บทความที่ได้รับความนิยม


Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

 
งานผ้า-งานปัก ยังเป็นชนิดชิ้นงานที่ได้รับความสนใจทั้งจากกลุ่มผู้ผลิตและกลุ่มผู้ซื้อต่อ เนื่องมาตลอด ส่วนหนึ่งมาจากรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งจากลวดลายของผ้า รวมไปถึงรูปแบบของลักษณะชิ้นงานที่ทำขึ้น เราจึงพบว่าแม้ตลาดจะมีผู้ผลิตชิ้นงานอยู่มากมาย แต่ก็ยังเกิดรูปแบบ และลวดลายต่าง ๆ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างเช่นงานมีสไตล์เฉพาะของ “วิลาสินี พูลพิพัฒน์” กับ ’งานผ้าปัก“  สารพัดชนิด ที่ทีม ’ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอในวันนี้...

วิลาสินี เล่าว่า ยึดอาชีพผลิตชิ้นงานจากผ้าปักเป็นอาชีพเสริมจากอาชีพหลักคือการเป็นนักออก แบบสิ่งพิมพ์ มาได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว โดยงานผ้า-งานปักนี้เกิดจากความชอบส่วนตัว ได้รับแรงบันดาลใจจากคนใกล้ชิดอย่างคุณแม่และคุณยายที่นำผ้าเก่าที่เก็บไว้ นานหลายปีมามอบให้ ซึ่งพอได้เห็นก็เกิดไอเดียว่าลวดลายบนผ้ามีความสวยงามน่าจะสามารถนำมาสร้าง สรรค์ให้เกิดเป็นชิ้นงาน โดยใส่สไตล์เฉพาะที่ตนคิดขึ้นจากทักษะด้านการออกแบบที่มีอยู่ จึงทดลองและฝึกทำ โดยช่วงแรกนำไปมอบเป็นของขวัญให้กับคนรู้จัก ทำให้มีคนสั่งทำต่อเนื่องติดต่อกันมาเรื่อย จึงคิดว่าน่าจะสามารถนำมาทำเป็นอาชีพเสริมได้ จึงเริ่มผลิตเพื่อวางจำหน่ายโดยอาศัยการขายผ่านระบบออนไลน์ คือที่เว็บไซต์ www.reveryshop.com กับทางเฟซบุ๊ก www.facebook.com/pages/Reveryshop-online

ข้อดีของการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางนี้ วิลาสินี บอกว่า คือประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการลงทุนเปิดร้าน เนื่องจากตนเคยเปิดร้านผลิตงานผ้าพิมพ์มาก่อน จึงรู้ ซึ่งการเปิดร้านที่ตั้งอยู่กับที่นั้นหากเงินทุนหมุนเวียนไม่มากพอ หรือมีทุนสำรองไม่มากพอ ก็อาจจะประสบปัญหาได้ ขณะที่การจำหน่ายสินค้าผ่านทางระบบออนไลน์และอินเทอร์เน็ตนั้น หากเข้าใจและใช้งานได้เหมาะสม ก็ถือว่าเป็นช่องทางหนึ่งที่เหมาะมากกับสินค้าประเภทงานประดิษฐ์และงานฝีมือ โดยเฉพาะสินค้าแฮนด์เมด แต่ข้อจำกัดของระบบการขายผ่านทางช่องทางนี้ ในเรื่องความน่าเชื่อถือ ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องศึกษา และต้องสร้างความเชื่อมั่นไว้ใจให้ลูกค้า อีกทั้งควรจะต้องหมั่นเข้าอัพเดทหรือติดตามความเคลื่อนไหวให้สม่ำเสมอ

วิลาสินี กล่าวต่อไปว่า สำหรับชิ้นงานที่ทำอยู่ ปัจจุบันก็มี ปลอกหมอน, กระเป๋าถือ, กระเป๋าสะพาย, กระเป๋าเก็บสมุดธนาคาร, กระเป๋าเครื่องสำอาง, ชุดคลุมสตรี, เสื้อยืด เป็นต้น ส่วนลายผ้าที่ลูกค้านิยม มีอยู่สามลาย ได้แก่ ลายธรรมชาติ, ลายวินเทจ, ลายดอกไม้ โดยจุดเด่นของชิ้นงานจะเน้นที่สีสันสดใสและรอยปักที่เป็นงานทำมือ

“ลูกค้าจะชอบงานปักด้วยมือ และสินค้าทุกชิ้นจะมีส่วนที่ใช้มือทำ ไม่ว่าจะการเย็บปลอกหมอน การขึ้นรูปกระเป๋า รูปแบบก็จะพลิกแพลงต่อยอดออกไปเรื่อย ๆ ตามลักษณะสินค้า และลวดลายของเนื้อผ้า” เจ้าของชิ้นงานกล่าว

ทุนเบื้องต้นอาชีพนี้ ใช้ประมาณ 5,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าวัสดุ และอุปกรณ์หลัก ๆ ในการผลิต ซึ่งถ้าหากต้องการทำเป็นงานเสริมหรือผลิตเพียงไม่กี่ชิ้นก็สามารถจะตัดทุนใน ส่วนของจักรเย็บผ้าออกไปได้ ใช้การเย็บมือทั้งหมด ส่วนทุนวัสดุอยู่ที่ประมาณ 50% จากราคาขาย ที่เริ่มตั้งแต่ชิ้นละ 190 บาท ถึง 2,000 บาท ขึ้นกับชนิดสินค้า และขนาด

วัสดุ-อุปกรณ์ หลัก ๆ ประกอบด้วย ผ้าชิ้นลวดลายต่าง ๆ, ผ้าแคนวาส (สำหรับทำตัวกระเป๋า, ปลอกหมอน), เข็มกับด้าย, กรรไกร, ไหมปัก, ชิ้นใยสังเคราะห์อัดแผ่น, วัสดุตกแต่งประกอบชิ้นงาน อาทิ ซิป, กระดุม, ริบบิ้น เป็นต้น

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากออกแบบลวดลายและรูปทรงชิ้นงานลงบนกระดาษสเกตช์ จากนั้นทำการลอกลายลงบนกระดาษลอกลายหรือกระดาษสำหรับขึ้นแพตเทิร์น เมื่อได้แล้วก็ทำการตัดออกเป็นชิ้น ๆ จากนั้นนำมาทาบกับผ้าแคนวาสเพื่อตัดแบ่งออกเป็นส่วนประกอบชิ้นงาน เช่น กระเป๋า นำผ้าลายต่าง ๆ มาตัดขึ้นรูปเป็นชิ้นตามที่ได้ออกแบบไว้

จากนั้นนำผ้าลายต่าง ๆ ที่ตัดไว้มาทำการเย็บประกอบติดกับส่วนประกอบของกระเป๋าด้วยด้ายหรือไหมปัก ทำการเย็บประกอบส่วนต่าง ๆ เพื่อขึ้นรูปกระเป๋า จากนั้นก็ทำการติดวัสดุตกแต่ง เช่น ซิป, หูกระเป๋า ตามต้องการ สำรวจความเรียบร้อยของชิ้นงานว่าประกอบขึ้นรูปครบถ้วนดีแล้ว ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำในส่วนของกระเป๋า

“ขั้นตอนมีไม่มาก แต่ขั้นตอนแต่ละจุดจำเป็นต้องใช้ความประณีต ใจเย็น และอดทน สำหรับการวางตำแหน่งของชิ้นผ้าก็ควรจะจัดวางให้ไม่ดูรกหรือเยอะเกินไป อีกทั้งการเลือกใช้สีของด้ายและไหมปักก็ควรจะดูกลมกลืนหรือไปกันได้กับลาย ผ้าบนชิ้นงานด้วย” เป็นคำแนะนำของวิลาสินีที่บอกต่อสำหรับคนที่สนใจงานประเภทนี้
ใครสนใจงานประเภทนี้ ก็เข้าไปดูรูปแบบของสินค้าได้ตามเว็บไซต์ข้างต้น หรือต้องการติดต่อวิลาสินี ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 08-0446-2445 หรือทางอีเมล revery_shop@hotmail.com นี่ก็เป็นอีกหนึ่งประเภทชิ้นงานจาก ’งานผ้า-งานปัก“  ที่สร้างเงิน สร้างอาชีพ ได้อย่างน่าสนใจ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ’ช่องทางทำกิน“  ที่นำมาให้ได้ลองพิจารณากัน.
ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ เรื่อง-ภาพ
 credit : http://www.dailynews.co.th/article/384/163050




Read More...


‘ตุ๊กตาจุกมือถือ’ อีกงาน‘ปั้นดินเป็นเงิน’


 
 งานแฮนด์เมดอย่างงานปั้นดินญี่ปุ่นเป็นรูปการ์ตูน เป็นรูปสัตว์ แนวน่ารัก ๆ สามารถดัดแปลง สร้างสรรค์ออกมาเป็นสินค้าได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตุ้มหู สร้อยคอ ที่ห้อยโทรศัพท์มือถือ และที่กำลังเป็นที่นิยมกันในปัจจุบันด้วย ก็คือ “จุกกันฝุ่นเข้าโทรศัพท์มือถือ” ซึ่งทางทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอให้พิจารณากันในวันนี้..

