามร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง สำหรับอุปกรณ์สามารถใช้อุปกรณ์ในการทำเบเกอรี่จริงได้เลย ส่วนวัสดุตกแต่งนั้นแหล่งซื้อขายแหล่งใหญ่จะอยู่ที่สวนจตุจักรและสำเพ็ง


กิฟต์ช็อปเบเกอรี่
เพิ่มคำอธิบายภาพ


ขั้นตอนการทำ

วิธีการทำสินค้าแต่ละชนิดแต่ละรูปแบบจะมีหลักการในการตกแต่งคล้าย ๆ กัน โดยเริ่มจากการเตรียมวัสดุ โดยนำกาวอะคริลิก หรือบางคนอาจเรียกชื่อว่าวิปปิ้งครีมเทียมมาทำการผสมสีอะคริลิกตามที่ต้องการ ส่วนใหญ่จะเน้นสีโทนหวานและสีที่คล้ายขนมเบเกอรี่ อาทิ สีขาว, สีฟ้า, สีชมพู, สีน้ำตาล (ช็อกโกแลต) เป็นต้น โดยจำนวนสีขึ้นอยู่กับรูปแบบที่ได้จินตนาการไว้

เมื่อทำการผสมกาวอะคริลิกกับสีอะคริลิกจนได้สีที่พอใจแล้ว นำกาวที่ผสมเสร็จแล้วมาบรรจุใส่ถุงพลาสติกเพื่อป้องกันไม่ให้โดนอากาศหรือลม เพราะจะทำให้กาวอะคริลิกเซตตัวหรือแข็งตัว เมื่อนำกาวใส่ถุงแล้วให้ทำการประกอบหัวบีบเค้กติดลงไป สำหรับใช้ในการบีบเลียนแบบการตกแต่งหน้าเค้กของจริง

นำกาวอะคริลิกที่บรรจุถุงและประกอบหัวบีบเสร็จแล้วทำการตกแต่งหน้าเค้กลงบน วัสดุที่ต้องการ อาทิ หากเป็นกรอบรูปก็สามารถบีบเนื้อกาวลงบนวัสดุได้ทันที โดยเริ่มจากชั้นล่างสุดค่อย ๆ ไล่ขึ้นมา แต่ถ้าเป็นการทำเค้กปลอมหรือคัพเค้กก็อาจจะเพิ่มขั้นตอนในส่วนของการตัดโฟม ให้เป็นรูปทรงของเค้ก เช่น ทรงกลม, รูปหัวใจ เพื่อใช้เป็นโครงของขนมก่อน จากนั้นจึงทำการตกแต่งหน้าเค้ก

เมื่อทำการบีบหน้าเค้กเสร็จก็ทำการตกแต่งด้วยวัสดุตกแต่งหน้าเค้กตามที่ได้ ออกแบบไว้ โดยขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความชำนาญพอสมควร เนื่องจากเนื้อกาวที่โดนอากาศจะเริ่มแข็งตัว หากไม่ชำนาญในการจัดวางตำแหน่งควรใช้วิธีการออกแบบคร่าว ๆ บนกระดาษ จากนั้นจึงทำการจัดวางวัสดุตกแต่งตามแบบที่ร่างไว้ เพื่อป้องกันความผิดพลาด เมื่อตกแต่งเสร็จปล่อยทิ้งไว้ให้เนื้อกาวเซตตัวหรือแข็งตัว โดยใช้
เวลาประมาณ 2 วัน

ขั้นตอนการทำไม่มีอะไรยุ่งยาก เทคนิคอยู่ที่การออกแบบและการจัดวางตำแหน่งของวัสดุให้เหมาะสมมากกว่า ที่สำคัญงานชนิดนี้สามารถต่อยอดไปได้เรื่อย ๆ เพราะสามารถนำไปประยุกต์กับวัสดุได้หลากหลาย เจ้าของงานไอเดียกล่าว

ใครสนใจติดต่อกิ๊ฟ-ณัฐชุดา ติดต่อได้ที่ โทร. 08-0244-1168 หรือที่อีเมล gukgif-deco@hotmail.com ซึ่งงานไอเดียรูปแบบนี้ก็เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่า การเริ่มต้น ธุรกิจ อายุไม่สำคัญ สำคัญที่ความจริงจังและรู้จริง
ที่มา : เดลินิวส์
 
 

Read More...


กระเป๋าหนังต่อ สินค้าโอท็อป สร้างรายได้

กว่า 20 ปีที่สามีภรรยา สำรวย เอกสิริลัญจกร-สร้อยสวาท คชิน ปักหลักเย็บกระเป๋าหนังที่ใช้เศษหนังเหลือมาเย็บเป็นกระเป๋าหนังต่อรูปทรง ต่างๆ กว่า 30 แบบ ตระเวนขายตามงานต่างๆ จนรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้แต่ละชุมชนผลิตสินค้าเพื่อคัดเลือกเป็นสินค้าใน โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์(โอท็อป)

กระเป๋าหนังต่อ


สร้อยสวาท บอกว่า ก่อนจะมาปักหลักยึดอาชีพเย็บกระเป๋าหนังต่อ เธอและสามีเคยทำงานในโรงงานเย็บกระเป๋าหนังย่านนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ ทำมาหลายปีจนโรงงานปิดกิจการจึงกลายเป็นคนตกงาน จึงพาครอบครัวกลับไปอยู่ในซอยโรงหมูคลองเตย มานั่งคิดนอนคิดอยู่หลายวันว่าจะประกอบอะไร หากเป็นลูกจ้างคงลำบากเพราะอายุก็มากแล้ว และมีลูกอยู่หลายคน พอดีในชุมชนมีคนทำหนังสติ๊ก จะมีเศษหนังแผ่นเล็กๆ เหลือทิ้งไว้ จึงคิดว่าน่าจะต่อเศษหนังทำเป็นกระเป๋า จึงตัดสินใจซื้อจักรเย็บหนังแบบซิกแซ็กด้วยเงินผ่อนของยีห้อซิงเกอร์ เริ่มจากประเป๋าสตางค์ ก่อนแล้วขยายเป็นกระเป๋าหิ้ว กระเป๋าสะพาย ลองไปขายตลาดนัดใบละ 100 บาท ปรากฏว่าขายดี จึงมองว่าควรจะยึดอาชีพนี้ต่อไป

เดิมทีเศษหนังไม่มีใครสนใจ จะทิ้งกันเกลื่อน ตอนหลังพอเห็นว่าเรามาใช้กระโยชน์จึงมีการซื้อขายขึ้นมา แรกๆ เศษหนังวัวแท้จะขายกิโลกรัมละ 5-30 บาทขึ้นอยู่กับขนาดใหญ่ของเศษหนัง ตอนหลังราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เราก็จำเป็นต้องซื้อ เพราะกระเป๋าก็ขายดี ที่ขายได้เป็นกอบเป็นกำคือตอนออกงานครั้งแรกที่กรุงเทพฯ จัดงานที่สวนลุมพินี ขายได้ละสมัยนั้นวันละหลายพันบาท มาถึงตรงนี้เรามั่นใจขึ้น เลยซื้อจักรเย็บหนังเพิ่ม ตอนนี้มี 3 ตัวเย็บกันเพียงสองคนสามารถเย็บได้เดือนละ 300-400 ใบ สร้อยสวาท กล่าว

สร้อยสวาท บอกอีกว่า หลังจากที่รัฐบาลมีโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ และให้ชุมชนรวมกลุ่มเพื่อผลิตสินค้า จึงรวบรวมกลุ่มแม่บ้านตั้งกลุ่มขึ้นมาทั้งหมด 7 คน ปีแรกส่งประกวดได้ระดับ 4 ดาวของเขตคลองเตย จึงทำให้มีสิทธิ์ออกบูธในงานแสดงสินค้าโอท็อปที่ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ปรากฏว่าขายดีมาก บางวันขายได้ถึงวันละ 3-4 หมื่นบาท อย่างน้อยก็ต้องได้วันละเป็นหมื่นบาท ในที่สุดวัตถุดิบเริ่มไม่พอ สามีจึงไปหาที่แหล่งใหม่ เป็นเศษหนังจากโรงงานฟอกหนังย่านบางปู จ.สมุทรปราการ ปัจจุบันราคาตกกิโลกรัมละ 80-120 บาท กระทั่ง 6 ปีก่อน ได้ย้ายครอบครัวจากคลองเตยมาอยู่ที่ประเวศ ส่งผลิตภัณฑ์กระเป๋าหนังต่อเข้าประกวดก็ได้รางวัลโอท็อปอีก 2 ครั้ง

กระเป๋าหนังต่อ
 

พอฉันมาอยู่ประเวศ ต้องย้ายเครื่องจักรมาเย็บที่ประเวศ แต่สมาชิกกลุ่มของเราอีก 5 คน ยังอยู่ที่คลองเตยเหมือนเดิม เท่ากับว่าเราทำงานสองที่ คือเมื่อไปรับเศษหนังจากโรงงานแถวบางปู จะส่งให้สมาชิกกลุ่มตัดเป็นชิ้นๆ สี่เหลี่ยมทั้งผืนผ้าและจตุรัส ตามแบบที่เราต้องการมามัดไว้มัดละ 50 ชิ้น พอได้ปริมาณเท่าที่ต้องการจึงไปรับจากคลองเคยมาเย็บที่ประเวศ โดยจะจ่ายให้สมาชิกเป็นรายชิ้น ส่วนอุปกรณ์ในการประกอบกระเป๋าจำพวกซิป ตะขอ และอื่นๆ จะหาซื้อย่านวงเวียนใหญ่ ปัจจุบันจะใช้เวลาเย็บ 4-7 วันจึงนำสินค้ามาขายครั้งหนึ่ง หัวหน้ากลุ่มกระเป๋าหนังต่อ กล่าว

ส่วน ผลิตภัณฑ์กระเป๋าหนังต่อทั้งหมดมีกว่า 30 แบบ มีสี่เหลี่ยม ทรงกระบอก ปลายมน รูปทรงเสื้อสายเดี่ยว เป็นต้น ทั้งกระเป๋าใส่เหรียญ กระเป๋าหิ้ว กระเป๋ามีสายสะพาย มีขนาดเล็กสุดเป็นกระเป๋าใส่เหรียญ ขนาดเท่าฝ่ามือ หนังวัวแท้ขายใบละ 50 บาท กระเป๋าสะพายขนาดเล็ก กว้าง 4 นิ้ว สูง 6 นิ้ว จะขายตั้งแต่ราคา 100 บาท สูงสุดกระเป๋าขนาดใหญ่ราคา 850 บาท แต่หากมีพ่อค้าซื้อหลายใบเพื่อขายต่อตั้งแต่ 6 ใบขึ้นไป จะลดราคาพิเศษให้ 20-25%


กระเป๋าหนังต่อ


ด้านสำรวย เสริมด้วยว่า สินค้าที่ผลิตมาทั้งหมด ส่วนหนึ่งส่งให้ร้านสินค้าโอท็อปในห้างสรรพสินค้าเทสโก้-โลตัส สาขาพระราม 3 และสาขาพระราม 4 นอกจากนั้นอีกส่วนหนึ่งส่งไปยังห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ถนนศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ คิดอัตราส่วนที่ส่งขายบนห้างสรรพสินค้าทั้ง 3 แห่งนั้น 50% จากสินค้าทั้งหมด ที่เหลืออีก 50% ออกขายเองตามงานต่างๆ เนื่องจากปัจจุบันกระทรวงแรงงานและ
สวัสดิการสังคม มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ และกระทรวงพาณิชย์ ช่วยจัดหาตลาดให้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละเดือนหากไม่มีงานแสดงสินค้าที่ภาครัฐจัดขึ้น สำรวยบอกว่าจะมีรายได้จากการขายกระเป๋าหนังต่อตกเดือนละราว 3 หมื่นบาท แต่หากออกงานจะขายดีเป็นพิเศษ บางวันอาจได้เป็นวันละหลักหมื่นบาท

จากประสบการณ์ในการเย็บกระเป๋าหนังต่อมากว่า 20 ปี เป็นที่ยืนยันได้ว่าผลิตภัณฑ์กระเป๋าหนังต่อของกลุ่มแม่บ้านมีคุณภาพ จึงสามารถขายได้ถึงวันนี้

ขั้นตอนในการทำกระเป๋าหนังต่อ

เริ่มจากไปหาเศษหนังมา แล้วตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากัน เลือกสีของหนังตามที่ต้องการ เมื่อได้เศษหนังที่ตัดเป็นสี่เหลี่ยมจำนวนที่เพียงพอต่อกรผลิตเป็นกระเป๋าแล้ว ให้เอาหนังที่ตัดแล้วมาเย็บโดยใช้จักรเย็บหนังแบบซิกแซ็ก เย็บต่อๆ กันจนได้เป็นผืนขนาดที่ต้องการทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง หากต้องการแบบมีฝาปิดให้เย็บหลังให้ยาวกว่า เพื่อเป็นฝาn เมื่อเย็บเป็นโครงสร้างของกระเป๋าแล้วจึงใส่อุปกรณ์ประกอบของกระเป๋า อาทิ ซิป ตะขอ ตัวล็อก เป็นต้น
หากใครสนใจเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ โทร.08-6973-7995
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ผลิตภัณฑ์กระเป๋าเส้นพลาสติก

ผลิตภัณฑ์กระเป๋าเส้นพลาสติกในงานแสดงสินค้าพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ลูกค้าชาวมาเลเซียซึ่งเข้ามาเที่ยวงานจะชอบมาก จึงขอสั่งซื้อโดยขอให้ออกแบบที่มีเอกลักษณ์แตกต่างไปจากที่เคยทำด้วยการให้ใช้เส้นพลาสติกซึ่งมีโทนสีฉูดฉาดสะดุดตา โดยจะมีออเดอร์สินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

กระเป๋าเส้นพลาสติก

ในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ผนวกกับปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ส่งให้หลายชีวิตต้องดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ เฉกเช่น ชยาวรรณ กันทอง สาวใหญ่แห่งเมืองปัตตานี ที่แม้จะมีรายได้หลักจากการขายประกัน แต่ไม่วายต้องหารายได้เสริมด้วยการสานกระเป๋าจากเส้นพลาสติกตระเวนขายตามงาน ต่างๆ จนมีรายได้สู่ครอบครัวเฉลี่ยเดือนนับหมื่นบาท

จุดเริ่มต้นที่นำไปสู่ การสร้างรายได้ ชยาวรรณบอกว่า เกิดจากความชอบงานหัตถกรรมฝีมือ จึงขวนขวายหาข้อมูลและเริ่มต้นเรียนรู้ด้วยตัวเอง กระทั่งมาลงตัวที่สานกระเป๋าด้วยเส้นพสาสติก เพราะวัสดุหาง่าย คงทน เก็บได้นาน ต่างจากการใช้วัสดุที่เป็นเส้นใยธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญและประณีต อีกทั้งวัตถุดิบ เช่น ย่านลิเภา ใยตาล หาได้ยาก แถมต้นทุนค่อนข้างสูง

ผลิตภัณฑ์กระเป๋าเส้นพลาสติกของชยาวรรณ ออกสู่ท้องตลาดเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เนื่องจากเจ้าตัวต้องการหางานเสริมที่ทำได้ที่บ้านโดยไม่ต้องออกไปข้างนอก ซึ่งทุกย่างก้าวยามอยู่นอกเคหสถานต้องเสี่ยงอันตรายจากเหตุการณ์ที่พร้อมจะเกิดขึ้นได้ทุกวินาที

ในงานแสดงสินค้าพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ลูกค้าชาวมาเลเซียซึ่งเข้ามาเที่ยวงานจะชอบมาก จึงขอสั่งซื้อโดยขอให้ออกแบบที่มีเอกลักษณ์แตกต่างไปจากที่เคยทำด้วยการให้ใช้เส้นพลาสติกซึ่งมีโทนสีฉูดฉาดสะดุดตา โดยจะมีออเดอร์สินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

เช่นเดียวกับกลุ่มนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ และกลุ่มสตรีวัยทำงาน ซึ่งชยาวรรณบอกว่าเป็นกลุ่มที่ให้ความนิยมในผลิตภัณฑ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นกระเป๋าทำมือและสั่งแบบได้อย่างที่ต้องการ กระเป๋าบางตัวได้ออกแบบโดยอาศัยต้นแบบจากกระเป๋าแบรนด์เนมหลายยี่ห้อก่อนจะประยุกต์ด้วยลวดลายและออปชั่นพิเศษ เช่น ลูกปัด ห่วงเงิน หรือห่วงทองแล้วแต่ความชอบของลูกค้าแต่ละราย
ทั้งนี้ กระเป๋าแต่ละใบราคาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับขนาด ลวดลาย รูปแบบ ความยากง่ายในการประดิษฐ์ ซึ่งมีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ล่าสุดได้ขยายอาชีพที่ก่อให้เกิดรายได้ไปยังกลุ่มแม่บ้านที่เผชิญชะตากรรมเดียวกันในพื้นที่ที่สนใจ เพื่อสร้างเป็นเครือข่ายผู้ผลิตสินค้าโดยมีสมาชิกแล้วกว่า 30 คน

สินค้าแต่ละชนิดเราจะศึกษาตลาดก่อนว่าความนิยมของกลุ่มเป้าหมายเป็นไปในทิศทางใด จากนั้นศึกษาลวดลายจากสินค้าแบรนด์เนมก่อนแล้วนำมาดัดแปลงหรือประยุกต์ให้ เข้ากับสไตล์ของเรา ชยาวรรณแจงพร้อมเสริมว่า ยังมีสินค้าชนิดอื่น อาทิ กล่องใส่ของ ตะกร้าใส่เสื้อผ้า ซึ่งกระแสตอบรับดีพอสมควร จนกลายเป็นอีกหนึ่งสินค้าขายดีชนิดผลิตแทบไม่ทัน

งานฝีมือของ ชยาวรรณ ไม่เพียงสร้างรายได้ให้แก่ตัวเธอเองเท่านั้น แต่ยังกระจายเม็ดเงิน สร้างอาชีพเสริมให้แก่เพื่อนบ้านคนอื่นๆ ด้วย สนใจเรียนรู้วิธีการแปลงเวลาว่างให้เป็นรายได้ เธอยินดีให้ความรู้ชนิดไม่หวงวิชา ติดต่อที่ 08-1679-5376
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ประดิษฐ์ หน้ากากบีบีกัน สร้างรายได้

