ความถนัด ความชอบ ความสนใจส่วนตัวหลายคน สามารถใช้สิ่งนี้ผลิตสินค้าออกมาในรูปแบบที่ใช้ประโยชน์ได้จริง
หลายคนสามารถใช้สิ่งนี้สร้างอาชีพได้ ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีอีกหนึ่งกรณีศึกษามานำเสนอ
กับการผลิต “แฮปปี้บอกซ์ กล่องเก็บความสุข” จำหน่าย โดยมีที่มาจากความชอบเป็นทุนเดิม...
เบลล์-ปีติภัทร ปัญญาสุขศิริ เป็นเจ้าของร้านบีเบลล์ (BeBelle) ขายเครื่องประดับ ของขวัญแฮนด์เมด
เป็นผู้ประยุกต์งานเดคูพาจ-การผนึกภาพลงบนวัตถุ โดยใช้ “ภาพถ่าย” แทนการใช้กระดาษห่อของขวัญ กระดาษนิตยสาร หรือกระดาษทิซชูลวดลาย ซึ่งเป็นเทคนิคดั้งเดิม โดยทำจำหน่ายมาเกือบ 1 ปีแล้ว
เจ้าตัวเล่าว่า หลังเรียนจบปริญญาตรีด้านสื่อสารมวลชน
และระหว่างศึกษาต่อปริญญาโท ได้เริ่มทำเครื่องประดับแฮนด์เมดขายตามออฟฟิศและทาง
อิเทอร์เน็ต หลังแต่งงานแล้วก็ยังคงชอบงานประดิษฐ์ และงานถ่ายภาพด้วยจึงคิดประยุกต์งานกับวัสดุและสินค้าในร้านขายวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว
ด้วยความที่ชอบประดิษฐ์ “กล่อง” สำหรับเก็บภาพประทับใจ และของสะสมของตนเอง
จึงเป็นที่มาของ “แฮปปี้บอกซ์ กล่องเก็บความสุข” ซึ่งเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เป็นของโหลโดยคุณค่าอยู่ที่การผลิตจำนวนน้อยชิ้นหรือส่วนใหญ่เป็นชิ้นเดียว และมีการทำเป็นลายเฉพาะตามความต้องการลูกค้า
จากการที่ชอบถ่ายรูปด้วย จึงมีอุปกรณ์ซึ่งเป็นต้นทุนหลักอยู่แล้ว คือ กล้อง คอมพิวเตอร์ เครื่องโฟโต้พริ้นเตอร์และกระดาษสำหรับพิมพ์ภาพถ่าย จึงทดลองทำกล่องต้นฉบับใบแรกจากรูปศิลปินคนโปรด
ลองผิดลองถูกกับเรื่องการเลือกชนิดของกระดาษสำหรับพิมพ์ภาพถ่าย การใช้กาวผนึกภาพถ่ายและการเคลือบอยู่หลายรูปแบบ จึงมาลงตัวที่การเคลือบด้วยน้ำมันเคลือบแข็งโพลียูริเทน ซึ่งทำให้กล่องแข็งแรงเหมือนไม้อัด ทำความสะอาดได้ง่าย เงางามคล้ายเรซิ่นต่างจากการใช้แล็กเกอร์ซึ่งให้ความเงาเล็กน้อยและไม่คงทนแข็งแรง
สำหรับการทำแฮปปี้บอกซ์ มีขั้นตอนหลักๆ คือเริ่มที่เตรียมวัสดุ-อุปกรณ์ มีกระดาษแข็งเบอร์ 32,
กาวลาเท็กซ์, คัตเตอร์, กรรไกร, แผ่นรองตัด, น้ำยาเคลือบ (ยูริเทน), พู่กัน, มือจับ, ตัวล็อก, บานพับ,
เกลียวปล่อย, ไขควง และกระดาษภาพถ่ายที่พิมพ์ออกมาแล้ว ตามความชอบ