“งานปั้นดินญี่ปุ่นนั้นเป็นงานที่มีคนทำกันเยอะ คู่แข่งทางการตลาดก็เยอะตามไปด้วย เพื่อที่งานของเราจะอยู่ในตลาดและเป็นที่สนใจของลูกค้าได้ เราจะต้องคิดทำชิ้นงานออกมาให้ดูน่ารัก คิกขุ มีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของตัวเอง พอลูกค้าเห็นก็ต้องรู้ว่านี่เป็นงานของเรา” เจ้าของงานปั้นดินญี่ปุ่น แบรนด์ “cute-monster” กล่าว

ปู-วิภาดา ยืนยงค์ และ นิว-วิวัฒน์ เพื่อวงษ์ สร้างสรรค์งานปั้นดินญี่ปุ่น เป็นสินค้าหลากหลาย จำหน่ายภายใต้แบรนด์นี้ ซึ่งทั้ง 2 คนนี้ คนหนึ่งจบทางด้านการออกแบบภายใน อีกคนจบมาทางด้านโฆษณา โดยปูบอกว่า งานปั้นดินญี่ปุ่นนั้นทำมาตั้งแต่สมัยเรียน เนื่องจากเป็นคนที่ชอบงานปั้นมาตั้งแต่เด็ก และก็ได้มาเรียนออกแบบ ก็จะต้องมีการปั้นโมเดลส่งอาจารย์ พอเริ่มปั้นโมเดล ความชอบปั้นดินตั้งแต่เด็กก็เกิดขึ้นมา จึงมีความคิดที่จะปั้นดินเป็นการ์ตูน เพราะคิดว่างานปั้นดินญี่ปุ่นนั้นเป็นงานที่มีจุดเด่นมีสไตล์ที่ดูสวยน่ารัก และที่สำคัญสามารถดัดแปลงเป็นสินค้าได้หลากหลาย

“เริ่มศึกษาเรื่องดินต่าง ๆ ที่จะนำมาทำจากอินเทอร์เน็ต และทดลองทำมาเรื่อย ๆ เรียนรู้เรื่องการทำอย่างไรให้งานมีความคงทนแข็งแรง เรื่องรูปแบบสินค้าก็มานั่งออกแบบให้ลงตัวให้มีจุดเด่นในตัวเอง ก็ใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่นานจนได้งานที่ลงตัว ในตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะทำขาย จะทำใช้เอง ทำให้เพื่อนเป็นของขวัญ แต่พองานเริ่มลงตัวน่ารักเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ก็เริ่มทำออกจำหน่ายเป็นงานอดิเรกหารายได้เสริม โดยใช้ช่องทางอินเทอร์เน็ตเป็นหน้าร้าน”

หลังจากเรียนจบออกมาก็เข้าทำงานประจำอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง แต่ก็ยังทำงานปั้นเป็นอาชีพเสริมอยู่เหมือนเดิม มาระยะหลังออร์เดอร์งานปั้นเริ่มเข้ามา
เยอะขึ้น ก็ต้องเร่งทำงานมากขึ้นเพราะเป็นงานแฮนด์เมด ปั้นจากมือทุกชิ้นทุกขั้นตอนจึงใช้เวลามากในการทำ จึงตัดสินใจออกจากงานประจำที่
ทำมาทำงานปั้นดินขายอย่างเดียว เพื่อที่จะทุ่มเทให้กับงานที่ชอบอย่างจริงจัง ซึ่งก็ทำงานปั้นอย่างจริง ๆ จัง ๆ มาก็ 1 ปีกว่าแล้ว

ปู-นิว ร่วมกันบอกว่า งานที่ทำนั้นมีจุดเด่นที่ความน่ารักและเป็นเอกลักษณ์ของการ์ตูนที่ออกแบบและ ปั้นออกมา เป็นแบบที่ไม่เหมือนใคร เพราะการ์ตูนทุกตัวจะออกแบบเอง คิดขึ้นมาเอง

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทำหลัก ๆ มีดังนี้คือ...ดินญี่ปุ่น, สีอะคริลิก, กาวร้อน, ลวด, พู่กัน, แล็กเกอร์ และอุปกรณ์สำหรับที่จะนำงานปั้นไปทำเป็นสินค้าอะไร อย่างพวก สายสร้อยสำหรับทำสร้อยคอ ที่ห้อยโทรศัพท์ ตุ้มหู และถ้าทำเป็น “จุกปิดกันฝุ่นโทรศัพท์มือถือ” ก็ใช้จุกอุดรูหูฟัง หรือที่เรียกกันว่า “ปักกี้”

วัสดุอุปกรณ์นั้นสามารถหาซื้อได้ที่ย่านตลาดสำเพ็ง

ดินญี่ปุ่นที่ใช้นั้นจะเป็นสีขาว การผสมสีในดินใช้การผสมสีที่เป็นแม่สีหลัก ๆ ได้แก่ สีแดง สีน้ำเงิน สีเหลือง ส่วนสีอื่น ๆ ก็เป็นสีดำ การผสมก็ไม่ยาก ก็ให้ใช้สีอะคริลิกเทใส่ผสมลงในดินแล้วทำการนวดให้สีนั้นเข้าเป็นเนื้อเดียว กับเนื้อดิน

ถ้าในการปั้นต้องการใช้สีอื่น ก็ใช้วิธีการนำดินที่ผสมเป็นแม่สีไว้แล้วมาผสมกันให้ได้สีตามที่ต้องการ แล้วก็ทำการนวดดินให้ผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ก็จะได้ดินตามสีที่ต้องการ

วิธีการทำ เริ่มจาก...การออกแบบตัวการ์ตูนที่ต้องการจะทำลงบนคอมพิวเตอร์ การออกแบบลงบนคอมพิวเตอร์นั้นสามารถที่จะใส่สีและเห็นสีได้สมจริง แต่ถ้าไม่มีทักษะทางคอมพิวเตอร์จะใช้วิธีร่างแบบลงบนกระดาษก็ได้

หลังจากที่ได้แบบการ์ตูนที่ต้องการแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการปั้น โดยนำดินมาผสมให้ได้สีตามแบบที่ออกไว้ โดยการปั้นนั้นจะแบ่งปั้นเป็น 2 ส่วน คือส่วนหัวของการ์ตูน และส่วนตัวของการ์ตูน เริ่มจากปั้นส่วนหัวก่อน จากนั้นก็มาปั้นส่วนตัว หลังจากปั้นเสร็จทั้งสองส่วนก็นำมาประกอบติดเข้าด้วยกัน โดยใช้ลวดเสียบระหว่างส่วนหัวและส่วนตัวเพื่อยึดติด

ประกอบตัวการ์ตูนเสร็จแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ให้ดินแห้งสนิท จะนำไปตากแดดหรือจะเข้าห้องอบเพื่อให้ดินแห้งเร็วขึ้นก็ได้ หลังจากที่การ์ตูนแห้งสนิทแล้วก็ให้หยอดกาวที่รอยต่อของส่วนหัวและส่วนตัว เพื่อความแข็งแรงแน่นหนาอีกที
พอกาวแห้งก็ทำการตกแต่งวาดลวดลายหน้าตาและรายละเอียดต่าง ๆ ตัวการ์ตูน การวาดนั้นจะใช้พู่กันจุ่มสีอะคริลิกวาด จากนั้นก็ทำการพ่นแล็กเกอร์เคลือบ

ไม่ควรใช้ปากการหมึกซึมในการวาดลวดลาย เพราะเวลาพ่นเคลือบเส้นที่วาดจะแตก ทำให้ดูเลอะ ไม่สวย...

พอแล็กเกอร์แห้งก็นำตัวการ์ตูนไปติดกับปักกี้ (จุกกันฝุ่น) ยึดติดด้วยกาวให้แน่นหนา เท่านี้ก็เรียบร้อย

แต่ถ้านำตัวการ์ตูนปั้นไปทำเป็นสร้อยคอ หรือตุ้มหู ก็จะต้องใส่ห่วงตั้งแต่ตอนที่ปั้นเสร็จ ตอนที่ดินยังไม่แห้ง

“จุกปิดกันฝุ่นโทรศัพท์มือถือ” งานแฮนด์เมดปั้นจากดินญี่ปุ่นของ ปู-นิว มีอยู่ 2 ขนาด ขนาดเล็กราคา 50 บาท ขนาดใหญ่ราคา 65 บาท นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่นำดินปั้นมาทำอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ ตุ้มหู ที่ห้อยโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ซึ่งมีราคาขายตั้งแต่ 45-200 บาท โดยราคานั้นขึ้นอยู่กับขนาดและรูปแบบของสินค้า

ใครสนใจงานแฮนด์เมดปั้นดินญี่ปุ่นทำเป็น ’จุกปิดกันฝุ่นโทรศัพท์มือถือ“ และสินค้าอื่น ๆ ของแบรนด์นี้ เข้าไปดูแบบงานได้ที่ http://www.cute-monster.com หรือที่ http://www.facebook.com/cutemonstershop หรือต้องการติดต่อกับเจ้าของกรณีศึกษา ’ช่องทางทำกิน“ รายนี้ทางโทรศัพท์ ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 08-0136-6672, 08-7989-0798.

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์

.........................................

คู่มือลงทุน...ตุ๊กตาจุกมือถือ

ทุนเบื้องต้น     ประมาณ 1,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัสดุ    ประมาณ 50% ของราคา
รายได้    ราคาชิ้นละ 50-65 บาท
แรงงาน    1 คน
ตลาด    ลงขายทางอินเทอร์เน็ต
จุดน่าสนใจ    สอดรับกับยุคสมัยใช้มือถือ
credit : http://www.dailynews.co.th/article/384/161817



Read More...