ธรรมรงค์ อินทะพันธุ์ เจ้าของงานเล่าว่า ตนเองเพิ่งเริ่มเล่นกีฬายิงปืนบีบีกัน ซึ่งกฎระเบียบของทุกสนามจะคล้ายกันคือ ผู้เล่นต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและดวงตาขณะลงเล่น ซึ่งหน้ากากส่วนใหญ่ที่ผู้เล่นใส่ก็มักจะเป็นหน้ากากพลาสติกที่เรียกกันว่า หน้ากากสก็อต หน้ากากลิง

หน้ากากบีบีกัน

อาชีพผลิตสินค้างานประดิษฐ์นอกจากจะต้องรู้จักดัดแปลง-พลิกแพลงแล้ว การมองหาตลาด-เลือกกลุ่มลูกค้าก็เป็นเรื่องสำคัญ อย่างเช่นธุรกิจผลิต หน้ากากสำหรับใส่เล่นกีฬายิงปืน บีบีกัน ที่ว่ากันว่ากำลังมาแรงในขณะนี้ ก็เป็นหนึ่งในกรณีศึกษาน่าสนใจ ซึ่งวันนี้ทีม ช่องทางทำกิน ก็มีข้อมูลมานำเสนอ

ธรรมรงค์ อินทะพันธุ์ เจ้าของงานเล่าว่า ตนเองเพิ่งเริ่มเล่นกีฬายิงปืนบีบีกัน ซึ่งกฎระเบียบของทุกสนามจะคล้ายกันคือ ผู้เล่นต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและดวงตาขณะลงเล่น ซึ่งหน้ากากส่วนใหญ่ที่ผู้เล่นใส่ก็มักจะเป็นหน้ากากพลาสติกที่เรียกกันว่า หน้ากากสก็อต หน้ากากลิง รวมถึงแว่นตา จึงคิดว่าน่าจะลองนำงานหน้ากากจำลองซึ่งที่บ้านทำอยู่ และส่วนใหญ่มักขายเป็นสินค้าของตกแต่ง เช่น หน้ากากตุ๊กตาญี่ปุ่น, หน้ากากรูปปิศาจ มาพัฒนาได้ เพื่อฉีกรูปแบบหน้ากากแบบเดิม ๆ โดยใช้ชื่อสินค้าของตนเองว่า มาสค์โม

เจ้าของงานไอเดียเล่าต่อไปอีกว่า แรก ๆ เป็นการทำขึ้นเพื่อทดลองใช้งานใส่เองในกลุ่มเพื่อน ๆ ต่อมาเริ่มมีคนสนใจและสอบถามว่าซื้อได้ที่ไหน พอทราบว่าเป็นของผลิตเองจึงทำให้มีการสั่งจอง โดยเริ่ม ทำขายจริงจังสักประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมา โดยขายผ่านเว็บไซต์ www.siambbgun.com และจัดส่งสินค้าทางพัสดุไปรษณีย์ ซึ่งไม่ต้องมีหน้าร้าน และเน้นผลิตงานตามคำสั่งซื้อของลูกค้าเป็นหลัก
รูปแบบของหน้ากากบีบีกันที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน มี 4 แบบ คือ หน้ากากคาบูกิ, หน้ากากกะโหลก, หน้ากากฮีท, หน้ากากวีฟอร์เด็ทต้า โดยแต่ละแบบจะแบ่งเป็นชนิดเต็มหน้า กับแบบครึ่งหน้า ราคาอยู่ที่ชิ้นละ 599 บาท จนถึง 999 บาท โดยหน้ากากแบบฮีทและหน้ากากคาบูกิจะค่อนข้างได้รับความนิยมมากในขณะนี้

มีการดีไซน์ให้เหมาะกับรูปแบบการเล่นของกีฬาบีบีกัน เช่น ตรงบริเวณตาจะเจาะรูให้กว้าง และใส่ตะแกรงเหล็กป้องกันลูกกระสุนพลาสติกของปืน ธรรมรงค์ เจ้าของงานหน้ากากประดิษฐ์กล่าว
อีกจุดเด่นของงาน ธรรมรงค์บอกว่า จะเน้นที่ความแฟนซี คือลูกค้าส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบสีสันและความแปลกใหม่ เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม จุดสำคัญของงานชิ้นนี้ นอกจากความแฟนซีแล้ว ในฐานะนักเล่นบีบีกันคนหนึ่งด้วยเขาบอกว่า ความปลอดภัย ความคงทน ก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้

ตัวหน้ากากจะ มีการเสริมใยแก้วลงไประหว่างชั้นของเรซิ่นและไฟเบอร์กลาส เพื่อให้ทนทานแข็งแรง ไม่แตกหักหรือเป็นรูง่าย ๆ สีที่ใช้ก็คุณภาพเดียวกันกับสีพ่นรถยนต์ จะมันวาว ลดแรงปะทะของกระสุนบีบีกัน

ทุนเบื้องต้นสำหรับทำหน้ากากขาย ใช้ประมาณ 5,000 บาท ก็ทำได้ ส่วนใหญ่เป็นค่าน้ำยาและอุปกรณ์ที่จำเป็น ถ้าใครมีอุปกรณ์บางชิ้นอยู่แล้ว ต้นทุนก็ลดลงไป ส่วนทุนวัตถุดิบอยู่ที่ประมาณ 60% จากราคาขาย

วัตถุดิบนั้นก็ประกอบด้วย น้ำยาเรซิ่น, น้ำยาไฟเบอร์กลาส, ใยแก้ว, ตะแกรงเหล็ก, สายคาด, สีสเปรย์, สีอะคริลิก (ใช้เพนท์ลวดลายหน้ากาก), อุปกรณ์สำหรับตกแต่งตามต้องการ และเชลแล็กเคลือบผิว
ขณะที่อุปกรณ์ที่จำเป็นก็มี เครื่องเจียผิว, เครื่องขัด, สว่านไฟฟ้า

หน้ากากบีบีกัน

ขั้นตอนการทำหน้ากากบีบีกัน

เริ่มจากออกแบบหน้ากากที่ต้องการ จากนั้นทำการขึ้นแม่พิมพ์ของตัวพิมพ์จากดินสำหรับปั้น เมื่อได้แม่พิมพ์แล้วให้นำปูนปลาสเตอร์มาทาบริเวณด้านในของแม่พิมพ์ให้ทั่ว จนได้ความหนาที่ต้องการ จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้ง จึงค่อย ๆ แกะออกจากแม่พิมพ์ ก็จะได้ตัวพิมพ์ สำหรับขึ้นเรซิ่นไฟเบอร์กลาส

เมื่อได้ตัวพิมพ์หน้ากากแล้ว ให้นำน้ำยาเรซิ่นไฟเบอร์กลาสทาให้ทั่วบริเวณด้านในของตัวพิมพ์ โดยเมื่อทาเสร็จชั้นหนึ่งก็ให้นำใยแก้วที่เตรียมไว้แปะลงไป จากนั้นจึงทาเรซิ่นทับอีกชั้นหนึ่ง โดยทำอย่างนี้ประมาณ 4-5 ครั้งจนครบ จากนั้นรอให้แห้ง ใช้เวลาประมาณครึ่งวันถึงหนึ่งวัน (ถ้าต้องการย่นเวลาก็อาจใช้น้ำยาเร่ง โดยถ้าใช้น้ำยาเร่งก็จะใช้เวลาเพียง 4-5 นาทีก็ใช้งานได้แล้ว) เมื่อเรซิ่นแห้งตัวก็แกะออกจากตัวพิมพ์จากนั้นนำมาขัดผิวด้วยเครื่องเจียและเครื่องขัด เพื่อทำให้ผิวหน้ากากเรียบ

ขั้นตอนการลงสี

ขั้นตอนนี้สีจะดี-ไม่ดีขึ้นอยู่กับว่าเรซิ่นที่หล่อเป็นหน้ากากแห้งสนิทหรือ ไม่ ถ้าเรซิ่นไม่แห้ง สีที่พ่นไปอาจเกิดการหลุดร่อนในภายหลังหรือขณะใช้งาน การลงสีให้ลงสีรองพื้นชั้นหนึ่งก่อน ทิ้งไว้ให้แห้ง จากนั้นจึงลงสีจริงอีกครั้งหนึ่ง เมื่อสีแห้งจึงนำไปตกแต่งลวดลายด้วยสีอะคริลิก ทิ้งไว้แห้ง จากนั้นจึงประกอบสายคาดหน้ากาก และตกแต่งตามต้องการ เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำ

ใครต้องการติดต่อ ธรรมรงค์ อินทะพันธุ์ โทร. 08-0205-9417, 0-2982-8220 หรือที่อีเมล momojung321@hotmail.com ซึ่งใครที่สนใจอยากจะรู้รายละเอียดลึก ๆ เกี่ยวกับสินค้า “หน้ากากบีบีกัน” หรืออยากจะฝึกทำ ก็ลองสอบถามจากเจ้าของงานได้โดยตรง

ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


โคมไฟดินหอม ต่อยอดงานปั้น

เครื่องปั้นดินเผา สินค้าหัตถกรรมประเภทงานปั้น อย่างเช่น โคมไฟดินหอม ที่ต่อยอดและผสมผสานงานปั้น สร้างเอกลักษณ์เพิ่มมูลค่าให้สินค้า ในรูปแบบของงานที่ไม่ซ้ำกัน

โคมไฟดินหอม

เครื่องปั้นดินเผา
สินค้าหัตถกรรมประเภทงานปั้น แม้หลายคนจะมองว่าตลาดสินค้าประเภทนี้ค่อนข้างเติบโตน้อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ หากรู้จักพลิกแพลง-ต่อยอด-ผสมผสาน และรู้จักสร้างเอกลักษณ์เพิ่มมูลค่าให้สินค้า อย่างเช่นงาน โคมไฟดินหอม ที่ทีม ช่องทางทำกิน ไปพบเจอมา

พรรษา สิงโตแก้ว เจ้าของงานดังกล่าวนี้ บอกว่า โคมไฟดินหอม นี้เริ่มมาจากความที่เป็นคนชอบงานปั้น เนื่องจากเติบโตมาในครอบครัวช่างปั้น ต่อมาเมื่อมาลงหลักปักฐานที่จังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่าในพื้นที่มีดินเหนียวคุณภาพดี จึงทดลองนำมาปั้นชิ้นงาน โดยแรก ๆ ตั้งใจจะทำเพื่อเป็นงานอดิเรก ต่อมาคิดว่าน่าจะส่งเสริมให้คนในพื้นที่ได้มีรายได้เสริมจากอาชีพเกษตรกรรม จึงเริ่มรวมตัวก่อตั้งกลุ่มผลิตงานปั้นเล็ก ๆ ขึ้น โดยเน้นที่ชิ้นงานปั้นรูปแบบง่าย ๆ เริ่มจากการปั้นตุ๊กตาดินเผา ก่อนจะพัฒนาแตกชนิดสินค้าเพิ่มขึ้น จนปัจจุบันมีหลากหลาย อาทิ โมบายสำหรับแขวน ตะเกียงน้ำมันหอมระเหย บ้านดินเผาสำหรับนก เป็นต้น

สำหรับโคมไฟดินหอม หรืออีกชื่อ โคมไฟอารมณ์ดิน นั้น เกิดขึ้นเพราะต้องการต่อยอดนำวัสดุ และส่วนประกอบที่มีอยู่แล้วจากการปั้น คือส่วนประกอบที่ปั้นเป็นลูกปัดสำหรับทำโมบายแขวน มาผสมผสานเข้ากับงานโคมไฟ และงานตะเกียงน้ำมันหอมระเหย เพื่อให้เกิดเป็นสินค้าชนิดใหม่ โดยอาศัยดวงไฟจากโคมไฟเป็นตัวทำให้เกิดความร้อนกับน้ำมันหอมระเหย ทั้งยังสามารถให้แสงสว่างในรูปแบบโคมไฟอีกด้วย

ถือเป็นการต่อยอดสินค้าที่เพิ่มเงินลงทุนไม่มาก
อีกจุดขายที่ใช้ เพิ่มมูลค่า ก็คือ รูปแบบของงานที่ไม่ซ้ำกัน เนื่องจากงานปั้นที่ผลิตได้ส่วนใหญ่จะผลิตด้วยมือทุกชิ้น ไม่มีแม่พิมพ์ ดังนั้นรูปแบบและลวดลายจึงไม่ซ้ำกัน

เรามองว่าเป็นการต่อยอดโดยที่แรงงานในกลุ่มของเราไม่ต้องสร้างเนื้องานเพิ่มมาก เพราะงานปั้นลูกปัดก็ทำเพื่อผลิตเป็นโมบายอยู่แล้ว ที่จะเพิ่มเข้ามาก็คืองานส่วนโครงสร้างของโคมไฟ เจ้าของงานกล่าวสำหรับตลาดของสินค้า พรรษาบอกว่า ส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่ บ้านคุ้มวิมานดิน ของเธอ เนื่องจากไม่ได้ขายผ่านคนกลาง แต่อาศัยเปิดร้านอยู่กับบ้าน และจำหน่ายผ่านทางหน้าเว็บไซต์ www.koomwimarndin. com เท่านั้น

ทุนเบื้องต้นอาชีพนี้ เจ้าของงานบอกว่าใช้เงินลงทุนประมาณ 3,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าเครื่องมือและอุปกรณ์ในงานปั้น ส่วนทุนวัตถุดิบต่อชิ้นอยู่ที่ประมาณ 40% จากราคาขาย โดยราคาขายเริ่มต้นตั้งแต่ 500 บาท ไปจนถึง 4,000 บาท ซึ่งโคมไฟจะมีทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำโคมไฟดินหอม ประกอบด้วย เตาสำหรับเผา (สามารถใช้ได้ทั้งแบบแก๊สและไฟฟ้า), ดินเหนียว, เศษฟางและแกลบ สำหรับผสมดิน, ไม้สำเร็จรูป สำหรับทำโครงโคมไฟ, เอ็น ไนลอนหรือเชือก สำหรับร้อยลูกปัด, ตะเกียงน้ำมันหอมระเหย, ชุดหลอดไฟสำเร็จรูป และเครื่องมือสำหรับตกแต่งดินเผา อาทิ เกรียง มีดแกะสลัก พู่กัน

โคมไฟดินหอม

ขั้นตอนการทำโคมไฟดินหอม

เริ่มจากการเตรียมดินเหนียวสำหรับปั้น โดยดินเหนียวที่ใช้จะเป็นดินที่อยู่ลึกลงไปประมาณ 50 เซนติเมตร เมื่อได้ดินเหนียวจำนวนที่ต้องการแล้วก็นำมาผึ่งแดดเพื่อให้ดินแตกตัวเป็นชิ้นเล็ก จากนั้นนำดินที่แตกตัวแล้วมาแช่น้ำทิ้งไว้ให้ดินตกตะกอน

เมื่อดินตกตะกอนแล้วให้เทน้ำทิ้ง นำส่วนผสมสำหรับผสมดินในงานปั้นใส่ลงไป อาทิ ทราย, แกลบ, ฟาง จากนั้นคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันกับเนื้อดิน ทำการนวดดินให้เป็นเนื้อเดียวกันจนได้อาการดิน หรือมีความเหนียวพอเหมาะสำหรับการปั้น แล้วก็เริ่มลงมือปั้นเป็นลูกปัดสำหรับร้อยตามรูปแบบที่ต้องการ โดยต้องเจาะรูสำหรับร้อยเชือกและเอ็นไว้ด้วยก่อนที่จะนำเข้าเตาเผา

จากนั้นนำส่วนประกอบต่าง ๆ เข้าเผาในเตาเผาที่ความร้อนไม่ต่ำกว่า 900 องศาเซลเซียส โดยใช้เวลาในการเผาประมาณ 10 ชั่วโมง จึงนำออกมาทิ้งไว้ให้ดินเผาเย็นตัวประมาณ 1 วัน
เมื่อดินเผาเย็นตัวลงแล้วก็นำมาร้อยเข้าด้วยกันด้วยเอ็นไนลอนหรือเชือก สำหรับร้อยลูกปัด เมื่อร้อยได้จำนวนที่ต้องการแล้วจึงนำมาประกอบเข้ากับตัวโคมไฟที่ทำการติด ตั้งชุดไฟสำเร็จรูปไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อประกอบเสร็จก็ตกแต่งตามต้องการ เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำโคมไฟดินหอม

วิธีการไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อน เรียนรู้ไม่นานก็สามารถทำได้ แต่ทุก ๆ ขั้นตอนจำเป็นต้องใช้เวลาและอาศัยฝีมือบวกกับความตั้งใจของคนปั้นเป็นสำคัญ ผลงานถึงจะออกมาสวยงาม เจ้าของงานระบุ

ใครสนใจชิ้นงาน โคมไฟดินหอม นี้ติดต่อได้ที่ คุ้มวิมานดิน เลขที่ 121/1 หมู่ 3 ต.คลองเขื่อน อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา โทร.08-2255-9807, 08-7825-1338, 08-1866-8700 หรือที่อีเมล info@koomwimarn din.com ใครที่สนใจอยากจะเรียนรู้งานปั้นดินเผาก็ลองสอบถามกันดู
ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


กรอบภาพ 3 มิติ รายได้ดี

กรอบภาพ 3 มิติ นำวัสดุธรรมชาติมาทำการจัดวางตำแหน่ง โดยวางให้ส่วนประกอบต่าง ๆ เกิดความลึก เกิดความตื้น น่าจะทำให้ภาพดูสวยแปลกตา มีมิติมุมมองมากขึ้น

กรอบภาพ 3 มิติ

สินค้างานประดิษฐ์บางชนิดมีจุดเด่นที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนมาก ใช้อุปกรณ์ในการทำไม่กี่ชิ้น แต่ก็สามารถต่อยอดสร้างงานจนทำเป็นอาชีพได้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน ซึ่งจุดสำคัญคือความคิดสร้างสรรค์กับความช่างสังเกต อย่างเช่นงาน กรอบภาพ 3 มิติ จากวัสดุธรรมชาติ ที่ก็เป็น ช่องทางทำกิน ที่น่าสนใจ
กนกพร จุฬาพิพัฒน์ เจ้าของงานรูปแบบนี้ เล่าว่า เดิมทำงานบริษัทเอกชน ภายหลังรู้สึกอิ่มตัวจึงอยากออกมาทำธุรกิจส่วนตัว โดยเริ่มจัดตั้งกลุ่มในชื่อว่ากลุ่มแมกไม้ขึ้น เพื่อผลิตงานฝีมือจากวัสดุธรรมชาติ ทำมาตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปัจจุบัน สินค้าที่ทางกลุ่มผลิตขึ้นจะเน้นที่การนำวัสดุธรรมชาติรอบตัว หาได้ง่าย มีต้นทุนน้อย มาดัดแปลงประกอบขึ้นเป็นชิ้นงาน สินค้าที่ผลิตขึ้นจึงมีตั้งแต่ ไม้ไผ่เชิงเทียน ตุ๊กตาไม้โมก ตะกร้าจักสาน และ กรอบภาพ 3 มิติ ลูกค้าส่วนใหญ่มีทั้งลูกค้าทั่วไป และรับสั่งทำตามคำสั่งซื้อของลูกค้า