วิธีทำ
เริ่มที่ตัดกระดาษตามขนาดกล่องที่ต้องการ โดยส่วนตัวกล่อง แบ่งเป็นกระดาษของตัวกล่อง ใช้กระดาษแข็งโดยชิ้นด้านก้นกล่องขนาด 15X17 ซม. 1 ชิ้น, ฝากล่องด้านกว้าง 8X14.4 ซม. 2 ชิ้น,
ฝากล่องด้านยาว 8X17 ซม. 2 ชิ้น ส่วนด้านฝากล่อง ตัดแบ่งกระดาษตามขนาดคือ ฝากล่อง 15X17 ซม. 1 ชิ้น,ฝากล่องด้านกว้าง ขนาด 3X14 ซม. 2 ชิ้น และกระดาษฝากล่องด้านยาว 3X17 ซม. 2 ชิ้น
จากนั้นนำแต่ละชิ้นส่วนมาประกอบเป็นตัวกล่องและฝากล่องโดยแต่ละส่วนใช้แผ่นกระดาษแข็งชิ้นก้นและชิ้นฝาเป็นฐาน แล้วนำแผ่นกระดาษแข็งด้านกว้างและยาวมาประกอบใช้กาวลาเท็กซ์ติดยึด รอให้แห้ง แล้วทาสีน้ำภายในกล่องไว้ก่อน
ด้วยความที่ชอบประดิษฐ์ “กล่อง” สำหรับเก็บภาพประทับใจ และของสะสมของตนเอง
จึงเป็นที่มาของ “แฮปปี้บอกซ์ กล่องเก็บความสุข” ซึ่งเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เป็นของโหลโดยคุณค่าอยู่ที่การผลิตจำนวนน้อยชิ้นหรือส่วนใหญ่เป็นชิ้นเดียว และมีการทำเป็นลายเฉพาะตามความต้องการลูกค้า
จากการที่ชอบถ่ายรูปด้วย จึงมีอุปกรณ์ซึ่งเป็นต้นทุนหลักอยู่แล้ว คือ กล้อง คอมพิวเตอร์ เครื่องโฟโต้พริ้นเตอร์และกระดาษสำหรับพิมพ์ภาพถ่าย จึงทดลองทำกล่องต้นฉบับใบแรกจากรูปศิลปินคนโปรด
ลองผิดลองถูกกับเรื่องการเลือกชนิดของกระดาษสำหรับพิมพ์ภาพถ่าย การใช้กาวผนึกภาพถ่ายและการเคลือบอยู่หลายรูปแบบ จึงมาลงตัวที่การเคลือบด้วยน้ำมันเคลือบแข็งโพลียูริเทน ซึ่งทำให้กล่องแข็งแรงเหมือนไม้อัด ทำความสะอาดได้ง่าย เงางามคล้ายเรซิ่นต่างจากการใช้แล็กเกอร์ซึ่งให้ความเงาเล็กน้อยและไม่คงทนแข็งแรง
สำหรับการทำแฮปปี้บอกซ์ มีขั้นตอนหลักๆ คือเริ่มที่เตรียมวัสดุ-อุปกรณ์ มีกระดาษแข็งเบอร์ 32,
กาวลาเท็กซ์, คัตเตอร์, กรรไกร, แผ่นรองตัด, น้ำยาเคลือบ (ยูริเทน), พู่กัน, มือจับ, ตัวล็อก, บานพับ,
เกลียวปล่อย, ไขควง และกระดาษภาพถ่ายที่พิมพ์ออกมาแล้ว ตามความชอบ
วิธีทำ
เริ่มที่ตัดกระดาษตามขนาดกล่องที่ต้องการ โดยส่วนตัวกล่อง แบ่งเป็นกระดาษของตัวกล่อง ใช้กระดาษแข็งโดยชิ้นด้านก้นกล่องขนาด 15X17 ซม. 1 ชิ้น, ฝากล่องด้านกว้าง 8X14.4 ซม. 2 ชิ้น,