ปังขนม ความอร่อยจากเตาอบ






"ใคร ๆ ก็อยากมีร้านกาแฟกับเบเกอรี่" เหมือนเป็นเทรนด์แฟชั่น และสิ่งที่ตามมาคือ โรงเรียนหรือชั้นเรียนเล็ก ๆ ที่เปิดสอนทำขนมอบ

ชาวตะวันตกเติบโตมาด้วย ขนมปัง เช่นเดียวกับคนไทยที่เกิดและมีลมหายใจอยู่ด้วย ข้าว คนสองซีกโลกต่างวัฒนธรรม มีพื้นฐานการกินแตกต่างกัน หากทุกวันนี้ได้หลอมรวมกัน เชื่อมโยงกันด้วยวิถีแห่งการกินไร้พรมแดน...

 ถ้าบอกว่าคนไทยอีกหลายคน กินขนมปังเป็นอาหารเช้า หม่ำขนมเค้กเป็นของว่าง ก็ไม่แปลกที่ฝรั่งเริ่มหุงข้าวเป็น และมองหาข้าวสวยกับสำรับอาหาร แทนขนมปังเนื้อเหนียว ๆ กับซุป หรือมันฝรั่งทอดกับสเต๊กจานโต

 วัฒนธรรมกินข้าวสาลีงอกงามในเมืองไทย ใคร ๆ ก็ชอบกินขนมปัง และขนมอบที่เรียกว่าเพสทรี่ ไปที่ไหน ๆ ก็มีขนมปังขาย รวมถึงร้านกาแฟเก๋ ๆ กับเค้กชิ้นสวย กำลังเป็นธุรกิจเฟื่องฟูอยู่ในกระแสที่ว่า "ใคร ๆ ก็อยากมีร้านกาแฟกับเบเกอรี่" เหมือนเป็นเทรนด์แฟชั่น และสิ่งที่ตามมาคือ โรงเรียนหรือชั้นเรียนเล็ก ๆ ที่เปิดสอนทำขนมอบ

 ครูเปิ้ล - ชญานิน อึ้งประพันธ์ ก็เช่นกันที่เปิด Mother Goose สอนทำขนมสไตล์ที่เธอชอบ เรื่องเล่ามีอยู่ว่า

 "เริ่มมาจากว่าเราชอบกินขนมสไตล์ฝรั่งเศส ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน ยังไม่มีขนมแบบนี้ขายเลย ขนมอบส่วนใหญ่เป็นสไตล์อเมริกัน แล้วพอเราได้ไปเที่ยวฝรั่งเศสได้กินขนมเขาก็ยิ่งชอบ ไปกินขนมอบ ครัวซองต์ ทาร์ต ทุกร้านทุกซอยเขาอบขนมหอม อร่อยหมด เป็นกลิ่นและรสชาติที่เฉพาะตัว อร่อย ไม่เคยกินมาก่อนในชีวิต ซึ่งในเมืองไทยไม่มี เราหากินไม่ได้

 พอกลับมาก็เริ่มหาหนังสือคุกบุ๊ค มาลองหัดทำ แต่ทำแล้วไม่เป็นอย่างที่ต้องการ ทั้งภาพ ทั้งสูตร ออกมาไม่เหมือนกับที่เราไปกินมา เราก็ไปเรียนเพิ่มเติมนะ เช่นที่ยูเอฟเอ็ม ตอนนั้นมีสอนอยู่ที่เดียวก็รู้สึกพอได้ความรู้ว่าในแป้ง นม ไข่ เนย ทำยังไงให้ออกมาเป็นขนม แต่ยังไม่ใช่สไตล์ฝรั่งเศส เราก็ไปเรียนอีก กับเชฟขนมตามโรงแรม ซึ่งสมัยนั้นค่าเรียนแพงมาก เรียนเป็นไพรเวทบ้าง ไปกับเพื่อนบ้าง เชฟคนไหนที่เราคิดว่าเก่งเราก็ไปเรียนกับเขา

 ตอนนั้นคิดว่าอยากทำขนมสไตล์ที่เราชอบได้ แล้วพอเป็น คิดว่าทำได้แล้วก็เหมือนคนทั่ว ๆ ไป ที่พอทำขนมเป็นก็อยากเปิดร้านในฝัน เราก็เปิดเป็นร้านเล็ก ๆ ตอนนั้น Starbucks เพิ่งมาเปิดและยังไม่มีร้านกาแฟเบเกอรี่เยอะอย่างทุกวันนี้ แล้วพอทำร้านไปก็รู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่เราชอบอีก คือเวลาเราทำขนมกินเองเราจะไม่คำนึงถึงต้นทุน พอทำร้านขนมอบเอาออกมาวางไว้นาน เราก็รู้สึกว่าไม่อร่อยแล้ว คือความสุขของเราคือกินขนมที่ออกจากเตาใหม่ ๆ กลิ่นกรุ่น ๆ หอมสดใหม่ แต่พอทำร้านเราต้องทำขนมที่ลูกค้าชอบ ซึ่งลูกค้าเขาก็อยากกินของที่เขาชอบซ้ำ ๆ เดิม ๆ ซึ่งไม่ใช่อย่างที่เราชอบแล้ว"

 เปิดร้านในฝันแล้วไม่ใช่ก็ต้องฝันต่อ ครูเปิ้ลเลยตัดสินใจเปิดโรงเรียนสอนทำขนม ที่เริ่มจากใจรักจริง ๆ
 "แต่สิ่งที่สอนเป็นขนมสไตล์ฝรั่งเศส ที่เราชอบและอยากจะกิน เป็นไพรเวทคลาส ที่ไม่ได้มีใบรับรอง เพราะว่าถ้าเป็นขนาดนั้นต้องมีการสอบ แต่ใครที่คิดว่าชอบทำขนม อย่างน้อยชอบกินมาเรียน ขนมที่เราสอนจะแตกต่าง ด้วยความที่เราอยู่ในวงการโฆษณามาก่อน เราใส่ความคิดสร้างสรรค์ ขนมมีความเป็นยูนีค มีคอนเซปต์ เอาไอเดียใส่เข้าไป ในเมื่อทำขนมเป็นแล้ว เราไม่ยึดติดกับรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แล้วสอนแบบไม่คำนึงถึงต้นทุน เราใส่วัตถุดิบที่ดีเลย ไม่ใช้เคมี สารกันบูด กันเสีย สารช่วยขึ้นฟู จะพยายามใช้วัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติมากที่สุด สอนให้เข้าใจพื้นฐานของวัตถุดิบแต่ละตัวว่ามาเจอกันแล้วจะเกิดปฏิกิริยาอะไร ขึ้น สอนตั้งแต่เบสิก"

 ดังนั้นคนที่มาเรียนมีหลากหลาย ตั้งแต่แม่บ้าน คนอยู่ว่าง ๆ จนถึงคนที่เปิดร้านขนมอยู่แล้ว อยากมาหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อนำไปดัดแปลงกับสูตรขนมที่มีอยู่ เรื่องนี้ครูเปิ้ลบอกว่า คนมาเรียนต้องไปจัดการประยุกต์กับสิ่งที่ตัวเองมี เพราะเมื่อเปิดร้านก็ต้องคำนวณต้นทุนค่าใช้จ่าย

 "มีคนเปิดร้านอยู่แล้ว 2-3 สาขา ยังมาเรียน เขามองว่าเราสอนมีหลักการ เช่น ทำไมตีครีมแบบนี้ ผสมเค้กแบบนี้ คนที่ทำเค้กสไตล์อเมริกันกับฝรั่งเศส จะมีวิธีการไม่เหมือนกัน เค้กสไตล์อเมริกันจะออกแนวโมเดิร์นหน่อย เป็นชิ้นใหญ่ ๆ 7-8 นิ้ว แล้วมาตัดแบ่งสามเปลี่ยน หรืออย่าง 'นิวยอร์ก ชีสเค้ก' เป็นสไตล์อเมริกันชัดเจน คือเนื้อริชมาก ชิ้นใหญ่ เข้มข้นมาก แต่เค้กฝรั่งเศสจะไม่ทำแบบนั้น เค้กจะครีมมี่และเบากว่า
 อย่างร้าน 'เลอ โนท' เขาจะทำเหมือนย่อส่วนมาจากเค้กชิ้นใหญ่ ตัดเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ กินเป็นส่วนตัว หรือขนมญี่ปุ่นที่ดัดแปลงมาจากขนมฝรั่งเศสอีกที แต่เขาจะมีลักษณะเฉพาะ เช่น ใช้แป้งญี่ปุ่นให้เนื้อเบามาก ๆ ซึ่งโดยหลักการตัวแฟท คอนเทนท์ เป็นตัวที่ทำให้เกิดเนื้อแป้งแตกต่างกัน หรือขนมฝรั่งเศสที่ใช้เนยฝรั่งเศสคือแฟท คอนเทนท์ ที่ทำให้เท็กซ์เจอร์จนถึงกลิ่นที่ให้ความรู้สึกแตกต่าง"

 แม้คนไทยชอบกินเค้กและขนมอบจากตะวันตก แต่ก็มีความรับรู้เรื่องการกินเพื่อสุขภาพ นักเรียนในชั้นเรียนของครูเปิ้ลก็เช่นกัน

 "บางทียังไม่ทันลงมือทำ ถามแล้วว่าจะลดน้ำตาลได้มั้ย ขอหวานน้อยทำยังไง ที่จริงเราไม่ได้สอนเค้กหวานมาก ๆ นะคะ เขาบอกว่ากินขนมแล้วกลัวอ้วน แต่พอเอาเข้าจริงคนชอบกินมักจะลดไม่ได้ เพียงแต่ว่ากินแล้วรู้ตัว ไม่กินมาก หรือกินแล้วไปเบิร์นออก