สินค้าจะขายดีเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลสำคัญ อาทิ ปีใหม่ เนื่องจากสินค้าเป็นสินค้ากลุ่มของขวัญ ของตกแต่ง ของที่ระลึก เจ้าของงานกล่าว

สำหรับกรอบภาพ 3 มิติ ได้ไอเดียจากการที่สังเกตว่าปกติเราจะมีแต่ภาพที่มีมิติเดียว เป็นภาพแบน ๆ แต่ถ้านำวัสดุธรรมชาติมาทำการจัดวางตำแหน่ง โดยวางให้ส่วนประกอบต่าง ๆ เกิดความลึก เกิดความตื้น น่าจะทำให้ภาพดูสวยแปลกตา มีมิติมุมมองมากขึ้น อีกอย่างคือสามารถนำวัตถุดิบที่มีอยู่แล้วมาต่อยอดทำงานได้เลย ไม่ต้องไปเริ่มใหม่ จึงตัดสินใจผลิตงานออกมา โดยเมื่อลองจำหน่ายปรากฏว่าลูกค้าชอบ เพราะแปลกดี

นอกจากสินค้าที่ทำขึ้นสำเร็จรูปแล้ว ก็ยังมีลูกค้ากลุ่มคู่แต่งงานมาสั่งทำ โดยเพิ่มเติมในส่วนที่เป็นรูปถ่ายของลูกค้าเข้าไป จึงกล้าพูดได้ว่างานนี้โอกาสตันแทบไม่มีเลย เพราะสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด อีกทั้งลูกค้าก็ยังเป็นคนช่วยคิดรูปแบบของงานให้อีกด้วย

จุดเด่นของงานอยู่ที่การจัดวางตำแหน่งในกรอบภาพที่ทำให้ลูกค้าสะดุดตา เพราะจะมีมิติความลึก ดูแล้วไม่เบื่อ เจ้าของงานกล่าว

ทุนเบื้องต้นอาชีพนี้ อยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทขึ้นไป ส่วนทุนวัสดุอยู่ที่ประมาณ 30% จากราคาขาย ซึ่งราคาขายอยู่ที่ชิ้นละ 800-4,500 บาท ขึ้นกับขนาดและความยากง่ายในการทำชิ้นงานเป็นสำคัญ
อุปกรณ์ในการทำงานมีไม่กี่ชิ้น ประกอบด้วย คัตเตอร์, กรรไกร, ค้อน, ตะไบ, เลื่อยฉลุ, กระดาษทราย, ปืนยิงกาวซิลิโคน, กาวลาเท็กซ์, เชลแล็ก ส่วนวัสดุก็มี กรอบภาพ, เศษไม้โมก, กระดาษสา, กะลามะพร้าว, ใบยางพาราแห้ง, ไม้ไผ่, ลูกไม้ชนิดต่าง ๆ ตามธรรมชาติ และอุปกรณ์ตกแต่งอื่น ๆ ตามต้องการ



กรอบภาพ 3 มิติ

 

ขั้นตอนการทำกรอบภาพ 3 มิติ

เริ่มจากการเตรียมวัสดุโดยการทำความสะอาดและผึ่งให้แห้ง จากนั้นทำการออกแบบภาพที่ต้องการลงบนกระดาษ โดยขั้นตอนนี้จะช่วยทำให้การจัดวางส่วนประกอบในภาพเป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น เพราะต้องวางตำแหน่งต่าง ๆ ในภาพให้ดี และต้องมีลำดับขั้นตอน โดยเริ่มทำจากพื้นด้านหลังไปด้านหน้า
จากนั้นเริ่มขั้นตอนการทำส่วนประกอบต่าง ๆ ที่จะใช้ในการประดิษฐ์รูปภาพ อาทิ ตัวนก, กระต่าย, แมว, คนเต้นรำ, ต้นไม้ เป็นต้น โดยนำเศษไม้โมกมาเหลาด้วยคัตเตอร์ เพื่อให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ จากนั้นนำวัสดุประกอบอื่น ๆ มาประกอบขึ้นตามรูปทรงหรือแบบที่ ได้วาดไว้

เมื่อทำชิ้นส่วนที่จะใช้เป็นส่วนประกอบในภาพเรียบร้อย ก็เริ่มจากการติดกระดาษสาที่พื้นด้านหลัง จากนั้นนำส่วนประกอบชิ้นที่มีขนาดเล็กวางไว้ด้านในสุด แล้วจึงเริ่มติดชิ้นงานอื่น ๆ โดยใช้กาวลาเท็กซ์และปืนยิงกาวซิลิโคนยิงเชื่อมส่วนประกอบต่าง ๆ จัดให้เข้าที่เข้าทาง ตกแต่งให้สวยงาม ลงตัว
เทคนิคในการจัดวางตำแหน่งของชิ้นงานให้ดูมีมิตินั้น มีข้อแนะนำคือ ควร เริ่มจากการจัดวางจากพื้นด้านในสุดหรือด้านหลัง แล้วค่อย ๆ ทำออกมาด้านหน้า

นอกจากนี้ ขนาดและสี ก็มีผลต่อความรู้สึก ควรทำให้เกิดมิติโดยการจัดวางวัตถุที่ชิ้นเล็กให้อยู่ด้านหลัง และจัดวางวัตถุชิ้นใหญ่ให้อยู่ด้านหน้า เพื่อให้เกิดความไกลและใกล้ ส่วนการให้สีก็ควรดูให้ดีเพราะมีผลในเรื่องความรู้สึกเช่นกัน หากการจัดวางทำได้เหมาะสม จะช่วยทำให้ผู้ดูภาพเกิดความรู้สึกว่าภาพมีมิติขณะมองภาพ และเมื่อประกอบชิ้นงานทั้งหมดจัดวางลงตำแหน่งที่ต้องการแล้วก็ทำการปิดกระจก เป็นอันเสร็จ

ตลาดสินค้ารูปแบบนี้ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก จะยึดเป็นอาชีพเสริม หรือจะทำเป็นอาชีพหลักก็ได้ เป็นงานที่ใช้ต้นทุนน้อย สามารถทำขายได้เรื่อย ๆ ส่วนรูปแบบถ้าหากเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์มากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็พูดได้เลยว่าโอกาสถึงทางตันแทบไม่มี กนกพร เจ้าของงานกล่าวทิ้งท้าย


กรอบภาพ 3 มิติ

สนใจติดต่อที่กลุ่มแมกไม้ ติดต่อได้ที่อีเมล tamtamyim@hot mail.com หรือ โทร.08-4160-2944 ซึ่งใครสนใจอยากจะฝึกหัดทำ ก็สามารถสอบถามจากเจ้าของไอเดียได้โดยตรง
ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


ยางรัดผมติดตุ๊กตา แฮนด์เมด

ไอเดียสร้างสรรค์ที่ดี จนมีผลงาน ยางรัดผมแฮนด์เมด ที่สามารถสร้างรายได้ได้เป็นอย่างดี นอกจากใช้รัดผมได้แล้วยังสามารถรัดเข็มขัดได้อีก มีประโยชน์ใช้สอยเยอะ เป็นช่องทางเสริมรายอีกทาง

 ยางรัดผมติดตุ๊กตา
 
 
งานแฮนด์เมด งานประดิษฐ์ทำมือ เป็นงานที่ต่อยอดได้เรื่อย ๆ ถ้าผู้ทำมีไอเดียสร้างสรรค์ สามารถต่อยอดดัดแปลงชิ้นงานเป็นรูปแบบต่าง ๆ ได้หลากหลาย ก็จะขายได้ เรื่อย ๆ ไปตลอด อย่างเช่นชิ้นงาน ยางรัดผมติดตุ๊กตา ที่ ช่องทางทำกิน มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้ นี่ก็สร้างรายได้ให้ผู้ที่ทำขายได้อย่างดี

พรรณภา อิฐผลประเสริฐ นำผ้ามาตัดเย็บทำเป็นตุ๊กตา แล้วนำไปติดกับยางรัดผม จนเป็นผลงาน ยางรัดผมแฮนด์เมด ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเธอได้เป็นอย่างดี ซึ่งเจ้าของผลงานตอนนี้ยังศึกษา ในระดับปริญญาตรี อยู่ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เจ้าตัวเล่าว่า ทำงาน ประดิษฐ์งานแฮนด์เมด ยางรัดผมติดตุ๊กตา ขายมา 2 ปีแล้ว ที่บ้านเปิดร้านขายของอยู่ที่ย่านสำเพ็ง และตนนั้นก็เป็นคนที่ชอบงานประดิษฐ์-งานแฮนด์เมดอยู่แล้ว โดยส่วนใหญ่ก็จะประดิษฐ์ของใช้ต่าง ๆ พวกกระเป๋า พวงกุญแจ ยางรัดผม อยากจะทำอะไรก็ทำ สมัยก่อนส่วนใหญ่จะทำเล่น ๆ ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร หรือบางอย่างก็ทำไว้ใช้เอง

หลังจากได้ทำยางรัดผมมาใช้ เพื่อน ๆ ก็ชอบ เห็นว่าน่ารัก นอกจากรัดผมแล้วยังสามารถรัดเข็มขัดนักศึกษาได้อีกด้วย เพื่อน ๆ ก็เลยยุให้ทำขาย ก็มาคิดว่าไหน ๆ ก็ชอบทำงานประดิษฐ์อยู่แล้ว ก็ควรที่จะทำให้เกิดประโยชน์ จึงมีความคิดที่จะลองทำงานประดิษฐ์ขายเพื่อเป็นการหารายได้

เมื่อมีความคิดที่จะทำงานประดิษฐ์ขายอย่างจริงจัง ก็มานั่งคิดว่าจะทำงานอะไรดี ก็มาลงตัวที่จะทำยางรัดผมขาย เพราะเห็นว่าเป็นงานที่นอกจากใช้รัดผมได้แล้วยังสามารถรัดเข็มขัดได้อีก มีประโยชน์ใช้สอยเยอะ ขายเพื่อน ๆ นักศึกษาได้ นอกจากนั้นยังเป็นงานที่มีคนทำไม่มาก และขายได้ทั้งเด็กผู้ใหญ่
 ยางรัดผมติดตุ๊กตา
จึงลงทุนทำยางรัดผมขาย อย่างจริงจัง
ชิ้นงานส่วนใหญ่จะทำเป็นตุ๊กตารูปสัตว์ เน้นแนวน่ารัก หรือไม่ก็ออกแนวแปลก ๆ ไปเลย เพราะ จะเป็นงานที่ขายง่าย ตอนแรกนั้นเริ่มจากทำออกมาแค่ 60 ตัว แล้วก็ไปวางขายที่ร้านพ่อที่สำเพ็ง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ไปวางขายไม่นานก็ขายได้หมด

พรรณภาบอกต่อว่า สำหรับผ้าที่ใช้ทำตุ๊กตานั้น จะเลือกมาทำแบบหลากหลาย ส่วนใหญ่ลูกค้าคนไทยมักจะชอบผ้าลายดอก ถ้าเป็นลูกค้าต่างประเทศมักจะชอบผ้าเรียบ ๆ ไม่ฉูดฉาด ถ้าเป็นวัยรุ่นก็จะชอบแบบที่มีสีสันสดใส

วัสดุอุปกรณ์ในการทำ หลัก ๆ ก็มี ผ้า, ใยโพลี (แบบไม่มีฝุ่น), เข็ม, ด้าย, กระดุมสีต่าง ๆ, ยางรัดผม, กาวซิลิโคน, ตะเกียบ, กระดาษแข็ง, ดินสอ เป็นต้น

ผ้าที่ใช้ก็จะมีผ้าไนลอน ผ้าดิสโก้ ผ้าสักหลาดแบบขนเรียบ อุปกรณ์ส่วนใหญ่หาซื้อได้ที่สำเพ็ง

ขั้นตอนการทำยางรัดผมติดตุ๊กตา

เริ่มจากการวาดออกแบบตุ๊กตาที่ต้องการลงบนกระดาษ ทำการวาดรายละเอียดของตุ๊กตาที่จะทำให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็น ตา ปาก คิ้ว เมื่อออกแบบเสร็จก็ใช้กรรไกรตัดตามแบบที่วาดไว้ จากนั้นก็นำแบบไปวางทาบลงบนกระดาษแข็ง ใช้ดินสอร่างแบบให้เรียบร้อย ทำการตัดกระดาษแข็งตามรอยดินสอ ก็จะได้เป็นแพทเทิร์น จากนั้นก็นำแพทเทิร์นที่เป็นกระดาษแข็งไปวางทาบลงบนผ้า เลือกลวดลายผ้าตามต้องการ ใช้ดินสอวาดตามแบบให้เรียบร้อย จากนั้นตัดผ้าตามแบบ 2 ชิ้น (การตัดนั้นให้เว้นห่างจากรอยดินสอที่วาดไว้ประมาณ 1 เซนติเมตร เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับเย็บ)

เมื่อได้ผ้าที่ตัดมาแล้วก็นำผ้ามาประกบเข้าด้วยกัน เย็บตามแนวดินสอที่ขีดไว้ด้วยวิธีการด้นถอยหลัง ซึ่งจะต้องใช้ความประณีต ละเอียดในการเย็บ ระยะการเย็บต้องมีความถี่เท่ากัน (เพราะเวลากลับผ้าแล้วยัดใยโพลีตะเข็บจะไม่ปริแตก ใยโพลีที่ยัดเข้าไปไม่ปลิ้นออกมา) เย็บโดยให้เหลือช่องว่างไว้สำหรับยัดใยโพลีด้วย

หลังจากเย็บเรียบร้อยก็ทำการกลับผ้าให้ด้านในออกมาอยู่ด้านนอก จากนั้นก็นำใยโพลียัดใส่เข้าไปในช่องที่เว้นไว้ โดยใช้ตะเกียบเป็นตัวช่วยอัดให้ใยเข้าไปในส่วนที่เล็กของตุ๊กตา ยัดใยโพลีจนแน่นโดยใช้วิธีการกดที่ตัวตุ๊กตาดู ถ้าแน่นแล้วก็พอจากนั้นก็ทำการเย็บปิดช่องที่เว้นไว้ให้เรียบร้อย พยายาม เย็บไม่ให้เห็นด้าย

ขั้นตอนต่อไปก็เป็นการตกแต่ง โดยใช้กระดุมที่มีสีสันต่าง ๆ เลือกตามที่ต้องการ ดูให้เข้ากับลายผ้า ทำการเย็บติดเข้าไปเป็นตาของตุ๊กตาตามแบบที่ออกแบบไว้ จากนั้นก็ใช้ด้ายเย็บทำเป็นคิ้ว เป็นปาก อาจจะใช้ดอกไม้เล็ก ๆ ตกแต่งเพิ่มเข้าไปด้วยก็ได้ตามต้องการ ตกแต่งเสร็จก็ตัดผ้าสักหลาดเป็นรูปสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ มาติดไว้ที่ด้านหลังตุ๊กตา ยึดด้วยกาวซิลิโคน ให้แน่น สุดท้ายก็นำยางรัดผมมาติดลงบนผ้าสักหลาด ยึดด้วยกาวซิลิโคนให้แน่น เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย พร้อมขาย

ยางรัดผมติดตุ๊กตา งานแฮนด์เมดของพรรณภา มีหลากหลายแบบ และมีลายผ้าหลากหลายไว้ให้ลูกค้าได้เลือก โดยราคาขายส่ง (สั่งตั้งแต่ 6 ชิ้นขึ้นไป) อยู่ที่ชิ้นละ 15 บาท มีต้นทุนประมาณ 10 บาท

 ยางรัดผมติดตุ๊กตา

ชิ้นงานยางรัดผมแฮนด์เมดของพรรณภา ขายอยู่ที่ร้านยงโสภณพาณิชย์ ซอยวานิช 1 ตลาดสำเพ็ง ใครต้องการติดต่อพรรณภา ก็ติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 08-6602-2995,08-3994-9429 ซึ่งงานแฮนด์เมดลักษณะนี้สามารถดัดแปลงไปทำเป็นสินค้าอื่นได้อีกเยอะ เช่น ตุ๊กตา กระเป๋า ก็อยู่ที่ไอเดียของผู้ทำขาย
ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


เพาะเห็ดในโอ่ง สร้างรายได้เสริม

เพาะเห็ดโอ่ง ไม่ต้องใช้โรงเรือน ลงทุนต่ำ มีวิธีการเพาะที่ง่ายและสะอาดปลอดภัย โดยเน้นเพื่อการบริโภค ในครัวเรือน เพราะจะได้เห็ดที่มีความสด คุณภาพดีและรสชาติอร่อย


หลายคนต่างก็ทราบดีว่าอาชีพการเพาะเห็ดชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเห็ดฟางซึ่งมีวิธีเพาะหลากหลายรูปแบบ ที่สะดวกและเป็นที่นิยมกันมากในขณะนี้ก็คือการเพาะเห็ดฟางในตะกร้าพลาสติก แบบไม่ใช้โรงเรือนหรือการเพาะเห็ดฟางในกระสอบ โดยใช้แรงงานไม่มากและต้นทุนไม่สูงมากนัก

สำหรับเห็ดชนิดอื่น ๆ อาทิ เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม เห็ดภูฏาน เห็ดหูหนู ส่วนใหญ่จะซื้อเห็ดถุงมาเปิดดอกและการเพาะเห็ดประเภทนี้มีความจำเป็นจะต้อง สร้างโรงเรือน ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าถ้าจะลงทุนในการเพาะเห็ดประเภทนี้ในเชิงพาณิชย์ จะต้องมีการตรวจสอบเรื่องการตลาดให้ดีเสียก่อน แต่ถ้าจะเพาะเพื่อการบริโภคในครัวเรือนแบบเศรษฐกิจพอเพียง ลดความยุ่งยากและไม่ต้องลงทุนสร้างโรงเรือนและใช้วัสดุเหลือใช้ในครัวเรือน มาใช้ให้เกิดประโยชน์ คือ โอ่งแตกหรือร้าวนำมาเพาะเห็ด จึงได้เกิดวิธีการ “เพาะเห็ดโอ่งไม่ต้องใช้โรงเรือน”