ฝากล่องด้านยาว 8X17 ซม. 2 ชิ้น ส่วนด้านฝากล่อง ตัดแบ่งกระดาษตามขนาดคือ ฝากล่อง 15X17 ซม. 1 ชิ้น,ฝากล่องด้านกว้าง ขนาด 3X14 ซม. 2 ชิ้น และกระดาษฝากล่องด้านยาว 3X17 ซม. 2 ชิ้น
จากนั้นนำแต่ละชิ้นส่วนมาประกอบเป็นตัวกล่องและฝากล่องโดยแต่ละส่วนใช้แผ่นกระดาษแข็งชิ้นก้นและชิ้นฝาเป็นฐาน แล้วนำแผ่นกระดาษแข็งด้านกว้างและยาวมาประกอบใช้กาวลาเท็กซ์ติดยึด รอให้แห้ง แล้วทาสีน้ำภายในกล่องไว้ก่อน
ต่อมานำกระดาษภาพถ่ายที่พิมพ์ออกมาแล้วมาวัดกับตัวกล่องแต่ละด้าน โดยส่วนขอบให้เกินเล็กน้อย
สำหรับพับเก็บขอบแต่ละด้าน จากนั้นติดกระดาษภาพถ่ายให้ทั่วกล่อง รอจนแห้ง อาจใช้ไดร์เป่าผมช่วย
แล้วเคลือบภายนอกรอบกล่องด้วยน้ำยาเคลือบ รอจนแห้ง ติดบานพับ ตัวล็อก มือจับ เป็นอันเสร็จ
เทคนิคผนึกภาพลงบนวัตถุนี้ นอกจากกล่องแล้ว ก็สามารถใช้กับวัสดุอย่างอื่นได้ด้วย อาทิ ถังกระดาษรีไซเคิล,ไม้เอ็มดีเอฟ, ตะกร้าหวาย, พลาสติก, แก้ว, กระเบื้อง ฯลฯ ซึ่งก็จะกลายเป็นสินค้าได้หลายชนิด
เรื่องราคานั้น ขึ้นอยู่กับประเภทและจำนวนของกระดาษที่ใช้ สารที่ใช้เคลือบ
และจำนวนช่องชั้น กระจก สายโซ่ ที่ลูกค้าเลือกเพิ่มเติมโดยทุนวัสดุอยู่ที่ประมาณ 45% บวกต้นทุนเวลาและค่าฝีมือ 35%แล้วตั้งราคาขายให้มีกำไรราว 20% สำหรับราคาส่ง และ 30% สำหรับการขายปลีก
ราคากล่องของร้านนี้
ถ้าเคลือบแล็กเกอร์ 50-250 ส่วนราคากล่องที่เคลือบยูริเทน ราคา 100-400
หากใช้ภาพรอบกล่องราคาก็จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนกระดาษภาพถ่าย แต่ไม่เกิน 800 บาท
สำหรับคนที่สนใจทำงานประดิษฐ์รูปแบบนี้
เบลล์แนะนำว่า ต้องมีจินตนาการ มีความคิดสร้างสรรค์ ขยันคิดงานใหม่ๆ ออกมา
โดยมองหาวัสดุใกล้ตัวก่อนว่านำมาประยุกต์ทำอะไรได้บ้าง
และที่สำคัญที่สุดต้องมีความเข้าใจในงาน ว่ามีจุดเด่นอะไร ต่างจากของคนอื่นอย่างไร
และต้องลองเลือกวัสดุให้หลากหลายรูปแบบ และราคา เพื่อให้ตรงใจลูกค้าได้หลายกลุ่ม
ที่สำคัญควรมีโบรชัวร์รายละเอียดสินค้าสำหรับให้ลูกค้าเลือกด้วย
ปัจจุบันเบลล์มีแหล่งขายสินค้าหลายย่าน เช่นย่านห้วยขวาง ระหว่างซอยประชาสงเคราะห์ 33 กับ 33/1และมีเว็บไซต์ http://www.bebelleshop. com สำหรับให้ลูกค้าได้ดูรายละเอียดชิ้นงาน
ส่วนหมายเลขโทรศัพท์คือ 08-6999-2039 ซึ่งเจ้าตัวบอกว่ารับสอนให้กับผู้ที่สนใจด้วย.