 ขนมเพื่อสุขภาพความจริงก็ยากอยู่ ถ้ากินขนมแล้วเฮลธี่ อาจทำได้ในระดับหนึ่ง เช่น เปลี่ยนไปใช้วิปปิ้งครีมไขมันต่ำ แต่ความจริงส่วนผสมไขมันต่ำก็ไม่ได้มาจากธรรมชาติจริง ๆ ใช้ครีมสดดีกว่า บางคนบอกขนมเฮลธี่ ใช้น้ำมันพืชแทนเนยก็ไม่หอม เนยมีบุคลิกของตัวเองคือหอม นุ่ม พอใช้น้ำมันพืชไม่หอมก็ไปเติมกลิ่นอีก ใครที่ชอบความอร่อยครีมมี่ บางทีก็ห่างจากคำว่าเฮลธี่"

 ครูเปิ้ลบอกว่า สอนหลักการแล้ว ใครมีจินตนาการก็เสกเค้กได้ตามฝัน โดยเฉพาะผลไม้ไทยที่ครูผู้สอนมักเติมลงในขนมอบตามฤดูกาล

 "เช่น สตรอว์เบอร์รี มะพร้าวอ่อนนี่ทำเค้กฝรั่งติดใจทุกคน เสาวรสทำมูส พาร์เฟ่ ได้หมดเลย มะตูม มะม่วง กล้วยไทยก็อร่อยมาก ขนมก็มีเทรนด์เหมือนกัน เช่นปีที่แล้วคัพเค้กมาแรง ปีนี้น่าจะเป็นมาการอง ตามด้วย วูปี้ พาย เป็นคุกกี้สไตล์อเมริกัน คล้ายมาการอง เป็นคุกกี้ประกอบกันมีไส้ตรงกลาง เช่น วูปี้พายช็อกโกแลตไส้ครีมชีส หรือนอกในเป็นสับปะรด สลับกันหรือไปกันได้ และปีนี้เค้กญี่ปุ่นกำลังมา เอาแนวของฝรั่งเศสมาปรับ เป็นเค้กเนื้อนุ่ม หวานน้อย เนียนละเอียด"

 หลักสูตรของครูเปิ้ลแบ่งเป็น 2 ประเภท คืออยากเรียนอะไรก็มา จะจัดตารางเรียนให้ แบ่งเป็นกรุ๊ป ๆ ละ 4-5 คน และหลักสูตรยาว คนที่อยากเปิดร้านขนมมาเรียนได้ สอนครอบคลุมทุกอย่างของขนม หรืออยากปรับลุคก็มาเลือกหลักสูตรนี้

 คนชอบกินแป้งสาลี ขนมปังก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งฝรั่งเขากินแทนข้าว แต่คนไทยส่วนใหญ่คิดถึงขนมปังในแง่ของขนมหวาน และขนมปังที่ ขายในท้องตลาด ทำขายในเชิงพาณิชย์ ข้างในมีส่วนผสมอะไรบ้าง บางทีวางใจไม่ได้ เหตุผลเช่นนี้ทำให้ ครูแป้น - พัชรบูรณ์ ด่านโพธิวัฒน์ เกิดแรงบันดาลใจเปิดห้องสอนทำ ขนมปังทำเอง มีปรัชญาว่า "สนุก สุข ที่บ้าน กินดีอยู่ดี"

 "เกิดจากลูกชายชอบซื้อขนมปังกิน ก่อนเข้าฟิตเนส เราเห็นเขาซื้อแล้วก็นึกอยากทำเอง เริ่มจากซื้อหนังสือฝรั่งมาลองทำ หัดทำที่บ้านอยู่ 4 ปี แต่แรกหัดทำแล้วกินเอง แบ่งให้เพื่อน ๆ เอาไปขายที่ร้านเพื่อน พัฒนาสูตรไปเรื่อย ๆ เราก็รู้สึกสนุก ตื่นเต้น ลองทำไปจดไปเหมือนทำงานในห้องแล็บ พอคิดว่ามั่นใจ ปีที่ห้าถึงเปิดสอน"

 ครูแป้น บอกว่า ขนมปังที่เปิดสอนไม่เหมือนขนมปังทั่ว ไป ยืนยันเรื่องส่วนผสมและเท็กซ์เจอร์ ไม่ใช้สารเสริม ไม่ใส่เนยขาว สารกันบูด ตอนทำขายก็ติดฉลากให้อ่านว่า ส่วนผสมมีอะไรบ้าง ทำไมราคาแพงกว่าขนมปังทั่ว ๆ ไป

 "พอเราทำก็รู้สึกว่าอร่อยกว่า และเลือกได้ว่าเราจะใส่อะไรข้างใน ไขมันเลือกได้ ขนมปังสุขภาพ ไม่ใช้เนยขาว หรือใช้แป้งสเปลท์สำหรับคนที่แพ้กลูเตนในแป้งสาลี หรือคนที่มีปัญหาการย่อยไขมันสัตว์ คนแพ้จะขึ้นผื่นเลยนะ หรือใช้นมผงถั่วเหลืองแทนไขมันสัตว์ ที่จริงน้ำมันพืชใช้ได้หลายอย่าง เช่น คาโนล่า น้ำมันมะกอก เนยขาวไม่ใช้เลยใช้เนยสดชนิดจืด เกลือเลือกชนิดลดโซเดียม จากงานวิจัยของ ม.มหิดล แต่เราใช้น้อย ใช้แค่ช้อนครึ่งเท่านั้น เพราะทุกวันนี้คนไทยกินอาหารรสจัด หวานเกิน เค็มเกิน หรืออย่างโดนัท เป็นขนมปังทอด เราไม่สอนเลย พาย ครัวซองต์ ที่ใส่เนยเยอะ ๆ ก็ไม่สอน"
 การสอนคือเน้นเทคนิคการนวดด้วยมือ ก่อนเข้าชั้นเรียนต้องคุยกันก่อน ว่าอยากรู้อะไร มีพื้นฐานแค่ไหน ครูแป้นจัดให้

 "เราต้องรู้จักนิสัยใจคอผู้เรียน อยากเรียนช่วงไหนบอกมา เรามีคอนเซปต์ว่าอยากสอนสิ่งที่มีประโยชน์ ให้กลับไปทำขนมปังกินเองได้อย่างง่าย ๆ พึ่งตัวเองได้ ไม่ใช่เริ่มมาเรียนก็ต้องซื้อของมากมาย เราสอนการกินสโลว์ ฟู้ด คือขนมปังต้องมีการเตรียมการนะ ต้องนวด รอขึ้นแป้งโด ให้รู้จักจัดการกับสิ่งที่มีรอบตัวอย่างง่าย ๆ สอนว่าในขนมปังมี ส่วนผสมอะไรบ้าง ให้พลิกแพลงได้ เข้าใจของแป้งและเปียก แล้วนำกลับไปทดลองทำเองได้ บางคนพาลูกมาเรียน เด็ก ๆ มาเรียนกันหลายคน ชั้นเรียนเรามีตั้งแต่เด็ก 7-8 ขวบ จนถึงอายุ 58 ปี แต่ 12 ขวบ จะดีที่สุดเพราะมือจะแข็งแรงหน่อย"

 จากประสบการณ์ที่เคยสอนปลูกผักออร์แกนิคให้เครือ 'แปลน' ทำให้รู้จักวิธีการถ่ายทอด การเรียนการสอน ในห้องเรียนเล็ก ๆ ไม่เกิน 5 คน เป็นการเรียนที่มีคุณภาพ นักเรียนได้ทดลองทำเอง สอนให้รู้จักเตาอบ การผสมแป้ง นวดแป้ง จัดทรวดทรงขนมปังรูปต่าง ๆ การอบ การดูแลขนมปัง การเก็บ การอุ่นเพื่อกินครั้งต่อไปให้อร่อยเหมือนเดิม

 "เราเห็นว่า ขนมปังเข้ามาอยู่ในไลฟ์สไตล์คนไทยมาก ที่จริงแล้วเราควรกินข้าวนะ แต่เวลาเร่งรีบก็คว้าขนมปังจากตู้เย็นมาอุ่นกินตอนเช้า แต่ขนมปังที่ ขายทุกวันนี้มีคุณภาพหลากหลายนะ ที่ดีก็มี ที่ต้องเติมสารกันเสีย หรือสารทำให้นิ่มจะได้ขายได้มาก ๆ หรือซื้อไปแล้ว 3 วันยังนิ่มอยู่ ที่จริง ขนมปังเกิน 1 วัน มันก็ไม่นิ่มแล้ว แต่ความเข้าใจเรื่องขนมปังกับคนไทยมันบิด ๆ เบี้ยว ๆ คนไทยชอบกินขนมปังนุ่ม ๆ ขาว ๆ หวาน ๆ แต่ทุกวันนี้เริ่มเปลี่ยน เราอยากบอกว่าเวลาเราซื้อขนมปังไปฝากใครก็เหมือนข้าว ให้ขนมปังเปล่า ๆ ก็เหมือนข้าวเปล่า ขนมปังควรมีเนยกระเทียม หรือซุป ซื้อขนมปังไปฝากเขาแล้วต้องมีอย่างอื่นประกอบด้วย"

 เพื่อให้การกินเอร็ดอร่อยและรู้จักธรรมชาติของขนมปัง ครูแป้นเล่าว่าผู้เรียนมีหลากหลาย แต่ละคนมีวัตถุประสงค์แตกต่าง

 "แต่สอนเน้นทำกินในครอบครัว มีคนทำฟาร์มเห็ดอยู่กระบี่ อยากได้สูตรไส้เห็ดใส่ขนมปังจะไปขายฝรั่ง มีคนหนึ่งมาจากเมืองนอกบอกว่ากินขนมปังเมืองไทยแล้วแปลก ๆ มันหวานนิ่ม เลยอยากมาเรียนทำกินเอง เราก็เลยทำหนังสือ ห้องเรียน ขนมปังทำเอง 40 เมนู สอนทุกขั้นตอนอย่างละเอียด แบ่งเป็นขนมปัง 5 หมวด หรือถ้ามาเรียนจัดคลาสให้เรียน 3 อย่างจากในหนังสือ สอนครั้งละ 2 วัน ทำ 3 อย่าง (สิบโมงถึงบ่ายสี่ ราคา 3,500.-) เป็นห้องเรียนที่มีคุณภาพเพราะทุกคนตั้งใจมา ไม่ได้ถูกบังคับ"

 จากเริ่มแรกที่หัดทำขนมปังโดยใช้เครื่อง ทุกวันนี้ครูแป้นบอกว่า ขนมปังทำมือ นวด ๆ บีบ ๆ บิด ๆ ม้วน ขลิบ พับ ต่อย... ด้วยสองมือทำให้ขนมปังนุ่ม อร่อยได้ใจ และทำให้รู้ว่าในชีวิตจริง เราทำขนมปังทำมือกินเองได้ สด ใหม่ หอมกรุ่นจากเตาอบร้อน ๆ จนบางทีก็ทำให้ลืม 'ข้าวสวย' ไปได้เหมือนกัน...