คุณสถาพร ตะวันขึ้น เกษตรกรจังหวัดสมุทรสงคราม ได้เริ่มต้นด้วยการเพาะเห็ด โดยซื้อก้อนเชื้อมาเปิดแต่พบว่าจะต้องมีการลงทุนและมีความยุ่งยากในการสร้าง โรงเรือน ถึงแม้มีข้อมูลว่าการเพาะในโรงเรือนเห็ดจะออกดอกได้ดี แต่ดูแล้วไม่ค่อยสะอาดจึงได้พยายามค้นหาวิธีการให้ที่ลงทุนต่ำ มีวิธีการเพาะที่ง่ายและสะอาดปลอดภัย ได้ดอกเห็ดที่มีคุณภาพดี ที่บ้านคุณสถาพรมีโอ่งแตกอยู่และไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ จึงได้นำมาทดลองเพาะเห็ด

วิธีการเพาะเห็ดโอ่ง จึงเกิดขึ้นโดยไม่ต้องใช้โรงเรือนโดยเน้นเพื่อการบริโภค ในครัวเรือน เพราะจะได้เห็ดที่มีความสด คุณภาพดีและรสชาติอร่อย โดยใช้โอ่งเก่า โอ่งแตกและโอ่งร้าวเป็นที่เพาะ สำหรับวัสดุอื่น ๆ ก็ไม่ยุ่งยากเพียงแต่ซื้อก้อนเชื้อเห็ดที่ต้องการจะเพาะ กระสอบป่านใส่ข้าวสารหรือตาข่ายพรางแสงสีดำและบัวรดน้ำเท่านั้น ขั้นตอนการเพาะอันดับแรกจะต้องเลือกสถานที่ใช้เพาะควรเป็นใต้ร่มไม้หรือ บริเวณที่มีร่มเงา เมื่อได้สถานที่แล้ว ก็วางโอ่งในลักษณะเอียงนอนลงกับพื้นนำตะแกรงวางก้อน เชื้อเห็ดตามขนาดของโอ่งด้านล่าง นำก้อนเชื้อเห็ดมาวางบนตะแกรงที่เตรียมไว้ในโอ่ง

โดยใช้ก้อนเชื้อเห็ดตามขนาดของโอ่ง รดน้ำสะอาดวันละ 1 ครั้ง ใช้กระสอบป่านหรือตาข่ายพรางแสงสีดำคลุมปากโอ่ง คลุมไว้นานประมาณ 1-2 อาทิตย์ จะเริ่มเก็บเห็ดออกมารับประทานได้เป็นประจำทุกวัน เก็บเห็ดได้ทุกวันจนกว่าจะหมดนานประมาณ 1-3 เดือน คุณภาพของเห็ดที่เพาะได้ในโอ่งมีคุณภาพดีไม่แพ้ที่เพาะในโรงเรือน.
ทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ
http://www.dailynews.co.th

Read More...


โคมไฟรีโมต ช่วยลดโลกร้อน

โคมไฟระบบรีโมต ช่วยลดโลกร้อนสินค้า ดีฝีมือไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ กำลังได้การยกย่องจากนานาชาติ ให้เป็น โนว์ฮาว-Know How ที่มีส่วนช่วยแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญระดับสังคมโลกเลยทีเดียว

โคมไฟรีโมต

หาก คนทั่วโลกนับล้านคนใช้ระบบเปิด-ปิดไฟฟ้า ด้วยรีโมตคอนโทรล การลืมปิดไฟหรือเปิดไฟทิ้งไว้ในบ้านนับล้านหลังมันอาจหมดไป การใช้พลังงานไฟฟ้าย่อมลดลง การซื้อเชื้อเพลิงเพื่อมาผลิตไฟฟ้าก็ลดน้อยลงตามไปอีก

ยุค นี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหน พบเห็นคนส่วนใหญ่เริ่มตื่นตัวกับปัญหา โลกร้อน มากขึ้น หลายฝ่ายร่วมใจคนละไม้ละมือทำหน้าที่ช่วยแก้ไขกันไปตามแต่ศักยภาพของตัวเอง โดยเฉพาะภาคธุรกิจนั้น หากลองสำรวจคร่าวๆ คงพบว่าในท้องตลาดปัจจุบันนั้น มีผลิตภัณฑ์หลายหลากชนิด ที่นอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจแล้ว ยังมีส่วนช่วยทำให้ปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับโลกดังกล่าวทุเลาเบาบางลงได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

โคมไฟระบบรีโมต แม้จุดเริ่มจะมาจากความต้องการแก้ไขปัญหารำคาญใจในชีวิตประจำวันของพ่อลูกอ่อนธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่เมื่อมาถึงวันนี้ สินค้าดีฝีมือไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ กำลังได้การยกย่องจากนานาชาติ ให้เป็น โนว์ฮาว-Know How ที่มีส่วนช่วยแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญระดับสังคมโลกเลยทีเดียว

จุดเริ่มธุรกิจ คุณ กิตติพงศ์ บุษสาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.บี.สมาร์ท คอนโทรล จำกัด ในวัย 44 ปี ที่อนุญาตให้เรียกชื่อแบบกันเองว่า คุณเก่ง กรุณาสละเวลามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ดูแลอยู่ โดยย้อนความเป็นมาส่วนตัวให้รู้จักกันก่อน เริ่มจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านบริหารงานบุคคล จากมหาวิทยาลัยเกริก เคยผ่านงานมาหลายด้าน ทั้งดีเจเปิดแผ่นในเธค เจ้าของผับ ฝ่ายขายของโรงแรม และบริษัทกระเบื้องชื่อดัง

กระทั่งอายุได้ 36 ปี แต่งงานมีครอบครัว ภรรยาอยากให้เลิกชีวิตกลางคืน จึงหันมาทำธุรกิจส่วนตัวของครอบครัว เพื่อจะได้มีเวลาดูแลลูก ช่วงชีวิตนี้เองที่เป็นจุดเริ่มของการทำธุรกิจ โคมไฟรีโมต ซึ่งเป็นหัวข้อการสนทนากันในครั้งนี้

ตอนนั้นมีลูก เล็ก ชอบร้องไห้ตอนตี 2 ตี 3 ทุกวัน ผมเป็นคนดูแลลูกแต่เตียงนอนกับสวิตช์ไฟ มันไกลกันเกือบ 10 เมตร พอต้องเดินไปเปิดไฟ ต้องเตะพัดลมทุกคืน บางทีเดาผิดเดาถูกไม่รู้ลูกเป็นอะไร เข้าใจว่าเขาหิว พอไปชงนมให้เขาไม่กิน นมก็เปลือง เสียเวลาก็เสีย ง่วงก็ง่วง เลยมานั่งคิดว่าจะทำยังไงดี” คุณเก่ง เล่าปัญหาเมื่อครั้งเป็นพ่อลูกอ่อน

หลังจากนำปัญหาดังกล่าวมาขบคิด เพื่อไขที่ต้นเหตุ คุณเก่งได้ข้อสรุปว่า หากไม่ต้องการชงนมเสียเปล่าหรือเดินเตะข้าวของในห้องนอนตอนลูกร้องไห้กลางดึก เขาต้องเปิดไฟให้สว่างก่อน ซึ่งทางแก้ไข คือเลื่อนสวิตช์ไฟกลางห้องมาไว้ใกล้มือ ซึ่งคงเป็นเรื่องยุ่งยากเกินไป หรือไม่ก็ต้องย้ายโคมไฟมาไว้ใกล้หัวเตียง แต่ด้วยความที่มีลูกในวัยซน การมีเครื่องใช้ไฟฟ้าใกล้มือ อาจเป็นอันตรายได้
เมื่อประมวลข้อมูล ได้ดังว่า คุณเก่งจึงได้ข้อสรุปการแก้ปัญหาเปิดไฟห้องนอนช่วงกลางดึก ถ้ามี รีโมตคอนโทรล เหมือนกับโทรทัศน์หรือเครื่องปรับอากาศ น่าจะดีไม่น้อย คิดได้ดังนั้นจึงดั้นด้นไปยัง บ้านหม้อ แหล่งจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแหล่งใหญ่ที่สุดในเวลานี้ แต่จนแล้วจนรอด หาเท่าไหร่ไม่ว่าร้านไหนก็ไม่มีขาย

พอพบว่าสินค้าตามต้องการยังไม่มีขาย ด้วยความที่มีประสบการณ์ด้านการตลาดมาก่อน จึงทำให้เกิดความคิดว่าคนที่มีฐานะพอๆ กับผมน่าจะมีถึงหลักล้านคน และคนที่มีฐานะดีกว่าต้องมีอยู่ไม่น้อย ฉะนั้นคนทั้ง 2 กลุ่มนี้อาจกำลังเผชิญปัญหากวนใจเหมือนกับเรา แต่พวกเขาหาซื้ออุปกรณ์มาอำนวยความสะดวกไม่ได้เหมือนกัน

ฉะนั้น ถ้าเราทำออกขายก่อนคนอื่นมันน่าจะไปได้ เลยเริ่มทดลองทำ แต่ต้องคิดและทำเงียบๆ คิดดังไม่ได้ เพราะเชื่อว่าธุรกิจตัวนี้ ถ้ามีเงินทุนที่เหมาะสม สามารถผลิตสินค้าแล้วขายไปได้ทั่วโลก คุณเก่ง บอกอย่างนั้น

เจ้าของเรื่องราวท่านเดิม เล่าต่อว่า ธุรกิจที่ต้องเริ่มต้นด้วยการ คิดเงียบๆ ของเขานี้ มีเพื่อนอีกคนหนึ่งเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วน โดยได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นคนออกแบบวงจรไฟฟ้า ดัดแปลงให้เป็นรีโมตคอนโทรลทั้งแบบคลื่นวิทยุและแสงอินฟราเรด ลองผิด-ลองถูก เป็นเวลานานราว 1 ปี ใช้เงินทุนไปราว 1 ล้านบาท กว่าผลงานจะออกมานิ่ง อยู่ในระดับน่าพอใจ

ช่วงแรกออกแบบเป็น กล่องพลาสติคธรรมดา ใช้เป็นรีโมตเปิด-ปิดสวิตช์ไฟ แต่พอไปหารือกับทางสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ได้รับคำแนะนำให้เขียนออกมาเป็นแผนธุรกิจ ก่อนที่ทางเอสเอ็มอี แบงก์ จะเข้ามาสนับสนุนเรื่ององค์ความรู้ผ่านทางโครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ คุณเก่ง บอก
ภายหลังจากผ่านการอบรมและหารือกับทางผู้เชี่ยวชาญ หลายฝ่าย ทำให้คุณเก่งสามารถต่อยอดความคิดหา จุดขายของสินค้าในแบบของเขาได้มากกว่า 1 มุม

ถ้าขายเฉพาะระบบเปิด-ปิด ไฟฟ้าด้วยรีโมตคอนโทรล คงวางขายได้แค่ในร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป แต่ถ้าเรามีมุมขายมากกว่า 1 จุด คือสวยด้วย เท่ด้วย สะดวกสบายด้วย คงขายได้มากขึ้น เลยคิดต่อยอดด้วยการนำวงจรระบบรีโมตมาใส่โคมไฟ ก่อนออกแบบให้มีรูปทรงสวยงามแปลกตา เหล่านี้น่าจะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จเร็วขึ้น คุณเก่ง บอกอย่างนั้น

และ ด้วยความที่สินค้ามีความโดดเด่น แปลกใหม่ น่าสนใจ หลังจากวางตลาดได้ไม่นาน ทั้งหน่วยงานราชการและสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ต่างให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ของเขาเป็นอย่างดี จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา คุณเก่ง บอกว่า ได้รับอี-เมลจาก สมาพันธ์ธุรกิจโลก มีใจความว่า บริษัท เค.บี.สมาร์ท คอนโทรล จำกัด ซึ่งอยู่ในความดูแลของเขานั้น ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้รับรางวัลประจำปี ในฐานะธุรกิจมีความคิดสร้างสรรค์ เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์มีความสำคัญกับสังคมโลก
ทางสมาพันธ์ธุรกิจโลก ให้เหตุผลว่า หากคนทั่วโลกนับล้านคนใช้ระบบเปิด-ปิดไฟฟ้า ด้วยรีโมตคอนโทรล การลืมปิดไฟหรือเปิดไฟทิ้งไว้ในบ้านนับล้านหลังอาจหมดไป เมื่อเป็นเช่นนั้น การใช้พลังงานไฟฟ้าย่อมลดลง การซื้อเชื้อเพลิงเพื่อมาผลิตไฟฟ้าย่อมลดน้อยลงตามไปอีก ที่ผ่านมาการรณรงค์ดับไฟคนละดวงยัง ไม่สัมฤทธิผล ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะโลกยังไม่รู้จักโนว์ฮาวนี้ คุณเก่ง ว่าให้ฟังอย่างนั้น

สนทนามาถึงตรงนี้มีคำถามเกี่ยวกับอุปสรรคในการทำธุรกิจ คุณเก่งยิ้มน้อยๆ ก่อนบอก หลังจากทำออกมาแล้ว นำไปให้คุณพ่อทดลองใช้ ท่านไม่ตื่นเต้น ก่อนบอกเปิด-ปิดไฟเองมาทั้งชีวิต ไม่จำเป็นต้องใช้รีโมต ทำให้เขาขาดความมั่นใจ และคิดว่าสินค้าของเขาอาจไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ แต่เมื่อนำไปให้เด็กวัยรุ่นทดลองใช้กลับชอบใจ

ประสบการณ์ตรงดังว่า นี้ จึงเป็นจุดเริ่มทำให้ต้องค้นหาคำตอบให้มากขึ้นว่า ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายสินค้าของเขานั้น มีใครอยู่ที่ไหนบ้าง เมื่อทำวิจัยตลาดอย่างละเอียด ทำให้พบว่า ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเขานั้น แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม นับตั้งแต่หมู่บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม โรงแรม รีสอร์ต รวมทั้งผู้ใช้ตามบ้านด้วย

เมื่อถามไถ่ถึงคู่แข่ง เจ้าของเรื่องราว ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนบอกตรงๆ ตอน นี้ยังไม่มี แต่กลัวอยู่เหมือนกัน เพราะทุนเราน้อย หากคนชอบเลียนแบบ แล้วเขามีทุนเป็นพันล้านบาท เราคงเหนื่อยหน่อย แต่การเป็นแชมป์นั้น ต้องกลัวผู้ท้าชิงหรือผู้ท้าชิงต้องกลัว ฉะนั้น ถ้าเราบอกว่าตัวเองเป็นแชมป์ คู่แข่งเขาต้องกลัวเรามากกว่า

ก่อนจากกันไป คุณเก่ง ขอบรรยายคุณสมบัติของโคมไฟอัตโนมัติให้ทราบด้วยว่า สามารถรับสัญญาณรีโมตรังสีอินฟราเรดได้ในระยะถึง 30 เมตร ทำหน้าที่เสมือนสวิตช์ปิดเปิดไฟฟ้า ทำให้ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน แตกต่างกับการปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยรีโมต อย่างโทรทัศน์ที่แม้หน้าจอจะมืดแต่กินไฟเหมือนเปิดปกติ ส่วนราคาขายอยู่ที่ 3,500-10,000 บาท ต่อชิ้น ขึ้นอยู่กับแบบที่เลือก

สนใจโคมไฟระบบ รีโมตคอนโทรล และระบบเปิด-ปิด ด้วยรีโมตคอนโทรล ของบริษัท เค.บี.สมาร์ท คอนโทรล จำกัด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เลขที่ 38/182 หมู่บ้านสุขประยูรฮิลล์ หมู่ 9 ถนนสุขประยูร ตำบลนาป่า อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี 20000 โทรศัพท์ (038) 270-615 หรือ (086) 996-3111
ที่มา : มติชน
ภาพจาก : กรุงเทพธุรกิจ

Read More...