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน
ข้อมูลโดย : http://www.dailynews.co.th
สำหรับพับเก็บขอบแต่ละด้าน จากนั้นติดกระดาษภาพถ่ายให้ทั่วกล่อง รอจนแห้ง อาจใช้ไดร์เป่าผมช่วย
แล้วเคลือบภายนอกรอบกล่องด้วยน้ำยาเคลือบ รอจนแห้ง ติดบานพับ ตัวล็อก มือจับ เป็นอันเสร็จ
เทคนิคผนึกภาพลงบนวัตถุนี้ นอกจากกล่องแล้ว ก็สามารถใช้กับวัสดุอย่างอื่นได้ด้วย อาทิ ถังกระดาษรีไซเคิล,ไม้เอ็มดีเอฟ, ตะกร้าหวาย, พลาสติก, แก้ว, กระเบื้อง ฯลฯ ซึ่งก็จะกลายเป็นสินค้าได้หลายชนิด
เรื่องราคานั้น ขึ้นอยู่กับประเภทและจำนวนของกระดาษที่ใช้ สารที่ใช้เคลือบ
และจำนวนช่องชั้น กระจก สายโซ่ ที่ลูกค้าเลือกเพิ่มเติมโดยทุนวัสดุอยู่ที่ประมาณ 45% บวกต้นทุนเวลาและค่าฝีมือ 35%แล้วตั้งราคาขายให้มีกำไรราว 20% สำหรับราคาส่ง และ 30% สำหรับการขายปลีก
ราคากล่องของร้านนี้
ถ้าเคลือบแล็กเกอร์ 50-250 ส่วนราคากล่องที่เคลือบยูริเทน ราคา 100-400
หากใช้ภาพรอบกล่องราคาก็จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนกระดาษภาพถ่าย แต่ไม่เกิน 800 บาท
สำหรับคนที่สนใจทำงานประดิษฐ์รูปแบบนี้
เบลล์แนะนำว่า ต้องมีจินตนาการ มีความคิดสร้างสรรค์ ขยันคิดงานใหม่ๆ ออกมา
โดยมองหาวัสดุใกล้ตัวก่อนว่านำมาประยุกต์ทำอะไรได้บ้าง
และที่สำคัญที่สุดต้องมีความเข้าใจในงาน ว่ามีจุดเด่นอะไร ต่างจากของคนอื่นอย่างไร
และต้องลองเลือกวัสดุให้หลากหลายรูปแบบ และราคา เพื่อให้ตรงใจลูกค้าได้หลายกลุ่ม
ที่สำคัญควรมีโบรชัวร์รายละเอียดสินค้าสำหรับให้ลูกค้าเลือกด้วย
ปัจจุบันเบลล์มีแหล่งขายสินค้าหลายย่าน เช่นย่านห้วยขวาง ระหว่างซอยประชาสงเคราะห์ 33 กับ 33/1และมีเว็บไซต์ http://www.bebelleshop. com สำหรับให้ลูกค้าได้ดูรายละเอียดชิ้นงาน
ส่วนหมายเลขโทรศัพท์คือ 08-6999-2039 ซึ่งเจ้าตัวบอกว่ารับสอนให้กับผู้ที่สนใจด้วย.
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน
ข้อมูลโดย : http://www.dailynews.co.th
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ขายของได้ทุกที่ บนรถขายขายของเคลื่อนที่ ได้ทั้งของกินและเครื่องดื่ม
ตัวอย่างอาชีพค้าขายที่ไม่ง้อทำเล(รูป)ตอน 1-12
download ...http://bit.ly/2kYAKOt
ตัวอย่างอาชีพค้าขายที่ไม่ง้อทำเล(รูป)ตอน 1-12
download ...http://bit.ly/2kYAKOt
Adv