Read More...


แหวนช่อดอกไม้


เตรียมวัสดุ
     1. หินฟ้ารูปทรงต่าง ๆ 6 เม็ด
     2. ลูกปัดคริสตัลสีฟ้าเข้ม 8 มม. 1 เม็ด
     3. ลูกปัดคริสตัลสีฟ้าอ่อน 5 มม. 4 เม็ด
     4. ลูกปัดคริสตัลสีฟ้าอ่อน 4 มม. 6 เม็ด
     5. ที่คั่นสร้อยทอง เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 มม. 3 อัน
     6. โครงแหวนลวดเมลาทิค
     7. ลวดญี่ปุ่น เบอร์ 34
     8. คีมตัดลวด

ขั้นตอนการทำ
     1. ตัดลวดญี่ปุ่น ยาว 70 ซม. มัดติดกลางแหวน
     2. ร้อยหินสีฟ้า 2 เม็ด บิดปลายลวดรวมกัน และมัดติดโครงลวด

     
3. ร้อยคริสตัล 4 มม. 1 เม็ดที่คั่นสร้อย และคริสตัล 4 มม. 1 เม็ด บิดลวด และมัดติดโครง ทำอีก 1 ช่อ

  
  4. ร้อยหิน และคริสตัลที่เหลือใส่ลวดเป็นช่อ ช่อละ 1 เม็ด และบิดปลายลวด พันติดรอบโครงแหวนทำเช่นนี้จนหมด หรือ
ได้ขนาดตามชอบ เก็บปลายลวดให้เรียบร้อย

แหล่งที่มา : http://www.beadsthai.com/qapp/web_cart_th/articledetail1.php?News_ID=20




Read More...


กำไลข้อมือ

วัสดุ
1. ลูกปัดเชคสีแดง 4 มม. 52 เม็ด
2. ลกปัดกลมใหญ่สีเขียว 13 เม็ด
3. ลูกปัดกลมเล็กสีแดง 162 เม็ด
4. ลูกปัดกลมเล็กสีเขียว 230 เม็ด
5. เอ็นยาว 180 ซม. 1 เส้น
6. ห่วงล็อคแบบเหล็กดัด
7. ที่รวบเอ็น 1 คู่
8. ลูกปัดกลมเล็ก (ใช้กับที่รวบเอ็น) 2 เม็ด

ขั้นตอนการทำ
1. ร้อยลูกปัดกลมเล็ก และที่รวบเอ็นอ้าที่รวบเอ็นไว้ก่อน
2. ร้อยลูกปัดกลมเล็กสีเขียว 6 เม็ดและลูกปัดสีแดง 3 เม็ดด้านซ้ายและร้อยเอ็นเข้ากับลูกปัดกลมเล็กสีเขียวเม็ดที่ 6 จะได้ขอบกำไล 1 ชิ้นด้านขวาก็ทำเหมือนกัน
3. ร้อยลูกปัดกลมเล็กสีเขียว และลูกปัดเชค อย่างละ 1 เม็ด ทั้ง 2 ข้าง ใช้ลูกปัดกลมใหญ่สีเขียวร้อยไขว้กัน
4. ร้อยลูกปัดเชค 1 เม็ด ลูกปัดกลมเล็กสีเขียว 2 เม็ด ทั้งซ้ายและขวาแล้วร้อยเอ็นเข้ากับลูกปัดกลมเล็กสีเขียวเม็ดที่ 2 ก็จะได้แบบของดอกไม้ที่สมบูรณ์
5.  ทำซ้ำไปมาโดยให้ใช้ลูกปัดเชคประมาณ 13 เม็ด ให้ได้ระยะ 3,4 ของแบบดอกไม้
6. รอบสุดท้ายร้อยลูดปัดกลมเล็กสีเขียวข้างละ 5 เม็ด แล้วร้อนที่รวบเอ็นเข้าไป ใช้ลูกปัดกลมร้อยไขว้อีกที
7. ร้อยเอ็นย้อนกลับเข้าไปในรูของที่รวบเอ็นอีกครั้ง ร้อยลูกปัดกลมเล็กสีเขียวข้างละ 7 เม็ด
8. ร้อยลูกปัดกลมเล็กสีเขียว 3 เม็ด ลูกปัดสีแดง 3 เม็ด แล้วร้อยเอ็นเข้ากับเม็ดสีเขียวเม็ดที่ 3 จะได้ขอบของแบบดอกไม้
9. ร้อยลูกปัดกลมเล็กสีเขียวข้างละ 2 เม็ด แล้วร้อยเข้ากับลูกปัดกลมเล็กสีเขียวในกรอบสี่เหลี่ยม ทำอย่างนี้ซ้ำไปมา
10. ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้น ร้อยเอ็นกับที่รวบเอ็น ผูกเอ็นเข้ากับลูกปัดกลมแล้วใช้คีมหนีบที่รวบเอ็น


แหล่งที่มา : http://www.beadsthai.com/qapp/web_cart_th/articledetail1.php?News_ID=22




Read More...


การร้อยลูกปัดสุนัขพุดเดิ้ล


อุปกรณ์
1.  ลูกปัดคริสตัลขนาด 4 มม. สีขาว 70 เม็ด
2. ลูกปัดคริสตัลขนาด 4 มม. สีแดง 5 เม็ด
3. ลูกปัดคริสตัลขนาด 4 มม. สีส้ม 4 เม็ด
4. ลูกปัดคริสตัลขนาด 4 มม. สีเหลือง 4 เม็ด
5. ลูกปัดคริสตัลขนาด 4 มม. สีชมพู 4 เม็ด
6. ลูกปัดคริสตัลขนาด 4 มม. สีม่วงเข้ม 4 เม็ด
7. ลูกปัดคริสตัลขนาด 4 มม. สีฟ้า 4 เม็ด
8. ลูกปัดคริสตัลขนาด 4 มม. สีม่วง 4 เม็ด
9. ลูกปัดคริสตัลขนาด 4 มม. สีดำ 1 เม็ด
10. ลูกปัดกลมขนาด 4 มม. สีดำ 2 เม็ด
11. เอ็นเบอร์ 35
ขั้นตอนการร้อย
1. ตัดเอ็น 50 ซม. ร้อยลูกปัดคริสตัลสีขาว 4 เม็ด ตามผังลายเป็นลำตัว
2. ร้อยต่อส่วนหูกับหัวร้อยต่อจากลำตัวตามผังลาย

3. ร้อยต่อจมูกกับปาก ร้อยต่อจากส่วนหัวกับหูตามผังลายแล้วสวนปลายเก็บเอ็นในหัว
4. ร้อยต่อขาทั้ง 4 ข้างที่จุดเริ่มต้นร้อยต่อจากส่วนลำตัวตามผังลายแล้วสวนปลายเก็บเอ็นในลำตัว
5. ร้อยต่อหางที่จุดเริ่มต้นร้อยต่อจากลำตัวตามผังลายแล้วสวยปลายเก็บเอ็นในลำตัว

แหล่งข้อมูล : http://www.beadsthai.com/qapp/web_cart_th/articledetail1.php?News_ID=38




Read More...