นาฬิกาภาพล้อเลียน รายได้ดี

นาฬิกาภาพล้อเลียน รายได้ดี การนำงานศิลปะเพนท์รูปมาผสมผสานทำเป็นนาฬิกา เป็นผลิตภัณฑ์ไอเดียที่ฉีกแนว สร้างความแตกต่างให้กับสินค้า เป็นอีกผลงานที่สร้างรายได้ให้กับเจ้าของผลงานได้เป็นอย่างดี

การนำงานศิลปะเพนท์รูปมาผสมผสานทำเป็นนาฬิกา เป็นผลิตภัณฑ์ไอเดียที่ฉีกแนว สร้างความแตกต่างให้กับสินค้า เป็นอีกผลงานที่สร้างรายได้ให้กับเจ้าของผลงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งวันนี้ทีมงาน “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลอาชีพการทำ “นาฬิกาภาพล้อลียนกระดุกกระดิก” มานำเสนอให้ลองพิจารณา…


นาฬิกาภาพล้อเลียน รายได้ดี

มนูสุข พรรวีชัยมงคล เจ้าของร้านสารพัดเพนท์ ย่านตลาดนัดตะวันนา เจ้าของไอเดีย “นาฬิกาภาพล้อเลียนกระดุกกระดิก” เล่าว่า หลังเรียนจบด้านออกแบบผลิตภัณฑ์ ก็ทำงานด้านการเพนท์ซึ่งเป็นงานที่ชอบ โดยตอนนั้นได้นำเทคนิคการเพนท์มาสรรค์สร้างผลงานลงบนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ออกจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น การเพนท์ภาพบนรองเท้า กระเป๋า เสื้อ เป็นต้น นอกจากนั้นยังวาดภาพล้อเลียนลงแผ่นไม้ขายอีกด้วย

ต่อมางานเพนท์ลงผลิตภัณฑ์ รวมทั้งภาพล้อเลียนที่วาดลงบนแผ่นไม้ เริ่มมีคู่แข่งในตลาดมากขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีไอเดียใหม่ ๆ สร้างสรรค์ผลงานที่แตกต่างออกจำหน่าย ที่สุดก็ได้ไอเดียการทำนาฬิกาภาพล้อเลียน ที่สามารถเคลื่อนไหวได้ออกมา และผลิตภัณฑ์ก็สามารถครองใจลูกค้า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

“ภาพล้อเลียนของผมจะเน้นวาดออกมาในลักษณะคล้ายจริง ความเหมือนก็อยู่ที่ประมาณ 85-90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ที่จำเป็นจะต้องมีการฝึกฝนพัฒนาฝีมือ และความยากอีกจุดหนึ่ง ของการทำนาฬิกาภาพล้อเลียนเคลื่อนไหวได้นั้น ก็อยู่ตรง ที่การตั้งศูนย์ถ่วงแกว่งให้ตรง เพราะถ้าตั้งไม่ดี ถ่วงน้ำหนักไม่ดี ภาพก็จะเอียง หรืออาจจะขยับไม่ได้” เจ้าของผลงานกล่าว

นาฬิกาภาพล้อเลียน รายได้ดี

สำหรับวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำหลัก ๆ ก็มี แผ่นไม้อัดหนาประมาณ 2 มม. หรือแผ่นฟองน้ำอัด, สีอะคริลิก, พู่กัน, ดินสอ, คัตเตอร์, เลื่อยฉลุ, กระดาษทราย, เครื่องนาฬิกาแบบแกว่ง, ซิลิโคน เป็นต้น
ภาพล้อเลียนที่นำมาทำเป็นนาฬิกานั้น สามารถใช้ไม้อัด หรือใช้แผ่นฟองน้ำอัดทำก็ได้ ถ้าเป็นแผ่นฟองน้ำอัด ก็จะทำให้ชิ้นงานนั้นมีน้ำหนักเบากว่าใช้ไม้อัดทำ

ขั้นตอนการทำ

เริ่มจากนำแผ่นไม้อัดมาทาสีขาวเป็นพื้น รอจนสีแห้งก็ใช้ดินสอวาดรูปหน้าคนตามแบบ โดยการวาดนั้นจะต้องวาดแยกส่วนหัวกับส่วนตัว และเน้นให้มีลักษณะหัวโตกว่าตัว ส่วนหัวที่เป็นรูปหน้าต้องวาดให้คล้ายภาพจริง ส่วนตัวก็วาดตามจินตนาการหรือวาดตามแบบที่ลูกค้าต้องการ
เมื่อวาดด้วยดินสอเรียบร้อยแล้ว ก็ลงสีด้วยสีอะคริลิก โดยจะต้องเน้นในเรื่องของแสงเงาเพื่อให้ภาพออกมาดูมีมิติสวยงาม หลังจากลงสี พอสีแห้งสนิท ก็ใช้สเปรย์เคลือบเงาพ่นเคลือบบนภาพที่ลงสีแล้วให้เรียบ

หลังจากได้ภาพวาดเคลือบเงาเรียบร้อย ก็นำภาพนั้นไปตัดตามชิ้นส่วนที่วาดไว้ โดยใช้เลื่อยฉลุตัดตามภาพออกมา ก็จะได้เป็นชิ้นงานแยกเป็นชิ้น ๆ ใช้กระดาษทรายขัดแต่งขอบให้เรียบ นำชิ้นส่วนที่เป็นส่วนตัวไปเจาะรูสำหรับใส่เครื่องนาฬิกา ตรงส่วนหัวนั้นก็ใช้เส้นลวดชนิดแข็งดัดเป็นรูปตัวแซด ปลายลวดด้านหนึ่งติดตรงกึ่งกลางของส่วนหัว อีกด้านติดกับแกนแกว่งของเครื่องนาฬิกา ใช้ซิลิโคนติดให้แน่นหนา

ลำดับถัดมาก็นำไม้อัดมาทำเป็นฐาน นำชิ้นส่วนงานที่เป็นส่วนตัวมาติดลงบนฐานไม้ ใช้ปืนยิงซิลิโคนยึดติดให้แน่นหนา นำตัวเครื่องนาฬิกาที่มีส่วนหัวติดอยู่มาประกอบเข้ากับส่วนตัว ติดเข็มนาฬิกาให้เรียบร้อย

และเพื่อทำให้ส่วนหัวขยับได้ ก็จะต้องมีการถ่วงน้ำหนักตรงแกนแกว่งของนาฬิกาด้วยน็อต ซึ่งขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญ เพราะจะต้องถ่วงน้ำหนักให้พอดี ศูนย์ถ่วงต้องตรง เพราะถ้าถ่วงน้ำหนักไม่ดี ศูนย์ไม่ตรง ส่วนหัวก็จะไม่ขยับ

เมื่อตั้งศูนย์ถ่วงเรียบร้อย ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำ
ผลงานนาฬิกาภาพล้อเลียนเคลื่อนไหวได้ของมนูสุขนี้ มีหลากหลายรูปแบบให้ลูกค้าได้เลือก มีทั้งแบบเป็นรูปเดี่ยว ๆ และแบบที่มีฉากหลัง ซึ่งราคาจำหน่ายก็อยู่ที่ 350-500 บาท โดยราคานั้นก็จะขึ้นอยู่กับรูปแบบและความยากง่ายของชิ้นงาน ส่วนทุนวัสดุก็จะตกประมาณไม่เกิน 70% ของราคา

สำหรับผู้ที่สนใจ “นาฬิกาภาพล้อเลียนกระดุกกระดิก” ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ตลาดนัดตะวันนา โซนเอฟ ล็อกที่ 135 ซอย 1 ข้างเดอะมอลล์ บางกะปิ หรือโทรฯสอบถามได้ที่ 08-1248-1022, 08-3541-6183 ส่วนผู้ที่พอมีฝีมือทางด้านนี้ และยังไม่มีอาชีพ จะลองนำข้อมูลไปดัดแปลงสร้างชิ้นงานรูปแบบใหม่ ๆ ขึ้นมาบ้าง ก็อย่าช้า !!.

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=498&contentID=12859

Read More...


ผลิตด้ามปืนจากแก่นไม้ เน้นฝีมือโกอินเตอร์

กว่า 30 ปีที่ชาวไทยเชื้อสายมอญที่ บ้านสามเรือน ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ยึดอาชีพการทำด้ามปืนทุกชนิดส่งขายทั่วประเทศ รวมถึงการส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย โดยมี บุญส่ง โคมลอย ช่างมือโปรวัย 56 ปี เป็นผู้บุกเบิก จนทำให้ทุกวันนี้คนทั่วไปรู้จักหมู่บ้านสามเรือนในนาม หมู่บ้านด้ามปืน แหล่งผลิตด้ามปืนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ด้ามปืนจากแก่นไม้
 
บุญส่ง มีเชื้อสายชาวมอญที่บรรพบุรุษเป็นชาวมอญที่อพยพหลบหนีภัยสงครามจากประเทศ พม่าเข้ามาปักหลักปักฐานอยู่ที่บ้านสามเรือน ต.คลองควาย อ.สามโคก มาจนทุกวันนี้ และเมื่อเติบโตขึ้นมา เขาบอกว่า เริ่มประกอบอาชีพเป็นกระเป๋ารถเมล์ ที่ขณะนั้นพี่ชายทำงานอยู่ที่ร้านจำหน่ายปืนชื่อร้าน “ปืน เอเอ็ม” ย่านวังบูรพา กรุงเทพฯ (ปัจจุบันนี้เลิกกิจการไปแล้ว) ต่อมาจึงไปฝึกการทำด้ามปืนที่ทำจากไม้กับพี่ชายที่วังบูรพา จนชำนาญในระดับช่างมือโปรคนหนึ่ง

ด้ามปืนจากแก่นไม้


ทั่งปี 2518 บุญส่งกลับไปที่บ้านสามเรือน เพื่อบวชทดแทนคุณให้คุณพ่อคุณแม่ พอสึกออกมา ตั้งใจไม่กลับไปที่วังบูรพาอีก จึงปักหลักทำด้ามปืนจากไม้เองที่บ้าน ซึ่งช่วงแรกทำเพียงคนเดียว และยอมรับว่าลำบาก เพราะยังไม่มีอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือเครื่องมือทันสมัย มีเพียงสิ่ว ตะไบ แล้วก็เลื่อยเท่านั้น เน้นเป็นงานแกะสลักลวดลายที่เรียกว่างานทำด้วยมือ


ด้ามปืนจากแก่นไม้


ปัจจุบันมีการพัฒนาความรู้ โดยประยุกต์เครื่องไฟฟ้าเข้ามาทำงานด้วยเพื่อให้ประหยัดเวลา แต่คุณภาพและความงดงามยังคงเดิม นอกจากนี้ยังฝึกลูกๆ หลานๆ ที่อยู่ในชุมชนให้มีอาชีพ มีงานทำรวมกันราว 6-7 คน โดยไม่หวงวิชา ทั้งนี้เพื่อต้องการเผยแพร่ให้ลูกหลานมีอาชีพและมีรายได้และห่างจากยาเสพติด ซึ่งแต่ละเดือนจะมีงานเข้านับพันๆ ชิ้น ขายในราคาต่ำสุดที่เป็นงานแกะลวดลายง่ายๆตกชิ้นละ 250 บาท หากมีลายที่ยากและสวยงามราคาชิ้นละ 3,000 บาท เน้นเฉพาะปืนสั้นทั้งปืนลูกโม่ และแม็กกาซีนยี่ห้อต่างๆ ตั้งแต่ปืนขนาด .22 จนถึงขนาด 11 มม. ส่วนพี่ชายบ้านติดกันจะเน้นด้ามปืนยาวทุกยี่ห้อ ทุกรุ่นเช่นกัน

ส่วนไม้ที่ใช้ทำด้ามปืน บุญส่งบอกว่า ไม้ในประเทศไทยใช้ได้แทบทุกชนิด ใช้เฉพาะแก่นไม้เท่านั้นเพื่อความคงทน แต่เขาเน้นแก่นไม้พยุง แก่นไม้จันทน์ดง แก่นไม้ชิงชัน และแก่นไม้มะเกลือ หากลูกค้าเจาะจงมา หรือนำไม้มาให้เราแกะสลักอาจมีไม้สัก ไม้นางพญางิ้วดำ เพราะบางคนถือเป็นไม้มงคลแล้วนำมาให้แกะลวดลายให้ บางรายนำแก่นไม้จากต่างประเทศ อาทิ ไม้ไวท์แอช ซึ่งมีนักเล่นปืนนิยมเช่นกัน

ส่วนลูกค้าที่มาสั่งแกะสลักด้ามปืนส่วนใหญ่จะผลิตส่งให้ร้านขายปืนทั้ง ที่วังบูรพา และร้านจำหน่ายปืนทั่วประเทศ อีกส่วนมีสั่งมาจากต่างประเทศด้วย อย่างล่าสุดก็ส่งไปที่ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีลูกค้าที่เป็นกลุ่มนักสะสมปืน นักเล่นปืน รวมถึงจากส่วนราชการต่างๆ โดยจะเน้นเรื่องความสวยงาม นอกจากนี้ยังมีออเดอร์จากสมาคมนักกีฬายิงปืน หรือชมรมกีฬายิงปืนต่างๆ ที่สั่งทำด้ามปืนตลอดมา ทำให้มีงานทำตลอดทั้งปี และมีรายได้เลี้ยงตัวเองได้เป็นอย่างดี เนื่องจากปัจจุบันบ้านสามเรือน หรือหมู่บ้านด้ามปืน เป็นแหล่งผลิตด้ามปืนที่เป็นงานฝีมือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

“งานของเราเป็นงานฝีมือจริงๆ ต่างจากด้ามปืนที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้การผลิตจากเครื่องจักร ราคาก็สูง งานก็ไม่ประณีต ไม่ละเอียดอ่อนแบบของคนไทยเรา ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้งานฝีมือของเราแพร่หลายและได้รับความนิยม” บุญส่งกล่าว

นอกจากนี้บุญส่งฝากบอกด้วยว่าอยากเชิญนักเรียน นิสิต นักศึกษา หากจะเข้าไปศึกษาหาความรู้ หรือทำรายงานเกี่ยวกันการผลิตด้ามปืน หรืออยากรู้ความเป็นมา ศิลปวัฒนธรรม-ประเพณี และวิถีชีวิตของชาวมอญก็ยินดีตอนรับทุกคนสอบถามได้โทร.08-1629-4494
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ตกแต่ง ผ้าพันคอ หมวกไหมพรม

ตกแต่งเสริมเสน่ห์ให้ผ้าพันคอและหมวกไหมพรม อุ่นๆ นุ่มๆ ไม่ซ้ำใคร เตรียมพร้อมสู้หนาว

ตกแต่งผ้าพันคอหมวก

ใกล้สิ้นปีนัดแนะเพื่อนฝูงดิบดีเตรียมขึ้นดอยโอบกอดขุนเขาและสายหมอกเวลาเหลือหลายวันกว่าจะเดินทางนึกสนุกอยากเพิ่มลูกเล่นให้ ผ้าพันคอ และ หมวกไหมพรม ตัดสินใจตกแต่งเสริมเสน่ห์ให้ผ้าพันคอและหมวกไหมพรมอุ่นนุ่มๆไม่ซ้ำใคร

อุปกรณ์ทั้งเส้นเทปแต่งโมโมทาราคละแบบ,ผ้าสักหลาดตัดวงกลม,ตัวสักหลาดตัด สำเร็จรูปนกหรือเลือกตามใจชอบ,ลูกฟูไหมพรม,แป้นเข็มกลัดติดหมวกและปืนกาวไส้ อะคริลิกน.ส.เลิศลักษณ์แจ่มโกงแนะนำว่าเสาะหาได้คล่องตามตลาดย่านสำเพ็งไม่แพ้สองตัวเอกอย่างหมวกไหมพรม ผ้าพันคอไหมพรม รวมไปถึงอุปกรณ์จำเป็นอย่าง ด้าย,เข็มและกรรไกร

ด้านขั้นตอนการทำเลือกตกแต่งผ้าพันคอก่อนโดยตัดผ้าสักหลาดออกเป็นวงกลมขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ มาวางซ้อนทับกันหยิบลูกฟูโทนสีคล้ายคลึงกันเย็บติดเข้ากันให้แน่นหนา สำเร็จเป็นดอกสักหลาด 1 ชิ้น วางประดับสร้างลวดลายตามจินตนาการ เสร็จแล้วร้อยด้ายสอยติดกับไหมพรม จากนั้นดึงปลายผ้าสักหลาดเพิ่มลูกเล่นให้ดอกสักหลาดมีเทคเจอร์และมิติ

ส่วนหมวกไหมพรมเริ่มจากใช้ผ้าสักหลาดวงกลมมาเป็นฐานจับเส้นเทปโมโมทาราเย็บ ตึงทีละเส้นพับทบแล้วเย็บติดจนได้พู่สวยงามถัดมาใช้ปืนกาวยิงอะคริลิกติดผ้าสักหลาด 2 ชิ้น นำเส้นเทปโมโมทาราร้อยเรียงตัวสักหลาดตัดสำเร็จรูปนก 2 ชิ้น แล้วผูกโบให้สวยงามติดกาวให้แน่นยิงกาวที่แป้นเข็มกลัดปะทับแผ่นสักหลาดด้านหลัง รอจนแห้งไม่หลุดลอกกลัดติดหมวกไหมพรม
ขั้นตอนสุดท้ายพับจัดเก็บลงกระเป๋าเดินทางพร้อมสู้หนาวเต็มที่

ตกแต่งผ้าพันคอหมวก

ที่มา : เดลินิวส์
ขอบคุณนิตยสารงานฝีมือ
www.handicraftmag.com

Read More...


หัวกะโหลกอินดี้ อาชีพเสริม

หัวกะโหลกอินดี้ งานหล่อเรซิ่นขึ้นรูปเป็นรูปหัวกะโหลกมนุษย์ที่มีขนาดเท่าของจริง แล้วนำมาใส่ลวดลายต่าง ๆ ลงไปบนหัวกะโหลกเพื่อเป็นการลดความน่ากลัวลง สามารถนำไปทำเป็นของตกแต่งบ้าน หรือสถานที่ต่าง ๆ ได้ และถือเป็น ชิ้นงานที่แปลกแหวกตลาด

หัวกะโหลกอินดี้
หัวกะโหลกอินดี้ เป็นชื่อเรียกผลงาน งานหล่อเรซิ่นขึ้นรูปเป็นรูปหัวกะโหลกมนุษย์ที่มีขนาดเท่าของจริง แล้วนำมาใส่ลวดลายต่าง ๆ ลงไปบนหัวกะโหลกเพื่อเป็นการลดความน่ากลัวลง สามารถนำไปทำเป็นของตกแต่งบ้าน หรือสถานที่ต่าง ๆ ได้ และถือเป็น ช่องทางทำกิน ด้วยชิ้นงานที่แปลกแหวกตลาด…

หัวกะโหลกอินดี้


กอล์ฟ-ธนายุทธ คำรักษ์ เป็นผู้เชี่ยวชาญการทำโมเดลงานหล่อเรซิ่นที่มีประสบการณ์กว่า 8 ปี และเป็นเจ้าของไอเดีย หัวกะโหลกอินดี้ ที่ทำจากเรซิ่น เพนท์แอร์บรัชเป็นลวดลายต่าง ๆ เป็นงานอาร์ตเอาไว้ตกแต่งโชว์แนวอินดี้ โดยเจ้าของผลงานเล่าว่า เรียนมาทางด้านออกแบบ แต่มีความสนใจในเรื่องของโมเดลมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ หลังจากที่จบมาก็ไปทำงานออกแบบกราฟิกรถยนต์ในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ทำอยู่ 1 ปีก็เริ่มเบื่อ อยากทำงานที่ตัวเองชอบ คือโมเดล จึงตัดสินใจลาออกแล้วศึกษางานโมเดลอย่างจริงจัง

ต่อมาก็ได้ไปเป็น บก.อยู่ที่นิตยสารฮอบบี้ โมเดล เป็นนิตยสารเกี่ยวกับโมเดล รับผิดชอบเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับโมเดลรุ่นต่าง ๆ ซึ่งตอนนั้นรู้แต่ทฤษฎี ยังไม่มีความรู้เรื่องการทำ จึงมีความสนใจที่จะเรียนรู้วิธีการทำด้วย จึงได้เริ่มศึกษาวิธีการทำโมเดลจากทางอินเทอร์เน็ตและจากคนที่เชี่ยวชาญ ฝึกหัดทำ สะสมประสบการณ์อยู่ 1 ปี ก็ออกมาทำโมเดลให้กับชาวต่างชาติที่มาลงทุนเปิดร้านให้ ทำอยู่ได้ 1 ปี ก็ออกมาเปิดร้านทำธุรกิจของตัวเอง ทำโมเดลรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งรับประกอบโมเดล และรับทำแอร์บรัชลงบนวัสดุทุกชนิด รับหล่อเรซิ่น

เพราะเป็นคนที่ชอบทำโมเดลแนวน่ากลัว ๆ และชอบศึกษาโมเดล ของมนุษย์ ก็เห็นว่าชิ้นส่วนกะโหลกมนุษย์เป็นส่วนที่มีความสวยงามที่สุด จึงเกิดไอเดียที่จะทำงานหล่อเรซิ่นเป็นหัวกะโหลกมนุษย์ขึ้นมา
“ทดลองทำเป็นงานหล่อเรซิ่นขึ้นมา เป็นงานหล่อเรซิ่นแบบกลวง ทำขึ้นมาให้มีขนาดเท่าของจริง ซึ่งตอนแรกนั้นเราทำและลงสีให้เหมือนธรรมชาติ ดูเป็นหัวกะโหลกมนุษย์จริง ๆ ภายหลังจึงปรับรูปแบบด้วย”
งานเรซิ่นหัวกะโหลกมนุษย์เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอยู่มากในช่วงแรก แต่พอหลัง ๆ ก็เริ่มได้รับความนิยมลดลง จึงต้องมาคิดไอเดียใหม่ ๆ ใส่เข้าไป จนมาเกิดไอเดียที่จะนำลวดลายต่าง ๆ เพนท์ลงบนกะโหลก เพื่อเป็นการลดความน่ากลัวของหัวกะโหลกลงไป เพื่อให้ดูเป็นงานที่น่าสะสม นำไปตกแต่งได้

กอล์ฟกล่าวต่อว่า หัวกะโหลกอินดี้เพนท์ลายของเขานั้นจะมีแบบเดียวลายเดียว ไม่มีการทำซ้ำลายเดิม ทำให้ลูกค้าที่ซื้อไปมั่นใจได้ว่าสินค้าชิ้นนั้น ๆ จะมีอยู่ชิ้นเดียวในโลก นี่ถือเป็นจุดขาย

อุปกรณ์ในการทำหลัก ๆ

มีดังนี้… ปั๊มลม, หัวพ่น, สีพ่นอุตสาห กรรม, คัตเตอร์, กระดาษทราย, ปูนปลาสเตอร์, ยางซิลิโคน, ดินสำหรับปั้นขึ้นรูป, พู่กัน, ดินสอ, กรรไกร เป็นต้น
ปั๊มลมนั้นใช้ขนาดประมาณ 3-5 ลิตร หัวพ่นสีนั้นอย่างน้อยควรมี 2 ขนาด คือหัวเล็กและปานกลาง ส่วนสีพ่นซื้อแต่แม่สีมาผสมเอง และสีหลัก ๆ ก็ได้ อาทิ แดง เหลือง น้ำเงิน ขาว และดำ ส่วนดินสำหรับปั้นขึ้นรูปจะใช้ดินเหนียว ดินน้ำมัน หรือขี้ผึ้งก็ได้

ขั้นตอนการทำ

เริ่มจากการทำแม่พิมพ์ก่อนเป็นอันดับแรก โดยการนำดินเหนียวหรือดินน้ำมันหรือขี้ผึ้งมาทำการปั้นขึ้นรูปให้เป็นกะโหลก มีขนาดสัดส่วนเท่าของจริง รายละเอียดก็ต้องเหมือน ซึ่งการปั้นขึ้นรูปนี้เป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ความชำนาญมากหน่อย ถือว่าเป็นขั้นตอนที่ยากขั้นตอนหนึ่งสำหรับมือใหม่

ปั้นขึ้นรูปเสร็จแล้วก็ผสมยางซิลิโคนที่ใช้สำหรับทำแบบพิมพ์ ทาโปะลงบนแบบปั้นให้ทั่วจากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อซิลิโคนแห้งก็ผสมปูนปลาสเตอร์มาโปะทับลงบนยางซิลิโคนอีกครั้งให้ทั่ว เพื่อทำให้พิมพ์อยู่ทรงไม่เคลื่อนที่ พอปูนแห้งก็ให้ใช้คัตเตอร์ทำการผ่าครึ่ง เท่านี้ก็จะได้พิมพ์ที่เป็นรูปหัวกะโหลก

จากนั้นนำพิมพ์ที่ได้มาประกบกัน เจาะรูสำหรับใส่เรซิ่น เนื่องจากการหล่อหัวกะโหลกเป็นการหล่อเรซิ่นแบบกลวง เพราะฉะนั้นการเทเรซิ่นใส่ในแม่พิมพ์จะต้องไม่เทจนเต็ม โดยผสมเรซิ่นให้ได้ประมาณ 1 แก้ว เทใส่ลงในแม่พิมพ์ แล้วทำการกลิ้งแม่พิมพ์ไปให้รอบเพื่อให้เรซิ่นเข้ารูปเป็นหัวกะโหลก

ทิ้งไว้รอให้เรซิ่นแห้ง ก็ทำการแกะบล็อกออก ก็จะได้หัวกะโหลกที่มีลักษณะกลวงเหมือนจริง ใช้กระดาษทรายขัดแต่งให้เรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปก็เป็นการลงลาย ถ้าเป็นมือใหม่ก็ใช้กระดาษลอกลายลงไปก่อนแล้วจึงค่อยทำการพ่นแอร์บรัชลงสีก็ ได้ ลงสีเสร็จแล้วก็พ่นเคลือบเงาด้วยแล็กเกอร์ เท่านี้ก็เรียบร้อย
ทุนเบื้องต้นในการทำเรซิ่นกะโหลกอยู่ที่ประมาณ 25,000 บาท เป็นค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ส่วนราคาขายถ้าเป็นแบบไม่มีลายก็ 1,200 บาท ถ้าลงลวดลายก็ 1,600 บาท โดยทุนวัสดุไม่เกิน 50% ของราคาขาย
ใครสนใจงานอาร์ตแนว ๆ อย่าง หัวกะโหลกอินดี้ ต้องการติดต่อกับกอล์ฟ ก็สามารถโทรฯไปได้ที่เบอร์ 08-1285-3925 ซึ่งนอกจากงานหัวกะโหลกอินดี้แล้ว กอล์ฟยังรับทำโมเดล รับประกอบโมเดลทุกชนิด รับเพนท์สีลงลายบนวัสดุต่าง ๆ ด้วยแอร์บรัช และยังรับสอนอีกด้วย.
ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


ต้นโฮย่า ใบหัวใจ ขายง่าย รายได้ดี

อาชีพขายต้นไม้ ปลูก-ขายไม้ประดับ “ต้นโฮย่า” Hoya kerrii หรือในอีกชื่อที่รู้จักกันดีคือ โฮย่าใบหัวใจ โฮย่าหวานใจ (Sweetheart Hoya) โฮย่าวาเลนไทน์ (Valentines Hoya)

โฮย่าใบหัวใจ Hoya kerrii
อาชีพขายต้นไม้ คนมักมองว่าเป็นอาชีพเกษตรที่ คลุกดินคลุกฝุ่น แต่จริง ๆ แล้วอาชีพนี้ ก็สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เป็นอาชีพทันสมัยได้เช่นเดียวกับอาชีพงานประดิษฐ์ ยิ่งเป็นคนช่างคิดก็ยิ่งเพิ่มมูลค่า อย่างอาชีพปลูก-ขายไม้ประดับ “ต้นโฮย่า” หรือ “ต้นหัวใจ” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอวันนี้…

โฮย่าใบหัวใจ Hoya kerrii
ขจรศักดิ์ กระจ่างใส เจ้าของอาชีพปลูกต้นโฮย่าขาย เล่าว่า ทำอาชีพขายต้นไม้มานานแล้ว โดยขายทั้ง ไม้ดอกและไม้ประดับ รวมถึงต้นโฮย่าหรือต้นไม้ใบหัวใจที่ก็ขายมาตลอด เพราะสามารถเพาะขายได้ตลอดทั้งปี และจะยิ่งดีในช่วงเทศกาลวันแห่งความรัก หรือ “วาเลนไทน์” เนื่องจากใบโฮย่ามีลักษณะพิเศษคือมีรูปใบคล้ายรูปหัวใจ ทำให้คนนิยมซื้อต้นไม้ชนิดนี้เพื่อนำไปเป็นของขวัญในเทศกาลนี้
เจ้าของร้านคนเดิมอธิบายว่า ต้นโฮย่าเป็นไม้เถากึ่งไม้เลื้อย โดยสายพันธุ์ที่นำมาปลูกเป็นต้นหัวใจขายเฉพาะใบ พันธุ์ที่ปลูกเป็นสายพันธุ์ “เคอร์ริอายHoya kerrii ด้วยความที่ใบมีรูปคล้ายหัวใจ เขาจึงทดลองนำมาแยกใบนำไปปักชำลงในกระถางปลูกคล้ายกับการปลูกต้นกระบองเพชร
เมื่อนำออกวางขายปรากฏว่าได้รับความสนใจมาก จากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นใครที่มองว่าการปลูกต้นโฮย่าขายเป็นธุรกิจเล็ก ๆ ต้องคิดใหม่เนื่องจากปีหนึ่ง ๆ มีชาวต่างประเทศรับไปขายต่อเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ตลาดในประเทศก็ยังไปได้เรื่อย ๆ
โฮย่าใบหัวใจ Hoya kerrii
ขจรศักดิ์เองตอนนี้ก็ขายส่งให้กับร้านที่สำเพ็งด้วย “น่า จะเป็นเพราะความที่เป็นต้นไม้แปลก แตกต่างจากต้นไม้รูปแบบเดิม ๆ รวมทั้งใบโฮย่ายังสามารถเขียนข้อความลงไปได้ด้วย จึงเหมาะกับการนำไปให้เป็นของชำร่วยหรือของขวัญ ทำให้ขายได้ทั้งในกลุ่มไม้ประดับ จนถึงของที่ระลึก” เจ้าของร้านคนเดิมกล่าว
และนอกจากมีหน้าร้านแล้ว ก็ยังสามารถรับงานสั่งทำพิเศษด้วย ส่วนใหญ่มักนำไปทำเป็นของชำร่วยสำหรับแจกในงานแต่งงาน หรือเป็นของที่ระลึกแจกหรือจำหน่ายในเทศกาลต่าง ๆ โดยราคาขายนั้นขจรศักดิ์บอกว่าเริ่มต้นที่ต้นละ 10 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของต้น ความสวยของใบ และภาชนะสำหรับปลูก
ทุนเบื้องต้น เจ้าของร้านแนะนำว่า สำหรับการปลูกปริมาณน้อย ๆ ใช้เงินลงทุนประมาณ 800 บาท ต่อการปลูกจำนวน 100 ต้น ในการปลูกขายทุนวัตถุดิบจะอยู่ที่ประมาณ 50% จากราคาขาย ซึ่งสำหรับวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็น หลัก ๆ ก็มี ต้นโฮย่า, เครื่องมือสำหรับปลูก (พลั่ว เสียม กรรไกรตัดตกแต่ง), กระถาง หรือภาชนะสำหรับปลูก และดินสำเร็จรูปพร้อมปลูก (ดินผสมขุยมะพร้าว)
ขั้นตอนการปลูก การขยายพันธุ์ต้นโฮย่า ทำไม่ยาก คือใช้การตัดชำกิ่งของต้นโฮย่า เป็นข้อ ๆ เมื่อตัดได้แล้วก็ให้นำไปปักชำลงดินปลูกที่เตรียมไว้ในกระถางได้เลย ซึ่งระยะเวลาที่เหมาะสมในการนำมาขาย ก็ให้นับจากช่วงเวลาหลังจากที่ปักชำกิ่งไปแล้วประมาณ 90 วันหรือ 3 เดือน โดยการเลือกใบที่จะขายก็ให้เลือกใบที่มีลักษณะแข็งแรง และเลือกเฉพาะใบที่เป็นรูปทรงหัวใจที่สุด ถ้าใบมีลักษณะบิดเบี้ยวถือว่าใช้ไม่ได้ ขายไม่ดี

นอกจากนี้เจ้าของร้านยังแนะนำว่า เวลาตัดใบสำหรับแยกลงกระถางให้ตัดใบติดก้านเลย โดยตัดเฉพาะใบกับก้านใบ แต่ไม่ต้องเยอะ เพราะถ้าใบเยอะจะดูไม่สวยและจะเป็นการแย่งอาหารกันเอง เมื่อเสร็จแล้วก่อนนำลงกระถางให้ใช้ดินผสมขุยมะพร้าวห่อก่อน จึงจะนำลงในกระถางปลูก

“ที่เลือกใช้ดินผสม ขุยมะพร้าว เพราะจะทำให้ต้นโฮย่าไม่แตกต้น เพราะถ้าเลี้ยงกับดินอย่างเดียว จะทำให้ต้นโฮย่าเจริญเติบโตได้มากกว่า ซึ่งจะทำให้รูปใบไม่สวยตามต้องการ”

โฮย่าใบหัวใจ Hoya kerrii
ภาพ ดอกโฮย่า เริ่มผลิ….กลีบดอกยังไม่หักไปข้างหลังหมด…ดูปุกปุยดี

ขจรศักดิ์ บอกอีกว่า สำหรับที่สวนของเขาจะใช้วิธีปลูกลงแปลงเพาะ โดยต้นโฮย่าเมื่อนำใบมาเลี้ยงโดยการปักชำจะอยู่ได้เป็นปี ๆ หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลบำรุงรักษา การเลี้ยงดูไม้ชนิดนี้ไม่ยุ่งยาก ถือว่าเป็นไม้ที่ทน ต้องการน้ำไม่มาก ให้น้ำเพียงสัปดาห์ละครั้งก็พอ ซึ่งถ้าให้น้ำบ่อยรากอาจจะเน่าตายได้
ปัญหาของต้นโฮย่า ก็จะมีในเรื่องของแมลงเจาะใบกับเชื้อรา วิธีแก้คือให้ใส่ยาป้องกันเชื้อราหรือที่เรียกว่า “คาเบนดาซิม” นอกจากนี้อาจใส่ปุ๋ยอื่น ๆ อาทิ ปุ๋ยเกล็ดละลายน้ำที่ใช้กับกล้วยไม้เดือนละ 1 ครั้ง และใส่ปุ๋ยละลายช้า 3 เดือนครั้ง โดยแต่ละครั้งให้ใส่ในปริมาณน้อย ๆ อย่าใส่มากเกินไป

“กำไรในการขายต้นโฮย่า ถือว่าพอไปได้ ข้อดีคือลงทุนไม่มาก เมื่อปลูกแล้วดูแลดีก็จะให้ผลผลิตมาก ดังนั้นกำไรจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับคนปลูก ที่สำคัญยิ่งทุกวันนี้มีการแข่งขันกันสูง ก็ควรต้องพยายามสอดแทรกไอเดียสร้างสรรค์ ใหม่ ๆ เข้าไปเพื่อสร้างจุดขาย” เจ้าของร้านกล่าว

โฮย่าใบหัวใจ Hoya kerrii
ภาพ ดอกโฮย่า 2-3 วันถัดไปน้ำหวานสีเข้มข้น

ถึงแม้กระแสต้นโฮย่า จะไม่แรงเหมือนช่วงแรก ๆ แต่เจ้าของร้านนี้ก็บอกว่า ตลาดก็ยังมีความต้องการอยู่ โดยเฉพาะในช่วงใกล้วันวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึง และถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางทำกินที่ดีในช่วงเทศกาล ซึ่งใครสนใจติดต่อกับ ขจรศักดิ์ กระจ่างใส ก็ไปได้ที่สวนจตุจักร โครงการ 4 ล็อก 5 โทร. 08-6326-7154 ทั้งนี้ ใครอยากจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือสนใจจะทำเป็นอาชีพ ก็ลองสอบถามกันได้โดยตรง.
ภัทราภรณ์ พลายเถื่อน
ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์ www.dailynews.co.th/

ข้อมูลเพิ่มเติม โฮย่าใบหัวใจ Hoya kerrii

Hoya kerrii หรือในอีกชื่อที่รู้จักกันดีคือ โฮย่าใบหัวใจ หรือ โฮย่าหวานใจ (Sweetheart Hoya) … โฮย่าวาเลนไทน์. (Valentines Hoya) …จะเรียกอะไรก็แล้วแต่…
ลักษณะใบของเธอโดดเด่นโดนใจชาวโลกยิ่งนัก…มักใช้ให้กันในวันแห่งความรักด้วย….แต่คราวหน้าถ้าหนุ่มๆ ในห้องห้องนี้จะให้สาวคนใด..กรุณาให้ไปทั้งต้นเลยนะค่ะ…

เพราะที่เค้าเด็ดใบแล้วชำๆ ขาย เพ้นท์ลายสวยงาม.. มีแต่ใบโดดๆ …ถ้าข้อใบที่จิ้มลงไปในกระถางมีพียงก้านใบ ไม่มีข้อกิ่งหรือตาที่จะเอาไว้แตกยอดเลย เลี้ยงไปก็ไม่โต ไม่สามารถแตกกิ่งออกมาได้นะค่ะ
พบได้ตามป่าไทย…เยอะมากแถบอีสานนะค่ะ…ใครไปเดินป่าแถบนั้นลองสังเกตุดูค่ะ…

โฮย่าใบหัวใจ Hoya kerrii

สี น้ำหวานออกมาวันที่ 2 จะสีขาวๆ …วันที่ 3 เป็นต้นไปจะสีออกน้ำตาลเข้ม…รสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ บานหลายวัน..น้ำหวานเยิ้มจนเลอะเทอะ..ทำสีกลีบดอกเปลี่ยนไป๋….
เจ้าตัวนี้พบได้ 3 แบบ
  • ใบเขียวสนิท
  • ใบด่างขาว
  • ใบด่างหินอ่อน
ข้อมูลเพิ่มเติม และภาพถ่ายโฮย่าทั้งหมด โดย คุณศา Montela_Hoya จากเว็บไซต์ siamensis.org

Read More...