จี้ห้อยคอ

วัสดุ
1. ลูกปัดคริสตัลสีดำ 6 มม. 12 เม็ด
2. ลูกปัดคริสตัลสีมอนตานา 5 มม. 12 เม็ด
3. ลูกปัดครัสตัลดำ 4 มม. 6 เม็ด
4. ลูกปัดกลมเล็กสีบลอนด์เงิน 60 เม็ด
5. เอ็น 40 ซม. 2 เส้น
6. เอ็น 50 ซม. 1  เส้น



ขั้นตอนการทำ
1. ใช้เอ็น 40 เซนติเมตร ร้อยลูกปัด 6 มม. 1 เม็ด ตามด้วยลูกปัดกลมเล็กด้านซ้าย และขวาอย่างละเม็ดแล้วร้อยลูกปัด 5 มม. ตามด้วยลูกปัดกลมเล็ก และร้อยลูกปัด 6 มม. 1 เม็ด ให้ไขว้กัน
2. ทำแบบนี้จนได้ลูกปัด 6 มม. 6 เม็ด แล้วให้ร้อยลูกปัดกลมเล็ก 1 เม็ด ที่ด้านซ้ายและร้อยลูกปัดกลมเล็ก 1 เม็ด ตามด้วยลูกปัด 5 มม. 1 เม็ด และลูกปัดกลมเล็กอีก 1 เม็ดที่ด้านขวา
3. ร้อยลูกปัดทั้งสองเส้นไขว้กันบริเวณด้านบน แล้วจะได้รูปทรงดอกไม้ ให้ร้อยลูกปัดแบบนี้อีก 1 ชิ้น

 

4. ใช้เอ็น 50 ซม. ร้อยลูกปัด 4 มม. ตรงกลาง และร้อยลูกปัดกลมด้านซ้าย ขวาอย่างละ 1 เม็ด
5. นำไปร้อยต่อกับลูกปัดทรงดอกไม้ที่ทำเสร็จแล้วทั้งสองอัน โดยร้อยผ่านรูลูกปัด 5 มม. และ ร้อยลูกปัดกลมเล็กด้านซ้ายขวาอย่างละ 1 เม็ด  แล้วตามด้วยลูกปัด 4 มม. ร้อยไขว้อีก 1 เม็ด
6. ขั้นตอนสุดท้าย ร้อยลูกปัดกลมเล็กด้านซ้าย และขวาของเอ็นอย่างละ 1 เม็ด และลูกปัด 4 มม. ที่ตรงกลางเอ็นทั้ง 4 ด้านแล้วจัดการกับเอ็นให้เรียบร้อย


แหล่งข้อมูล : http://www.beadsthai.com/qapp/web_cart_th/articledetail1.php?News_ID=36




Read More...


กระดุมแมงมุม ติดเสื้อ...ติดตู้เย็นเก๋


     วันนี้เรามาเพิ่มความสดใสให้กับบ้านกับเครื่องแต่งกายของเรากันให้ดูน่ารัก กุ๊กกิ๊กกันบ้างดีกว่า อย่าเพิ่งงงกับสิ่งที่เราบอกว่า เพิ่มความสดใสให้กับเสื้อผ้าและบ้านคุณ เพราะเจ้ากระดุมน้อยนี่สามารถแปลงร่างกลายเป็นกระดุมติดเสื้อ หรือแปลงร่างอีกรอบกลายเป็นกระดุม ติดตู้เย็น อ๊ะๆอย่า งง เป็นรอบที่ 2 ไปดูวีทำกันด่อนดีกว่า...ลุย

อุปกรณ์ที่ใช้ก็ หาซื้อได้ตามห้างร้านทั่วไป
- กระดุมจำนวนตามต้องการ
- โดเค็ม ที่ทำเตรียมไว้แล้ว หรือดินน้ำมันสีเขียว ดำ ขาว
- วานิชหรือสเปรย์เคลือบเงา
- แปรงทาสี
- มีดคมๆ
- ไม้นวดแป้ง


วิธีทำลองทำตามขั้นตอนและดูภาพประกอบ
1. นำดินน้ำมันมารีดเป็นแผ่นบางๆแล้วตัดออกเป็นรูปวงกลมให้กว้างพอสำหรับที่จะ นำมาห่อกระดุมที่เตรียมไว้ จากนั้นจัดการนำดินน้ำมันที่ตัดแล้วห่อกระดุมโดยให้ขอบของดินไปจรดอยู่ด้าน หลังกระดุม พยายามรีดให้ดูเรียบร้อยที่สุด


2. ใช้ดินสีดำที่เตรียมไว้แล้วมารีดเป็นเส้นบางๆไว้สำหรับทำขาแมงมุม เสร็จแล้ววางเรียงลงบนผิวหน้าดินน้ำมัน

3. นำดินสีดำปั้นเป็นรูปวงกลมแล้วกดลงตรงกลางเพื่อทำเป็นตัวแมงมุม


4. นำดินสีขาวมาปั้นเป็นรูปวงกลมขนาดเล็กเพื่อทำเป็นตาขาว และสีดำปั้นเป็นรูปวงกลมที่เล็กกว่าเพื่อทำเป็นตาดำ ติดลงบนตัวแมงมุม อาจใช้แม่เหล็กติดด้านหลังใช้สำหรับติดตู้เย็นก็ได้ 


ขอขอบคุณบทความดี ๆ ทางอาชีพ

แหล่งที่มา : http://cityvariety.com/idea/?id=26




Read More...


'ตุ๊กตาหน้าแปลก' แหวกกำไร-ทำได้ไม่ตัน




ชิ้นงานของที่ระลึก ของขวัญ ตลาดเติบโตและมีไอเดียหลากหลายเกิดขึ้นตลอด ยิ่งผสานกับการขยายตัวและความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นของการใช้ช่องทางจำหน่าย ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก ชิ้นงานน่าสนใจก็ออกสู่ตลาดได้มากขึ้น อย่างเช่นงาน ’ตุ๊กตาหน้าแปลก“ ของสาว ๆ 5 คนที่รวมกลุ่มกันทำ นี่ก็เป็นอีกกรณีศึกษา ’ช่องทางทำกิน“ ที่น่าพิจารณา...

สาว ๆ 5 คนรวมกลุ่มกันผลิตสินค้า “ตุ๊กตาหน้าแปลก” ในชื่อ “วีอาร์ดอลส์ (VRdools)”  โดย ปิยะมาศ อนุสิ ตัวแทนของกลุ่ม เล่าว่า เธอและเพื่อนรวมกลุ่มช่วยกันคิดออกแบบและประดิษฐ์ชิ้นงานนี้ขึ้น โดยทั้งหมดเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนศิลปกรรมที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลธัญบุรี คลองหก โดยกลุ่มประกอบด้วย เอื้อมพร ใจใส, วันวิสาข์ แซ่หอ, วรรณวิไล พันธ์เณร, อังคนงค์ สมหวัง และตัวเธอ ซึ่งแต่ละคนมีงานประจำทำอยู่ก่อนแล้ว

งานประจำที่ทำกันส่วนใหญ่ก็เป็นงานตามสาขาที่ได้เรียนมา คือเกี่ยวกับศิลปะ แต่ที่ทางกลุ่มชอบตรงกันคือ งานจากผ้า งานเย็บชนิดต่าง ๆ และมักนำชิ้นงานที่ทำสำเร็จไปมอบเป็นของขวัญให้เพื่อนและคนรู้จัก จนมีคนแนะนำว่าน่าจะลองทำขาย จึงได้ลองทำขายที่ถนนคนเดินบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จนถึงตอนนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว

“ผลตอบรับดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเราจะทำผลงานกันออกมา 5 สไตล์ และไม่ทำซ้ำออกมาขาย จะออกแบบใหม่อยู่ตลอด ยกเว้นลูกค้าอยากได้ตัวที่เคยทำเพิ่มเติม หลังจากนั้นเพื่อนก็คิดกันว่าน่าจะลองเพิ่มช่องทางกระจายผลงานผ่าน
เฟซบุ๊ก จึงลองดู ก็ปรากฏว่าสินค้ากลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นอีก” ปิยะมาศกล่าว

สินค้าที่ทำขึ้นนั้น ปิยะมาศบอกว่า ใช้ชื่อสินค้าว่า VRdools มาจาก we are doll ซึ่งก็แปลตรงตัวถึงความชื่นชอบของกลุ่ม ส่วนช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านเฟซบุ๊กนั้น คือ www.facebook.com/VRdolls.handmade โดยในการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางนี้ ปิยะมาศแนะนำว่า การขายในเฟซบุ๊กมีข้อดีคือ ไม่ต้องลงทุนเปิดร้าน และทำให้ชิ้นงานเป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ข้อควรระวังก็คือ การถูกนำไปทำซ้ำหรือเลียนแบบ ซึ่งต้องคอยหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอ

ชิ้นงานที่ทำอยู่ มีตั้งแต่ ตุ๊กตา พวงกุญแจ หัวดินสอ เข็มกลัด และแม่เหล็กติดตู้เย็น กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะขายในแหล่งท่องเที่ยว แต่ก็มีลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน สลับเข้ามาตลอด ลูกค้าก็มีทั้งซื้อชิ้นงานสำเร็จรูป และสั่งทำขึ้นใหม่ เพื่อนำไปเป็นของขวัญ จุดเด่นชิ้นงานอยู่ที่รูปแบบตุ๊กตา ที่มีหน้าตาและแบบไม่ซ้ำกัน

ทุนเบื้องต้น ใช้เงินลงทุนประมาณ 7,000 บาท ในกรณีเย็บตุ๊กตาด้วยมือ แต่ถ้ามีจักรเย็บผ้าด้วยต้นทุนก็จะสูงขึ้นตามราคาของจักรที่ใช้  ส่วนทุนเฉพาะในส่วนของวัตถุดิบ อยู่ที่ประมาณ 30% จากราคาขาย โดยสินค้ามีราคาขายเริ่มตั้งแต่ 50 บาท ไปจนถึง 400 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของสินค้า

วัสดุอุปกรณ์ ประกอบด้วย จักรเย็บผ้า, เข็มกับด้ายสีต่าง ๆ, กรรไกร, ผ้าสีและลวดลายต่าง ๆ, กาวยาง และสมุดร่างแบบ, อุปกรณ์ตกแต่ง อาทิ กระดุมผ้าลูกไม้ โบ-ริบบิ้น ลูกตาปลอม ใยโพลีเอสเตอร์  โซ่ไข่ปลา หรือห่วงพวงกุญแจ

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากออกแบบโดยวาดรูปแบบที่คิดไว้ลงบนสมุดวาดแบบร่าง จากนั้นทำแพตเทิร์นในกรณีที่ต้องการทำตุ๊กตาแบบเดียวกันหลายตัว หากเป็นการทำชิ้นเดียวก็สามารถขึ้นชิ้นงานด้วยการวาดแบบลงผ้าได้เลย

เมื่อได้แบบแล้ว ก็ทำการตัดผ้าตามแบบ แล้วเย็บตามเส้นร่างที่วาดไว้ ถ้าจะต่อชิ้นส่วนของตัวตุ๊กตาเลยก็ให้เย็บต่อกันในส่วนนี้ แต่ถ้าต้องการต่อตัวตุ๊กตาตอนเสร็จก็อาจตัดผ้าไว้หลาย ๆ ชิ้นก่อน แล้วจึงค่อยเย็บขึ้นชิ้นงานตอนหลังทีเดียว ทำการกลับตะเข็บ ยัดใยโพลีเอสเตอร์ให้อ้วนฟู ทำการเย็บทุกชิ้นส่วนประกอบกัน และตกแต่งชิ้นงาน เป็นอันเสร็จ

“ถ้าใช้ของดี ทุนก็จะสูงหน่อย แต่จริง ๆ หากไม่ต้องการลงทุนสูง วัสดุอุปกรณ์ราคากลาง ๆ ก็พอใช้ได้ งานนี้ขึ้นอยู่กับการขายไอเดียเป็นสำคัญ อีกอย่างที่อยากเน้นคือ คนที่สนใจคิดจะยึดงานแบบนี้เพื่อทำเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริม ต้องประณีต ใจเย็น สนุกกับงานให้มาก และต้องมีความคิดสร้างสรรค์ อย่าลอกเลียนผลงานคนอื่น” ปิยะมาศกล่าว
ใครสนใจ ’ตุ๊กตาหน้าแปลก“ ก็ลองเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามช่องทางที่ว่ามาข้างต้น หรือต้องการติดต่อกับกลุ่มที่ทำทางโทรศัพท์ติดต่อได้ที่ โทร.08-9649-3848, 08-3591-9588, 08-1397-9699 หรือติดต่อผ่านทางอีเมลได้ที่ doll_handmade2011@hotmail.com ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษา ’ช่องทางทำกิน“ ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย.
ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ รายงาน
credit : http://www.dailynews.co.th/article/384/160506



Read More...


‘ตุ๊กตาสวิตช์ไฟ’ แฮนด์เมดขายความต่าง..



 สินค้างานแฮนด์เมด นอกจากจะต้องมีไอเดียความคิดสร้างสรรค์ คิดสินค้าออกมาให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ตัวสินค้าที่โดดเด่นสะดุดตาผู้ซื้อ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ เพราะจะทำให้ลูกค้าจดจำสินค้า และสนใจซื้อสินค้า อย่างงาน “ตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า” ที่เป็นแม็กเน็ต ที่เป็นการสร้างสรรค์โดยนำสวิตช์ไฟฟ้ามาทำเป็นตุ๊กตา เป็นงานไอเดียที่น่าสนใจ โดยเจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้บอกว่า “งานที่เป็นงานแฮนด์เมด ถ้าเราทำก็จะต้องคงคำว่างานแฮนด์เมดไว้ คือเราต้องทำด้วยมือทุกขั้นตอน” ซึ่งวันนี้เรามาดูกันว่างานแฮนด์เมด “ตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า” นี้เป็นอย่างไร... 


มะกอก-ศุกฤษ จันทร์เพ็ญ และ ยิ่ง-ยิ่งยศ พูลเพิ่มทรัพย์ ช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานแฮนด์เมด “ตุ๊กตาสวิตซ์ไฟฟ้า” ออกสู่ตลาด ภายใต้แบรนด์ “Man by Head” โดยมะกอกเล่าว่า ตนนั้นเรียนจบมาทางด้านออกแบบตกแต่งภายใน แล้วพอจบออกมาก็เข้าทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศ แต่ทำอยู่ได้ระยะหนึ่งก็เริ่มรู้สึกเบื่องานประจำ เพราะค้นพบว่าไม่ใช่ตัวตนของตัวเอง เพราะเป็นคนที่รักอิสระ จึงตัดสินใจออกจากงานประจำมารับงานเอง เป็นอิสระมากขึ้น

หลังจากออกมารับงานเองก็ไม่วายต้องพบเจอปัญหาเรื่องคนเยอะแยะ จึงมองหางานอื่น ก็มานั่งคิดว่าจะทำอะไรดีที่มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้น จนที่สุดก็มาจับงานแฮนด์เมดซึ่งชอบอยู่แล้ว “ตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า” จึงถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา

“เรามองเจ้าสวิตช์ไฟฟ้าเหมือนหน้าคนมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว จึงเอาความคิดนั้นมาสร้างสรรค์เป็นงานออกมาขาย แต่กว่าที่จะลงมือทำเจ้าตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้าก็ใช้เวลาอยู่ประมาณ 1-2 เดือน ในการออกแบบคิดงาน ให้งานออกมาดูดี น่ารักลงตัว และมีเอกลักษณ์เป็นแบบฉบับของเราเอง พอคนเห็นก็จะรู้ทันทีว่าเป็นงานของเรา” มะกอกกล่าว

หลังจากที่ออกแบบจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ก็ไปทำการ “จดสิทธิบัตร” จากนั้นก็ลงมือสร้างชิ้นงาน โดยใช้เงินลงทุนตอนแรก 30,000 กว่าบาท ในการซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ มาทำ
เมื่อทำผลงานออกมาสู่ตลาดแล้ว เพื่อนหลายคนก็บอกว่าเป็นงานที่น่ารักดี จากนั้นก็เอาไปวางขายที่ตลาดสวนรถไฟ แรก ๆ ก็ยังไม่มีคนสนใจเท่าไหร่ แต่เพราะเชื่อว่างานที่ทำขึ้นต้องขายได้ จึงไม่ท้อ และพยายามขายต่อไป จนที่สุดสินค้าของมะกอกก็เริ่มได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี มีลูกค้าติดต่อเข้ามาสั่งซื้อมาก

นอกจากตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า มะกอกก็ยังสร้างสรรค์นาฬิกาน่ารัก ๆ ออกมาจำหน่ายคู่กันไปด้วย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีไม่แพ้กัน

“งานทุกชิ้น การ์ตูนทุกตัวที่เราทำ จะออกแบบเองทั้งหมด” ...มะกอกกล่าว
สำหรับ “ตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า” วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในทำ หลัก ๆ ก็มี... สวิตช์ไฟฟ้า, หลอดไฟ LED, ถ่านนาฬิกาข้อมือ (ก้อนแบนเล็ก), ไม้ MDF, เลื่อยฉลุ, สีโปสเตอร์, แม่เหล็ก, เคลียร์สเปรย์ (สำหรับพ่นเคลือบเงา) เป็นต้น

“ที่ใช้สีโปสเตอร์ เพราะสีโปสเตอร์นั้นมีลักษณ์ของเนื้อสีที่บาง เวลาทาลงบนเนื้อไม้จะเรียบบาง ไม่หนา เกาะติดไม้ได้ดี ติดทนนาน” มะกอกกล่าว

ขั้นตอนการทำ เริ่มจาก... ออกแบบก่อน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญ โดยจะต้องออกแบบให้สัดส่วนระหว่างส่วนหัวและส่วนตัวของตุ๊กตาที่จะทำนั้นลง ตัว มีสัดส่วนที่เหมาะสม ดูแล้วสวยน่ารัก ดูเป็นตัวการ์ตูน พอออกแบบตัวตุ๊กตาเสร็จแล้วจากนั้นก็เริ่มลงมือทำ

เริ่มจากการประกอบส่วนหัวที่เป็นสวิตช์ไฟฟ้าก่อน โดยการต่อวงจรไฟฟ้า ใช้หลอดไฟ LED สีแดง 2 หลอด วางและเชื่อมต่อเข้ากับสวิตช์ไฟฟ้า เปิด-ปิดไฟได้ โดยใช้ถ่านนาฬิกาเป็นตัวให้พลังงาน
หลังจากที่ทำส่วนหัวที่เป็นสวิตช์ไฟฟ้าเสร็จแล้ว ก็มาลงมือทำส่วนตัวตุ๊กตา โดยนำแบบที่ออกแบบไว้ไปวางทาบลงบนไม้ MDF ใช้ดินสอร่างตามแบบ แล้วก็ใช้เลื่อยฉลุทำการตัดตามแบบที่ร่างไว้ ตัดตามแบบเสร็จก็ใช้กระดาษทรายขัดลบเสี้ยน ขัดให้ผิวไม้เรียบ

ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนการลงลวดลาย ลงสี บนส่วนตัวของตัวตุ๊กตา เริ่มจากวาดลวดลายตามแบบที่ต้องการลงไปก่อน จากนั้นก็ลงสี เมื่อลงสีเสร็จทิ้งไว้ให้สีแห้งสนิท จากนั้นก็พ่นเคลียร์เคลือบเงา พอเคลียร์แห้งก็นำส่วนหัวที่เป็นสวิตช์ไฟฟ้ามาติดประกอบเข้ากับส่วนตัว ตุ๊กตา ใช้กาวร้อนยึดติดให้แน่น ติดแม่เหล็ก 2 ชิ้นไว้ด้านหลัง เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า แม็กเน็ต Man by Head มีหลายแบบหลายลาย หรือลูกค้าจะสั่งวาดตามแบบที่ต้องการก็ได้ โดยมีราคาขายอยู่ที่ 150 บาทต่อตัว แต่ถ้าสั่งซื้อ 20 ตัวขึ้นไปจะซื้อได้ในราคาตัวละ 100 บาท ส่วนนาฬิกาแบบต่าง ๆ ที่มีการทำขายด้วย มีราคาตั้งแต่ 250 บาท ถึง 400 บาท

ใครสนใจ “ตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า” ที่เป็นแม็กเน็ต หรือนาฬิกาแบบต่าง ๆ แวะไปดูไปชมผลงานเพิ่มเติมได้ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร โครงการ 26 ซอย 34/7 หรือที่ Facebook : ManByHead หรือถ้าจะสั่งทำหรือสั่งไปจำหน่ายต่อเป็น “ช่องทางทำกิน” อีกสเต็ปหนึ่ง ก็โทรฯไปพูดคุยสอบถามได้ที่ โทร.09-0653-3389, 09-0981-2960

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน

คู่มือลงทุน...ตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า
ทุนเบื้องต้น    ประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัสดุ        ประมาณ 50% ของราคา
รายได้        ราคา 100-150 บาท/ชิ้น
แรงงาน        1 คนขึ้นไป
ตลาด        กลุ่มแฮนด์เมด, ขายผ่านเน็ต
จุดน่าสนใจ    คิดทำเอกลักษณ์สร้างจุดขาย

credit : http://www.dailynews.co.th/article/384/159090




Read More...