งานป้ายไฟ อาชีพเสริม

ป๊อบ-พนัชกานต์ ฉันทเลิศวิทยา มีอาชีพทำป้ายไฟ ที่มีความโดดเด่นแปลกใหม่ โดยรับทำเป็น รูปหน้าคน และ รูปต่าง ๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ

งานป้ายไฟ
การทำงานประดิษฐ์ ถ้ารู้จักนำความชำนาญผนวกเข้ากับไอเดียสร้างสรรค์ คิดงานที่เป็นแบบฉบับของตัวเอง แม้จะไม่ใช่งานใหม่ แต่ก็เป็นงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อาจจะสามารถจำหน่ายสร้างรายได้อย่างน่าสนใจ อย่างเช่นงาน ป้ายไฟ ที่ทีม ช่องทางทำกิน มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้

ป๊อบ-พนัชกานต์ ฉันทเลิศวิทยา มีอาชีพทำป้ายไฟ ที่มีความโดดเด่นแปลกใหม่ โดยรับทำเป็น รูปหน้าคน และ รูปต่าง ๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ เจ้าตัวเล่าว่า สำหรับการทำป้ายไฟตัวนี้เป็นงานอาชีพเสริมที่ใช้เวลาว่างช่วงเย็นหลังเลิก งานประจำและช่วงวันหยุดผลิตออกมาจำหน่าย โดยปกติทำงานประจำเป็นพนักงานอยู่ที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งกับงานป้ายไฟนั้นเพิ่งเริ่มทำออกมาจำหน่ายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

เริ่มมาจากการที่เป็นคนชอบป้ายไฟของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เวลาไปเดินซื้อของตามตลาดเปิดท้ายก็มักจะเจอพ่อค้าแม่ค้านำมาวางจำหน่าย ดูแล้วสวยงาม อยากได้มาแต่งบ้าน พอดีน้องชายทำงานเกี่ยวกับป้ายโฆษณา และทำป้ายร้านอยู่แล้ว จึงออกแบบรูปและให้น้องชายทำป้ายไฟออกมาให้ เพื่อเอาไว้แต่งบ้าน

แต่หลังจากที่ทำแล้วผลงานออกมาดูลงตัวสวยงามดี จึงเกิดความคิดที่จะทำออกจำหน่ายเสียเลย จึงร่วมกันกับน้องผลิตออกมาจำหน่าย เริ่มเปิดตลาดโดยการประกาศขายทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งก็ได้รับความสนใจและได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จึงทำเป็นอาชีพเสริมเรื่อยมา

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเริ่มทำออกจำหน่ายนั้น จะต้องไปเดินสำรวจตลาดดูก่อน จะได้รู้ราคาป้ายไฟที่คนอื่นขายกัน จะได้มากำหนด ราคาขายได้เหมาะสม ไม่ให้ราคาสูงเกินไป

ป๊อบบอกต่อว่า งานป้ายไฟของเรานั้นจะเน้นทำออกมาให้สามารถขายได้ทุกเทศกาล ซึ่งรูปต่าง ๆ จะมีการเปลี่ยนไปให้เข้ากับเทศกาลต่าง ๆ และงานเราจะเน้นเป็นงานกราฟิก แต่ที่เป็นจุดเด่นของเรานั้นจะทำเป็นรูปหน้าคนที่ลูกค้าสามารถสั่งทำได้ แค่มีรูปมาให้เรา หรือต้องการสั่งทำตามรูปแบบที่ต้องการก็ได้

การทำป้ายไฟรูปแบบนี้นั้น มีความสำคัญอยู่ที่ว่าจะต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการตกแต่งรายละเอียดของรูป เพราะฉะนั้นคนที่ทำจะต้องพอมีความรู้เรื่องการแต่งรูปในคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง

งานป้ายไฟ

 

สำหรับวัสดุอุปกรณ์

ในการทำงานประเภทนี้ หลัก ๆ ก็มี คอมพิวเตอร์, เครื่องตัดสติก เกอร์, กล่องไฟสังกะสี, ชุดหลอดไฟ, แผ่นอะคริลิกใส, สติกเกอร์, คัตเตอร์ เป็นต้น

ในส่วนของกล่องไฟสังกะสีนั้น สามารถสั่งให้ร้านทำป้ายทำให้สำเร็จรูปได้เลย เพียงแค่เรากำหนดไซซ์ตามที่เราต้องการไป แต่จะต้องสั่งทำเป็นจำนวนหลายชิ้นถึงจะได้ในราคาที่ถูกลง ซึ่งสำหรับป๊อบจะสั่งทำ 3 ขนาด เล็ก-กลาง-ใหญ่ ราคาอยู่ที่ชุดละ 250-350-650 บาท ตามขนาด

นี่เป็นราคาที่รวมหลอดไฟที่ติดมาให้แล้ว และรวมแผ่นอะคริลิกใสด้วย ซึ่งกล่องไฟนี้จะสั่งทำให้มีฝาปิด-เปิดด้านบนได้ด้วย เพื่อความง่ายต่อการเปลี่ยนหลอดไฟเมื่อหลอดเสีย

สติกเกอร์ที่ใช้ทำนั้น ถ้าเป็นสติกเกอร์สีดำ หรือสีอื่น ๆ ต้องใช้ไฟสีนวล ถ้าเป็นสติกเกอร์สีขาว จะใช้ไฟสีส้ม งานจึงจะออกมาดูสวยงาม

เตรียมวัสดุพร้อมแล้ว

ขั้นตอนการทำ

ก็เริ่มจากนำไฟล์รูปที่ต้องการจะทำไปทำการแต่งภาพใน คอมพิวเตอร์ โดยใช้ทั้งโปรแกรมโฟโต้ช็อปและโปรแกรมตัดสติกเกอร์ ถ้าเป็นรูปที่มีรายละเอียดมาก ๆ ก็จะทำยาก เพราะฉะนั้นควรเลือกรูปที่มีรายละเอียดไม่เยอะ

เมื่อทำการแต่งรูปเรียบร้อย ก็พรินต์ออกมาที่เครื่องตัดสติกเกอร์ จากนั้นก็นำมาดึงสติกเกอร์ตรงส่วนที่จะให้แสงไฟลอดออก ถ้าไม่มีเครื่องตัดสติก เกอร์ก็ต้องใช้ความสามารถในการตัด โดยตัดหลังพรินต์รูปออกมา

หลังจากที่ตัดสติกเกอร์ตามรอยที่เรากำหนดเรียบร้อยแล้ว ก็นำสติก เกอร์ไปทำการติดลงบนแผ่นอะคริลิกใส จากนั้นนำแผ่นอะคริลิกใสที่ติดสติก เกอร์แล้วไปใส่ไว้ด้านหน้าของกล่องไฟ ใช้สว่านเจาะรูด้านบน นำฝาบนมาประกบยึดนอตให้แน่น เท่านี้ก็จะได้ป้ายไฟตามที่ต้องการ

ป้ายไฟของป๊อบ-พนัชกานต์ที่ทำออกจำหน่ายนั้นมี 3 ไซซ์ ขนาดเล็ก 16×40 ซม., ขนาดกลาง 30×40 ซม., ขนาดใหญ่ 40×60 ซม. มีราคาขายส่งอยู่ที่ 450-550-900 บาท แต่ต้องสั่ง 3–6 ชิ้นขึ้นไป และถ้าสั่งทำเป็นรูปหน้าคนก็มีราคาอยู่ที่ 1,200 บาท หรือจะสั่งทำเป็นรูปอื่น ๆ ราคาก็จะขึ้นอยู่ที่ความยากง่ายของรายละเอียดชิ้นงาน ทั้งนี้ พนัชกานต์ยังมีการต่อยอดสินค้าทำเป็นป้ายไฟที่เป็นนาฬิกาอีกด้วย

สำหรับใครที่สนใจงาน ป้ายไฟ ของป๊อบ-พนัชกานต์ อยากสั่งทำ อยากรับไปจำหน่ายต่อ ต้องการสั่งทำให้เป็นแบบของตัวเอง ก็สามารถโทรศัพท์ติดต่อได้ที่ โทร. 08-9490-2405 ซึ่งนี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งในการทำงานประดิษฐ์โดยใส่ไอเดียให้เป็นงานที่มี เอกลักษณ์เฉพาะตัว จนเป็น ช่องทางทำกิน ที่ดี

ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


ปลูกไม้ดอกในกระถาง เสริมรายได้

อาชีพปลูกไม้ดอกไม้ประดับในกระถางขาย หลังน้ำท่วม ลดลง เพื่อต้อนรับกับเทศกาลเฉลิมฉลองที่กำลังจะมาถึง

ไม้ดอกในกระถาง

เมื่อน้ำที่ท่วมลดลงแล้ว กรมวิชาการเกษตรแนะเกษตรกรเร่งทำให้ดินหมาดด้วย การเซาะร่องช่วยให้ดินระบายน้ำได้ดีขึ้น แต่หากเป็นการไหลบ่าของตะกอนให้ขุดลอกดินทรายดังกล่าวออกจากพื้นที่จนถึงผิวดินเดิมก่อน สำหรับชาวสวนผักควรเลือกพันธุ์ให้เหมาะสมกับพื้นที่และคำนึงถึงความต้องการของตลาด ระหว่างรอดินฟื้นตัวอาจชดเชยรายได้ด้วยการปลูกไม้ดอกไม้ประดับในกระถาง เพื่อต้อนรับกับเทศกาลเฉลิมฉลองที่กำลังจะมาถึง

นายจิรากร โกศัยเสวี อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายให้กับพืชพรรณและไม้ผลเป็นวงกว้าง โดยคาดว่าจะมีพืชสวนเสียหายประมาณ 250,000 ไร่ เป็นไม้ผล 35,000 ไร่ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวนี้ในกรณีไม้ผลหากไม่เร่งระบายน้ำที่ขังอยู่ในผิวดิน หลังน้ำลดจะส่งผลให้พืชโทรม และส่งผลกระทบต่อการเติบโต นอกจากนี้ยังอาจมีเชื้อโรคหลงเหลืออยู่จากน้ำที่ไหลบ่าเข้ามาอีกด้วย

วิธีปฏิบัติหลังน้ำลดสิ่งแรกที่เกษตรกรควรทำคือ ไม่ควรกวนพื้นที่ดิน และห้ามใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่เข้าไปโดยเด็ดขาด เพราะดินที่ถูกน้ำท่วมขังนาน ๆ จะมีโครงสร้างที่ง่ายต่อการถูกทำลายเกิดการอัดแน่นได้ง่าย ซึ่งเป็น ผลเสียต่อการไหลซึมของน้ำและจะไม่มีช่องว่างให้อากาศเข้าไป ดังนั้นควรรอให้ดินฟื้นฟูตัวเองสักระยะหนึ่งก่อน นอกจากนี้เกษตรกรยังควรตรวจสอบหากเป็นไม้ผล ไม้ยืนต้น ถ้ายืนต้นตายต้องรื้อถอนออก

ทั้งนี้การทิ้งระยะให้หน้าดินแห้งเองอาจทำให้ดินแห้งช้า เกษตรกรอาจช่วยเร่งการระบายน้ำด้วยการขุดร่องระบายน้ำซึ่งควรขุดให้ลึกอย่าง น้อย 30-50 เซนติ เมตร น้ำจะระบายออกจากพื้นที่ในระดับความลึกที่ไม่เกินความลึกของร่องระบายน้ำ การขุดร่องต้องขุดตามแนวลาดเทของพื้นที่ และใช้ระยะห่างระหว่างร่องประมาณ 8-12 เมตร หรือกึ่งกลางระหว่าง แถวพืชยืนต้น

หากพื้นที่ทางการเกษตรอยู่ในสภาพน้ำบ่าหลากมาท่วมพื้นที่ จะมีดินทรายถูกนำมาทับถมอยู่บนผิวดินเดิมค่อนข้างมาก ภายหลังน้ำลดต้องขุดลอกดินทรายดังกล่าวออกจากพื้นที่จนถึงผิวดินเดิม หรือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำให้ได้เพื่อให้ดินแห้งเร็วขึ้น และถือเป็นการช่วยในการเร่งกระบวนการเติมอากาศของดินได้เร็วและดีขึ้น

ในกรณี สวนผัก เมื่อน้ำลดแล้ว หากจะปลูกผักใหม่ ควรพิจารณาเลือกพืชปลูกให้เหมาะสมกับพื้นที่ และควรคำนึงถึงความต้องการของตลาดด้วย ขณะเดียวกันต้องมีการจัดการดินให้ถูกต้อง ซึ่งการปลูกพืชอาจทำได้ 3 แบบคือ การปลูกแบบไถพรวนน้อยครั้ง โดยใช้เครื่องมือที่มีน้ำหนักเบาและกระทำหลังจากที่ดินเริ่มแห้ง ซึ่งจะเป็นการกำจัดพืชไปด้วยในตัว และลดการรบกวนดิน การปลูกแบบยกร่อง โดยใช้แรงคนเพื่อป้องกันไม่ให้ดินเกิดการอัดแน่นและการปลูกแบบไม่ไถพรวน ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ยังเปียกชื้นอยู่

ทั้งนี้ก่อนปลูกพืช หากดินแห้งพอที่จะไถได้ ควรไถดินตากแดดประมาณ 2-3 วัน โดยใช้เครื่องมือที่มีน้ำหนักเบาหากไถไม่ได้ และดินยังมีความชื้นอยู่อาจใช้

วิธีหว่านเมล็ดพันธุ์พืชแล้วกลบด้วยฟางข้าว หรือทรายบาง ๆ โดยหลังจากปลูกพืชไปแล้ว ควรมีการปฏิบัติดูแลรักษาต้นพืชโดยการใส่ปุ๋ย พ่นสารเคมีป้องกันกำจัด โรคและแมลงตามความจำเป็น หรือปฏิบัติตามคำแนะนำในการปลูกพืชแต่ละชนิด หากจำเป็นต้องใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชควรเลือกใช้สารเคมีที่ไม่ใช่ชนิด ดูดซึมและไม่มีพิษตกค้างในผลผลิต ซึ่งจะปลอดภัยกว่าการใช้สารเคมีชนิดดูดซึม
การเลือกที่จะปลูกพืชใหม่ในพื้นที่เก่า ต้องจัดทำแผนการปลูกเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำท่วมในครั้งต่อไป หรืออาจใช้การปลูกแบบเหลื่อมเวลาและเปลี่ยนมาปลูกพืชหลาย ๆ รุ่น ระหว่างการวางแผนที่จะปลูกพืชใหม่นี้ให้มองโอกาสเรื่องของเทศกาลที่กำลังจะ มาถึง อย่างเช่น การปลูกไม้ดอกเพื่อรองรับกับเทศกาลปีใหม่ ตรุษจีน หรือวาเลนไทน์ ควรจะปลูกใส่กระถางหรือใส่ถุงเพื่อให้ง่ายต่อการยกไปประดับตกแต่ง และถือเป็นช่วงที่รอให้ดินที่ถูกน้ำท่วมได้ฟื้นฟูตัวเองโดยไม่เสียโอกาส

ทางด้านการช่วยเหลือนั้น กรมวิชาการเกษตรได้เตรียมสำรองเมล็ดพันธุ์ทั้งพืชผักให้ในปริมาณพอสมควร และเตรียมคำแนะนำในการฟื้นฟูเพิ่มเติมว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร

โดยเกษตรกรสามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่สถาบันวิจัยพืชสวน และสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรทั้ง 8 แห่งที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ
ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


วาดภาพบนวัสดุ สิ่งของ

งานศิลปะทางด้านวาดภาพ นอกจากจะวาดลงผืนผ้าใบแล้ว ศิลปะการวาดภาพในปัจจุบันยังมีการต่อยอดโดยวาดลงบนวัสดุ-สิ่งของต่าง ๆ มากมาย ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุ-สิ่งของนั้น ๆ ได้

ภาพวาดบนวัสดุ
งานศิลปะทางด้าน วาดภาพ นอกจากจะวาดลงผืนผ้าใบแล้ว ศิลปะการวาดภาพในปัจจุบันยังมีการต่อยอดโดยวาดลง บนวัสดุ-สิ่งของต่าง ๆ มากมาย ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุ-สิ่งของนั้น ๆ ได้ และวัสดุ-สิ่งของนั้น ๆ ก็มีผู้สนใจซื้อหาไปใช้งาน กลายเป็น ช่องทางทำกิน อีกรูปแบบหนึ่ง

เล็ก-วรรณา ฉัตรานุภาพ ผู้ที่ชื่นชอบการวาดภาพ และมีการวาดภาพลงบนวัสดุ-สิ่งของต่าง ๆ เล่าว่า แม้จะไม่ได้เรียนจบมาทางด้านศิลปะ แต่ก็เป็นคนที่ชอบงานด้านศิลปะ ชอบวาดรูป สมัยที่ยังเรียนอยู่ก็วาดภาพมา เรื่อย ๆ จนเรียนจบเข้าทำงานประจำแล้ว ก็ยังวาดภาพอยู่

ตอนนั้นก็จะวาดเพราะชอบ ไม่ได้คิดว่าจะวาดภาพขาย ตอนแรกก็จะวาดลงผ้าใบแล้วตั้งโชว์ไว้ที่บ้าน และหลัง ๆ นอกจากวาดลงผ้าใบแล้วก็ยังวาดภาพลงบนวัสดุของใช้ด้วย ไปเจอวัตถุดิบอะไรที่สวย ๆ เราก็จะเอามาวาดภาพใส่เข้าไป แล้วก็ตั้งโชว์ หรือไม่ก็นำไปใช้งานภายในบ้าน

หลังวาดภาพลงวัสดุต่าง ๆ มานานหลายปี ทำให้มีชิ้นงานอยู่เต็มบ้าน ตอนหลังจึงทดลองนำงานไปออกบูธขาย ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และมีออร์เดอร์จากลูกค้าเข้ามาเรื่อย ๆ ด้วย จึงเริ่มผลิตงานออกจำหน่าย โดย ทำเว็บไซต์เพื่อเป็นช่องทางการขายชิ้นงานทางอินเทอร์เน็ต และยังไปเรียนรู้ด้านศิลปะเพิ่มเติม ในเรื่องของการให้สี แสงเงา สัดส่วนของภาพ เพื่อให้ฝีมือเป็นที่ถูกใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ตอนนั้นก็ทำชิ้นงานออกมาเรื่อย ๆ โดยยังทำงานประจำอยู่ด้วย จะใช้เวลาว่างจากงานประจำมาทำ แต่หลังจากที่แต่งงาน ก็เลยตัดสินใจออกจากงานประจำมาทำงานที่เราชอบอย่างจริงจัง

เล็กบอกเล่าต่อไปว่า งานวาดภาพลงบนสิ่งของต่าง ๆ นั้นเป็นงานที่วาดออกมาตามสไตล์ของตัวเอง จะไม่เน้นสีสด แต่จะทำเป็นสีอ่อนดูสบายตา รูปภาพนั้นก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ ดอกไม้ สัตว์ ฯลฯ ซึ่งงานที่ทำออกมานั้นจะเป็นการวาดขึ้นมาทีละชิ้น เพราะฉะนั้นงานที่ทำออกมาจะมีเพียงแบบเดียวชิ้นเดียว

เราจะคิดว่าเราทำเพื่อใช้เอง ไม่ได้คิดว่าเราทำขายให้ลูกค้า เพราะฉะนั้นงานที่ทำออกมาแต่ละชิ้นจึงต้องเป็นงานที่เนี้ยบ อีกอย่างหนึ่งก่อนที่เราจะทำชิ้นงานไปขายให้ลูกค้านั้นเราก็จะต้องทำแล้ว ทดลองใช้เองก่อน เพื่อเราจะได้รู้ปัญหาแล้วนำไปแก้ไข เพื่อที่เราจะรู้ได้ว่างานที่เราทำไปขายให้ลูกค้านั้นจะไม่มีปัญหา

เจ้าของผลงานบอกอีกว่า วัสดุส่วนใหญ่ที่นำมาทำการวาดภาพลงไปนั้น จะเป็นพวก งานไม้ หรือ งานกระดาษอัดแข็ง ส่วนใหญ่จะเป็นของที่สามารถนำมาใช้งานได้ หรือนำไปตกแต่งบ้านก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ, เก้าอี้, กล่องไม้เล็กหรือใหญ่, รังนก, ตู้จดหมาย, ตู้ใส่ของ ฯลฯ

จริง ๆ แล้วเราเน้นขายภาพที่วาดลงไปบนวัสดุ มากกว่าขายวัสดุที่เราวาดภาพลงไป เล็กกล่าว
สำหรับวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทำนั้น หลัก ๆ มีดังนี้คือ วัสดุสิ่งของที่ต้องการวาดภาพลงไป, สีอะคริลิก, พู่กัน, น้ำยาเคลือบเงา, น้ำยาโป๊ไม้, น้ำยากันเชื้อรา, กระดาษทราย เป็นต้น

ภาพวาดบนวัสดุ

ขั้นตอนการทำ

เริ่มจากการนำสิ่งของ ไม่ว่าจะเป็นงานไม้ งานจากกระดาษอัดแข็ง หรืออื่น ๆ ที่ต้องการจะวาดภาพลงไป นำมาทำการโป๊ ใช้น้ำยาโป๊ไม้ทำการโป๊ปิดลงไปตามพื้นผิวของวัสดุนั้น ๆ เพื่อเป็นการปิดร่องรอย แตก หรือปิดตรงส่วนที่เป็นตาไม้ โป๊ทับให้ผิววัสดุนั้นเรียบ

จากนั้นก็ทำการขัดผิวด้วยกระดาษทรายให้ทั่ววัสดุเพื่อทำให้ผิวเรียบอีกครั้ง เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เช็ดทำความสะอาดเอาผงไม้-ผงวัสดุออกให้หมด แล้วใช้น้ำยากันเชื้อราทางลงไปบนวัสดุให้ทั่ว ตั้งทิ้งไว้ให้น้ำยาแห้ง เมื่อน้ำยากันเชื้อราแห้ง ก็นำมาทำการทาสีรองพื้น ทาด้วยสีขาว ตั้งทิ้งไว้จนสีแห้งสนิท จากนั้นก็ทำการวาดภาพตามที่ต้องการได้ โดยเริ่มจากการใช้ดินสอร่างบาง ๆ ให้เป็นโครงร่างตามรูปที่เราต้องการก่อน จากนั้นก็ทำการลงสีตามที่ต้องการ จนเป็นภาพตามต้องการ วาดภาพเรียบร้อยก็ตั้งทิ้งไว้ให้สีแห้ง

ขั้นสุดท้ายก็ใช้น้ำ ยาเคลือบเงาทำการพ่นทับลงไป รอจนแห้ง เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ สินค้าของเล็กนั้นมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น กล่องไม้, ตู้จดหมาย, เก้าอี้, โต๊ะ, รองเท้า หรือวัสดุของใช้ หรือของแต่งบ้านน่ารัก ๆ อีกมาก ซึ่งสนราคาก็มีตั้งแต่ 200 บาท ขึ้นไปจนถึงหลักพัน โดยราคานั้นขึ้นอยู่กับความละเอียดของภาพ ขนาด และวัตถุดิบหรือวัสดุที่ใช้ในการวาด

สำหรับผู้ที่สนใจงานศิลปะภาพวาดบนวัสดุ-สิ่งของต่าง ๆ ฝีมือของ เล็ก-วรรณา สามารถคลิกเข้าไปดูสินค้า-ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.shopleklek.com หรือต้องการนำสิ่งของไปสั่งวาด หรือสั่งออร์เดอร์ ก็โทรศัพท์ไปคุย-ไปสอบถามได้ที่ โทร.08-1559-2235 ซึ่งนี่ก็เป็นอีกกรณีตัวอย่าง ช่องทางทำกิน เกี่ยวกับการ วาดภาพ วาดภาพ บนวัสดุ ต่าง ๆ ที่สร้างงาน-สร้างรายได้น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน
ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


งานศิลป์จากไม้ สร้างอาชีพ

สทิต วารี หรือฟ้า วัย 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 บ้านธาตุพนม ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม ตระเวนขายผลิตภัณฑ์งานศิลป์ที่ทำจากไม้ ด้วยต้องการช่วยครอบครัวหารายได้อีกทาง จนกลายเป็นที่รู้จักขณะที่สินค้าก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

ผลิตภัณฑ์จากไม้

ฟ้าเล่าย้อนว่า จากที่ได้สัมผัสกับงานไม้มายาวนาน เพราะสามีรับตกแต่งภายในและรับทำเฟอร์นิเจอร์มากว่า 20 ปี ต่อเมื่อปีที่ผ่านมาครอบครัวประสบปัญหาด้านการเงิน จึงเกิดแนวคิดอยากช่วยสามีหารายได้เลี้ยงครอบครัวอีกทาง และมองเห็นเศษไม้ที่เหลือจากแต่งบ้านให้ลูกค้าว่าน่าจะนำมาผลิตเป็นสินค้า อื่นๆ ขายได้

สามีรับทำกระบองไม้ให้ อปพร.หมู่บ้าน เพื่อไว้เป็นอาวุธประจำตัว จึงปรึกษากันว่าน่าจะทำอย่างอื่นได้อีก ต่อมาจึงเพิ่มเป็นป้ายชื่อตั้งโต๊ะ กระถางกล้วยไม้ กระถางต้นไม้ ซึ่งทำได้ง่ายๆ และลงสีให้สวยงาม ทุกเช้าก็จะให้สามีและลูกชายอีกคนวัย 8 ขวบช่วยเข็นรถหรือไม่ก็พ่วงมอเตอร์ไซค์มาส่งที่บริเวณวัดพระธาตุพนมแห่งนี้ ซึ่งห่างจากบ้านราว 800 เมตร ฟ้าบอกถึงเหตุผล

พร้อมยอมรับว่าเป็นความโชคดีด้วย ที่วัดแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อ และมีนักท่องเที่ยวมาไม่ขาดสาย จึงทำให้ผลิตภัณฑ์จากไม้มีลูกค้าอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง และในทุกวันเธอและครอบครัวก็จะมาถึงวัดตอน 07.30 น.ของทุกวัน

ผลิตภัณฑ์จากไม้

ก็จะเดินขายไปทั่วบริเวณ เพราะจะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันลูกค้าก็จะรู้จักเรามากขึ้นเช่นกัน นั่นทำให้เราขายสินค้าได้ยอดเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย การที่มาทำตรงนี้ ดีกว่านั่งอยู่บ้านเปล่าๆ รู้สึกภูมิใจมากที่มีได้ช่วยเหลือสามีหารายได้มาจุนเจือครอบครัวได้อีกทาง

ฟ้ายังบอกอีกว่า สำหรับรายได้ของครอบครัวรายได้หลักๆ จะอยู่ที่การรับเหมาตกแต่งภายในและรับจ้างทำเฟอร์นิเจอร์ของสามีเดือนหนึ่งๆ ก็อยู่ที่ 6,000-7,000 บาท แต่บางเดือนก็ไม่มีงาน จึงเป็นเรื่องที่ลำบาก ส่วนหลังจากที่ตัวเองหันมาขายผลิตภัณฑ์จากไม้แล้วนี้ ทำให้วันปกติมีเงินใช้ในครอบครัว 200-300 บาท ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ซึ่งมีลูกค้ามาก รายได้ก็จะอยู่ที่วันละ 500-600 บาท

ทั้งนี้ ฟ้าบอกว่า เป็นรายได้ที่อยู่ได้ เพราะไม่ได้ลงทุนอะไรมาก วัตถุดิบก็เป็นวัสดุเหลือใช้ ส่วนราคาขายก็ถือว่าไม่แพงเกินไป เช่น ป้ายชื่อตั้งโต๊ะ ราคา 70-150 บาท กระบองไม้ ราคา 100 บาท กระถางต้นไม้ ราคา 35 บาท 3 ชิ้น 100 บาท ตั่งนั่ง ใบละ 30-50 บาท เป็นต้น

สภาพเศรษฐกิจในครอบครัวดีขึ้น อีกอย่างเชื่อว่าหากมีความคิดสร้างสรรค์ ขยัน อดทน สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราก้าวผ่านอุปสรรคความขัดสนได้ ฟ้าทิ้งท้าย และฝากถึงผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ หรืออยากรู้วิธีการทำ สามารถโทรไปหาเธอได้ที่ 08-1058-0075 รับทุกสาย
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


เสื้อผ้ายีนส์เก่า แปลงสไตล์แบบใหม่

การปรับประยุกต์เพื่อความแปลกใหม่น่าจะเป็นสิ่งดี โดยเฉพาะกับยีนเก่า เพราะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เสื้อผ้า และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมไปในตัวเพราะเสื้อผ้าเก่าก็นำมาดัดแปลงใช้ใหม่ได้

เสื้อผ้ายีนส์เก่า

กระแสดูแลสิ่งแวดล้อมแทรกเข้ามาในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น จากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงมากขึ้น และกระแสนี้ยังเข้าสู่แวดวงอาชีพ การค้าขาย การทำธุรกิจด้วย ซึ่งจากกระแสนี้นี่เองนักศึกษารายหนึ่งก็ได้คิดค้นการ ดัดแปลงเสื้อผ้าเก่า โดยเฉพาะผ้ายีน นำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อเป็นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งมีประโยชน์ และก็เป็นอีก ช่องทางทำกิน สร้างอาชีพได้ด้วย

แอน-ฐิติมา พุทธบูชา นักศึกษาสาขาวิชาออกแบบแฟชั่นผ้าและเครื่องแต่งกาย คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) พระนคร มองว่า เสื้อผ้ายีนได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นค่อนข้างมากเสมอมา นับว่าเป็นตลาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียว แต่ตลาดวัยรุ่นนั้นเป็นตลาดที่มาเร็วไปเร็ว ดังนั้นการปรับประยุกต์เพื่อความแปลกใหม่น่าจะเป็นสิ่งดี โดยเฉพาะกับยีนเก่า เพราะ 1.เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เสื้อผ้า และ 2.ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมไปในตัวเพราะเสื้อผ้าเก่าก็นำมาดัดแปลงใช้ใหม่ได้

เรื่องการดัดแปลงนั้น ฐิติมาบอกว่า ไม่ใช่เรื่องยาก หากมีฝีมือทางการตัดเย็บเสื้อผ้า มีความคิดสร้างสรรค์ ก็สามารถทำได้เลย ซึ่งหากมีตลาดวางขาย หรือมีทำเลรับดัดแปลง กิจการดัดแปลงเสื้อผ้านี้ก็น่าจะไปได้สวย เพราะกระแสของเสื้อผ้าดัดแปลงมีอยู่ในกลุ่มวัยรุ่นเสมอ และที่สำคัญเสื้อผ้าที่เป็นยีนเก่านั้นสามารถนำมาดัดแปลงได้ทุกแบบ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยีน กางเกงยีน กระโปรงยีน

สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการดัดแปลง หลัก ๆ คือจักรเย็บผ้าที่เป็นจักรอุตสาหกรรม หรือจักรถีบธรรมดาก็ได้ รวมถึงอุปกรณ์เย็บ อาทิ เข็ม ด้าย กรรไกร ฯลฯ และวัสดุสำคัญก็คือ เสื้อผ้ายีนเก่า

เสื้อผ้ายีนส์เก่า

ฐิติมายกตัวอย่าง พร้อมอธิบายขั้นตอน โดยตัวอย่างแรกคือการดัดแปลง ตกแต่งกางเกงยีนด้วยลายลูกไม้ ที่ขอบขากางเกงและปากกระเป๋ากางเกงด้านหน้าและด้านหลัง ใช้เทคนิคการดัดแปลงกางเกงและตกแต่งด้วยลูกไม้ ขั้นตอนเริ่มที่เตรียมกางเกงยีนขายาว (ขนาดแล้วแต่ไซซ์ผู้สวมใส่) ตัดขากางเกงให้สั้นขึ้นเป็นขา 3 ส่วน พับชายขอบกางเกงขึ้น และเย็บริมผ้าชายขากางเกงให้เรียบร้อย จากนั้นสร้างลวดลายบนผ้าลูกไม้ด้วยการปักไหมด้วยมือ ผสมกับการปักลูกปัดลงบนผ้าลูกไม้ที่เตรียมไว้ ซึ่งผ้าลูกไม้นี้เป็นลูกไม้ตาข่ายแบบสำเร็จรูป มีขนาดกว้างประมาณ 5 ซม. ส่วนความยาวนั้นให้วัดจากขนาดความกว้างของขอบปลายกางเกง

นำผ้าลูกไม้ที่ปักเสร็จแล้ว เย็บติดลงบนปลายขากางเกงทั้ง 2 ข้าง และอีกส่วนหนึ่งให้สอยติดบริเวณปากกระเป๋ากางเกงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งบริเวณกระเป๋าด้านหน้านั้นให้ตัดผ้าลูกไม้เป็นรูปดอกไม้ แล้วค่อยปักลูกปัดเพื่อสร้างลวดลายลงไป ส่วนกระเป๋าด้านหลังให้ตัดผ้าลูกไม้เป็นแถบสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แล้วค่อยปักไหม ปักลูกปัด ซึ่งการตกแต่งบริเวณกระเป๋ากางเกงนั้นให้เลือกบริเวณด้านซ้ายของกระเป๋า
ตัวอย่างถัดมา เป็นการดัดแปลงโดย เปลี่ยนกางเกงเป็นชุดกระโปรง ซึ่งจะค่อนข้างยากหน่อย โดยฐิติมาอธิบายว่า เริ่มด้วยการสร้างแบบชุดกระโปรงขึ้นมาก่อน ซึ่งภาษาช่างเรียกว่าการสร้างแพตเทิร์น แล้วตัดแบบออกมาเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้ จากนั้นให้เลาะแยกผ้าชิ้นหน้าและผ้าชิ้นหลังของกางเกงยีนที่เตรียมไว้ แล้วค่อยนำแบบที่ตัดไว้วางลงบนผ้าตัดผ้าตามแบบ เสร็จแล้วให้เย็บประกอบเป็นชุด ปิดท้ายที่ตกแต่งด้วยการเย็บผ้าลายดอกเพื่อต่อตรงบริเวณกลางชุดกระโปรงทั้ง ด้านหน้าและหลัง และนำผ้าลายดอกมาตัดเป็นผ้ารูปแบบสามเหลี่ยม นำมาเย็บแทรกที่ตะเข็บข้างของชุดกระโปรง เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย
อีกตัวอย่างเป็นการ ตกแต่งกระโปรงยีน แบบง่าย ๆ ด้วยการติดระบายลูกไม้ที่ด้านข้าง และใช้ริบบิ้นลูกไม้ร้อยเป็นโบผูกที่เอว ซึ่งวิธีทำเริ่มที่เตรียมกระโปรงยีน จากนั้นตัดผ้าลูกไม้ซึ่งมีขนาดกว้างประมาณ 5 ซม. ยาวประมาณ 40 ซม. เย็บเก็บริมลูกไม้บริเวณที่ไม่ใช่รอยหยักของลูกไม้ให้เรียบร้อย ด้วยการใช้ด้าย 1 เส้น และเย็บทับด้วยด้าย 2 เส้น ด้วยฝีเข็มที่ห่าง ซึ่งภาษาช่างเรียกว่า เย็บแล้วดึงรูดเป็นระบาย โดยเย็บเสร็จแล้วจะต้องเหลือชายด้ายเอาไว้สำหรับดึง เมื่อดึงรูดเสร็จแล้ว ผ้าลูกไม้จะมีความยาวเท่ากับ 20 ซม. ซึ่งจะต้องทำผ้าลูกไม้แบบนี้ 6 ชิ้น เสร็จแล้วนำระบายลูกไม้ที่เย็บแล้ว มาเย็บติดที่ด้านข้างของกระโปรง ให้เป็นระบายข้างละ 3 ชิ้น โดยเย็บเป็นชั้น ๆ จากนั้นใช้ริบบิ้นลูกไม้มาผูกเป็นโบที่เอว ด้วยการลอดไปตามหูกระโปรง เท่านี้ก็เรียบร้อย (ริบบิ้นลูกไม้นี้มีความกว้างประมาณ 2 ซม. ส่วนความยาวขึ้นอยู่กับความกว้างของเอว กระโปรง)

การทำชิ้นงานลักษณะนี้ ฐิติมาบอกว่า ถ้ามีเสื้อผ้ายีนเก่าอยู่แล้วก็ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก แต่หากจะทำเป็นการค้าก็ลองไปหาซื้อยีนเก่าที่ตลาดโรงเกลือซึ่งจะมีขายเป็น มัด ๆ ละ 50 ตัว ราคาตกประมาณตัวละ 20 บาทขึ้นไป ซึ่งเมื่อดัดแปลงประยุกต์เสร็จเรียบร้อยแล้วจะขายได้ในราคาตัวละ 100-200 บาทขึ้นไป

สนใจเรื่องการ ดัดแปลงเสื้อผ้ายีนเก่า ต้องการสอบถามกับ แอน-ฐิติมา พุทธบูชา ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-6988-3016 บางทีอาจจะเป็นอาชีพที่ทำเงินให้ใครบางคนได้เป็นอย่างดีก็ได้

ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0










































 
Blogger Tips and TricksLatest Tips And TricksBlogger Tricks
Do it your self,handmade,HandiCraft,งานฝีมือ,อาชีพเสริม,ช่องทางทำเงิน บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.