‘ถุงผ้าปักริบบิ้น’ ทำกินด้วยฝีไม้ลายมือ

“ถุงผ้าปักริบบิ้น” เป็นอีกงานประดิษฐ์ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” ไปเก็บข้อมูลมาจากงาน “ตลาดนัดภูมิปัญญาไทย สร้างอาชีพ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” ซึ่งจัดที่อาคารใหม่ สวนอัมพร เขตดุสิต โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในงานก็มีผู้ให้ความสนใจเข้ารับการอบรมเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่มสาว หรือผู้สูงอายุที่เป็นผู้ร่วมงานกลุ่มหลักของกิจกรรมนี้ วันนี้เรามาดูข้อมูลกัน...

จินตนา สง่า อาจารย์จากคณะคหกรรมศาสตร์ วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี ซึ่งเป็นวิทยากรอบรม เล่าว่า เธอจะสอนงาน “ถุงผ้าปักริบบิ้น” ตอนที่ออกงานกับหน่วยงานราชการ ซึ่งงานปกติที่วิทยาลัยฯนั้นสอนการตัดเย็บเสื้อ เย็บปลอกหมอน เย็บกระเป๋า อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากออกงานที่สวนอัมพรแล้ว ปรากฏว่ามีผู้เข้าร่วมอบรมโทรศัพท์มาขอเรียนเพิ่มเติม ซึ่งก็ให้ทุกคนรวมตัวกันมาเรียนที่วิทยาลัยฯ

 






                     
สำหรับที่มาของงานปักริบบิ้นนั้น  อ.จินตนา เล่าว่า เมื่อหลายปีก่อน เธอได้ไปบ้านลูกศิษย์คนหนึ่งที่สนิทกัน และไปพบว่าบ้านของลูกศิษย์นี้มีหมอนอิงปักริบบิ้นรูปดอกไม้  แต่เป็นของต่างประเทศ  ซึ่งราคาค่อนข้างแพง เธอจึงได้ไอเดียนี้มาลองทำดูด้วยตัวเอง ด้วยริบบิ้นผ้าของไทย ซึ่งก็ทดลองทำอยู่นาน  ลองทำหลาย ๆ วิธี จนได้ออกมาเป็นวิธีที่ง่าย ได้ลวดลายที่สวยงาม และก็มีการสอนนอกหน่วยงานไม่กี่ครั้ง ซึ่งก็มีลูกศิษย์ติดใจตามมาเรียนเพิ่มที่วิทยาลัยฯ  

วัสดุในการทำ “ถุงผ้าปักริบบิ้น” หลัก ๆ ก็มี ผ้าเนื้อโปร่ง อาทิ ผ้าฝ้าย ผ้าไหม หรือผ้าลินิน เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ขนาดกว้าง 6.5 นิ้ว ยาว 16 นิ้ว พับครึ่ง ใช้ส่วนของครึ่งผ้าด้านใดด้านหนึ่งสำหรับปัก, ริบบิ้นผ้าสีต่าง ๆ (ขนาดกว้าง  0.5 ซม.) ไหมสีต่าง ๆ, ใยโพลีเอสเตอร์       

ส่วนอุปกรณ์ ได้แก่ สะดึง, เข็มปักครอสสติตช์ และปากกาเขียนลายผ้า

วิธีทำ เตรียมผ้าตามขนาดข้างต้น เลือกด้านใดด้านหนึ่ง จากนั้นใช้ปากกาเขียนลายลงบนผ้า ซึ่งจะขึ้นโครงลายเป็นรูปหัวใจ หรือกิ่งไม้ หรือรูปตัวอักษรภาษาอังกฤษ ก็ได้ตามต้องการ แต่ในโครงลายนั้น ๆ จะมีรูปโครงดอกไม้ซ้อนอยู่ข้างในอยู่ด้วย การวาดรูปโครงดอกไม้นั้น วิธีการคือวาดคล้าย ๆ รูปดาว ซึ่งอาจจะมี 7 แฉก หรือ 5 แฉก หรือ 3 แฉก สุดแท้แต่ ซึ่งแฉกเหล่านี้จะเป็นส่วนขาดอก

สำหรับโครงดอกไม้ที่วาดคล้ายรูปดาวที่มีขนาดใหญ่หน่อย อ.จินตนาแนะนำให้ใช้ปากกาวาดรูปวงกลมล้อมรอบรูปดาวนั้นด้วย และให้เย็บไหมเส้นเล็กทับลงบนเส้นแฉกดาว (ขาดอก) ด้วย เพื่อความสะดวกในการเย็บปักดอกไม้ในขั้นตอนต่อไป ส่วนถ้าเป็นดาวเล็กไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมขั้นตอนการปัก อ.จินตนาอธิบายว่า เริ่มที่สนเข็มปักครอสสติตช์กับริบบิ้นผ้าที่มีความยาว 1 ฟุต มัดปมริบบิ้นด้านใดด้านหนึ่ง จากนั้นแทงเข็มจากด้านหลังขึ้นมาตรงกลางดอกหรือกลางดาว สอดริบบิ้นเข้าไปใต้ขาดอกเส้นใดเส้นหนึ่ง  ดึงขึ้น แล้วหมุนริบบิ้น เว้นไป 1 ขา แล้วร้อยเข้าไปใต้ขาถัดไป ดึงขึ้น แล้วหมุน เว้นไป 1 ขา ร้อยเข้าไปใต้ขาถัดไป ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนเต็มดอก

กรณีดอกไม้ดอกเล็ก ให้สนเข็มปักครอสสติตช์กับริบบิ้นผ้าแบบเดียวกับข้างต้น แทงเข็มจากด้านหลังขึ้นมากลางดอก แล้วปักริบบิ้นไปตามรอยวาดรูปดอกไม้ที่วาดไว้ จนรอบดอก แต่ไม่ต้องหมุนริบบิ้น ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนครบลายที่วาดเตรียมไว้ ส่วนลายเส้นที่เป็นรูปหัวใจ รูปกิ่งไม้ หรือรูปตัวอักษรภาษาอังกฤษ อ.จินตนาแนะนำให้เย็บริบบิ้นด้วยวิธีการด้นถอยหลังไปตามรอย

เสร็จขั้นตอนที่ว่ามาแล้ว ก็นำใยโพลีเอสเตอร์ตัดขนาดเท่ากับผ้า เย็บติดกับผ้าปิดลายด้านหลัง เพื่อปกปิดเศษริบบิ้นอีกด้านที่ไม่เรียบร้อย จากนั้นพับครึ่งประกบให้เป็นถุงแล้วเย็บริมผ้าทั้ง 3 ด้านให้เรียบร้อย และเย็บเชือกไนลอนเล็กกับปากถุงผ้า 2 ด้านให้เป็นสายสะพาย เท่านี้ก็จะได้ “ถุงผ้าปักริบบิ้น”

ราคาขายนั้น อ.จินตนาบอกว่า ขายได้ในราคาใบละประมาณ 300 บาท โดยมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 100 บาท
                    
สนใจเรื่องการทำ “ถุงผ้าปักริบบิ้น” และวิชาชีพการตัดเย็บอื่น ๆ สำหรับเป็น “ช่องทางทำกิน” ต้องการติดต่อ อ.จินตนา สง่า ติดต่อได้ที่คณะคหกรรมศาสตร์ วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี เลขที่ 159 ถนนเชียงใหม่ แขวง/เขตคลองสาน กรุงเทพฯ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2437-5371 ต่อ 118 หรือ 08-6891-4637.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน

..........................................

คู่มือลงทุน...ถุงผ้าปักริบบิ้น

ทุนอุปกรณ์    ไม่เกิน 1,000 บาท  
ทุนวัสดุ    ประมาณ 100 บาท/ถุง  
รายได้     ราคาขาย 300 บาท/ถุง  
แรงงาน    1 คนขึ้นไป
ตลาด    รับสั่งทำ, หาแหล่งขายส่ง
จุดน่าสนใจ    ทำขายเป็นอาชีพเสริมได้

credit : http://www.dailynews.co.th/article/384/159328



Read More...


ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0










































 
Blogger Tips and TricksLatest Tips And TricksBlogger Tricks
Do it your self,handmade,HandiCraft,งานฝีมือ,อาชีพเสริม,ช่องทางทำเงิน บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.